id
stringlengths
3
7
revid
stringlengths
1
8
url
stringlengths
39
43
title
stringlengths
1
182
text
stringlengths
140
247k
1161812
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161812
สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สาม
สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สาม หรือ สงครามดัตช์ครั้งที่สาม เป็นความขัดแย้งทางทหารทางทะเลระหว่างสาธารณรัฐดัตช์ กับอังกฤษ ซึ่งมีฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรหลัก ตั้งแต่ 7 เมษายน ค.ศ. 1672 จนถึง 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1674 และได้ลุกลามไปเป็นสงครามฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์ในช่วงปีค.ศ. 1672 จนถึงค.ศ. 1678 ในปีค.ศ. 1670 พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษได้ทำสนธิสัญญาอย่างลับๆ กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เกี่ยวกับการร่วมมือทำสงครามกับสาธารณรัฐดัตช์ โดยฟากฝรั่งเศสมีวัตถุประสงค์หลักในการยึดครองดินแดนเนเธอร์แลนด์ของสเปน ส่วนอังกฤษนั้นต้องการกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาจากการพ่ายแพ้ในยุทธนาวีเมดเวย์ในปีค.ศ. 1667 โดยหนึ่งในสนธิสัญญานี้กล่าวถึงเงินทุนก้อนหนึ่งที่จะช่วยให้พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษนั้นมีอิสระในการใช้จ่ายโดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบของรัฐสภา กองทัพเรือฝรั่งเศสเริ่มสงครามก่อนในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน ปีค.ศ. 1672 และสามารถเข้าควบคุมน่านน้ำเนเธอร์แลนด์เกือบทั้งหมด ยกเว้นบริเวณมณฑลฮอลแลนด์ ซึ่งกองทัพเรือฝรั่งเศสถูกตีแตกโดยกองทัพเรือดัตช์ แต่ต่อมาต้นเดือนมิถุนายน กองทัพเรืออังกฤษและฝรั่งเศสได้ถูกทำลายอย่างหนักโดยกองทัพเรือดัตช์ภายใต้การนำของจอมทัพเรือมิเชล เดอ รุยเทอร์ ในยุทธนาวีโซลเบย์ โดยเพื่อต้องการจะควบคุมทางเดินสินค้าทั้งหมดให้ได้
1161819
401663
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161819
กฤตย์ รัตนรักษ์
กฤตย์ รัตนรักษ์ (เกิด 19 เมษายน พ.ศ. 2489) ประธานกรรมการบริหารบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด และช่อง 7 เอชดี อดีตเจ้าของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ประวัติ. กฤตย์ เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2489 เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน มีน้องสาว 5 คน ปัจจุบันน้องสาว 4 คนอาศัยอยู่ต่างประเทศ นิตยสารฟอบส์เคยกล่าวถึงตระกูลรัตนรักษ์ว่าเป็น "กลุ่มคนที่ลึกลับ" และบุตรชายของกฤตย์ ชัชชน รัตนรักษ์ ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น "ผู้ทรงอิทธิพลที่ดำรงตนไม่ดึงดูดความสนใจ" ตระกูลรัตนรักษ์ถือเป็นตระกูลรุ่นบุกเบิกตระกูลหนึ่งของสังคมธุรกิจไทย มารดาของกฤตย์ ศศิธร รัตนรักษ์ มาจากครอบครัวพ่อค้าผู้มั่งคั่งรุ่นที่สามในฝั่งธนบุรี ส่วนบิดา ชวน รัตนรักษ์ เป็นผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ปูนซีเมนต์นครหลวง (ผู้ผลิตปูนอินทรี) และ บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ (บีบีทีวี) ด้วยความสามารถในการสร้างอาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองเช่นนี้ ทำให้ชวนได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ธุรกิจไทย หลังจากชวนเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2536 กฤตย์จึงเข้ามารับช่วงบริหารธุรกิจต่อ การทำงาน. ตระกูลรัตนรักษ์ถือเป็นหนึ่งในตระกูลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตระกูลหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นหลักในบริษัทไทยหลากหลายบริษัท อาทิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ปูนซีเมนต์นครหลวง, อลิอันซ์ อยุธยา, แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น, มีเดีย ออฟ มีเดียส์, อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน), บริษัท รักษาความปลอดภัย เอชอาร์ โปร แอนด์ เซอร์วิส และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบีบีทีวี กฤตย์เริ่มทำงานในธนาคารกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2515 ก่อนเลื่อนขึ้นเป็นประธานในปี พ.ศ. 2525 และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ในปี พ.ศ. 2533 ในปี พ.ศ. 2536 เขาดำรงตำแหน่งประธานและประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ประธานบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด, ประธานบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และประธานบริษัท ศรีอยุธยา ประกันภัย ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2540 กฤตย์ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น "บุรุษผู้มีเงินมากที่สุด" ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของกลุ่มรัตนรักษ์ ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2540 กฤตย์ช่วยให้ธุรกิจที่อยู่ใต้การบริหารทั้งหมดผ่านพ้นวิกฤตต้มยำกุ้งได้สำเร็จ ส่งผลให้กลุ่มรัตนรักษ์ เป็นหนึ่งใน 8 ตระกูลนักธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย จากที่เคยมีถึง 40 ตระกูล ให้ยังคงสามารถเป็นตระกูลมหาอำนาจทางธุรกิจตามการจัดอันดับในปี พ.ศ. 2552 ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 กลุ่มรัตนรักษ์ได้ทำการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในปูนซีเมนต์นครหลวง โดยการขายส่วนของผู้ถือหุ้นที่กลุ่มถือหุ้นอยู่ให้แก่บริษัท Holderbank (ปัจจุบันคือบริษัท Holcim) แต่ข่าวที่เผยแพร่ผิดพลาดจากความเป็นจริงไปว่าเงินที่ได้จากขายหุ้นแก่ Holderbank นั้นใช้ระดมทุนเพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา อย่างไรก็ดี ข้อตกลงแสดงไว้อย่างชัดเจนในเงื่อนไขการขายหุ้นดังกล่าวว่าเงินทั้งหมดจากการขายหุ้น และรวมถึงทุนส่วนที่กลุ่มรัตนรักษ์ได้ลงเพิ่มเติมนั้นต้องลงกลับเข้าไปเป็นทุนในปูนซีเมนต์นครหลวงเท่านั้น ส่วนเงินทุนที่ทางกลุ่มได้ลงไปในการปรับโครงสร้างของธนาคารกรุงศรีอยุธยามาจากทุนสำรอง ในปี พ.ศ. 2556 กลุ่มรัตนรักษ์ถือหุ้น 47% ในปูนซีเมนต์นครหลวง คิดเป็นมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามราคาตลาด โดยไม่มีหนี้ที่เป็นสาระสำคัญใด ๆ ส่วน Holcim ถือหุ้นอยู่ 27.5% ของหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2541 ก่อนการเข้าร่วมทุนกับ Holderbank กลุ่มรัตนรักษ์ถือหุ้นประมาณ 50% ในวิกฤติต้มยำกุ้ง ธนาคารไทยหลายแห่งต้องปิดกิจการหรือขายหุ้นให้ต่างชาติ กลุ่มรัตนรักษ์สามารถใช้กลไกการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้กลุ่มสามารถรักษากิจการไว้ได้แล้ว ยังช่วยปรับปรุงการดำเนินงานของธนาคารต่อมาภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2539 ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีมูลค่าหุ้นในตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2557 สัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารของกลุ่มที่ลดลงจาก 35% ไปเป็น 25% ในปี พ.ศ. 2550 เพื่อดำเนินการตามกฎระเบียบการถือครองหุ้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2551 การลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยาของกลุ่ม เป็นไปโดยการเข้ามาถือหุ้นของบริษัท GE Capital ซึ่งทางกลุ่มได้มอบหมายให้ดูแลการบริหารงานธนาคารในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2556 บริษัท GE Capital ได้ขายหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยาให้แก่ธนาคาร MUFJ ธนาคารสัญชาติญี่ปุ่น เนื่องจากการขาดทุนของบริษัท GE Capital เองในช่วงวิกฤติธนาคารในปี พ.ศ. 2551 กลุ่มรัตนรักษ์ได้ผ่านวิกฤติการณ์หลายครั้งแต่ก็ยังคงสามารถดำรงสถานะหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 5 อันดับในประเทศไทย และเป็น 1 ใน 3 ตระกูลธนาคารที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศไทย ร่วมกับตระกูลโสภณพนิชของธนาคารกรุงเทพ และตระกูลล่ำซำของธนาคารกสิกรไทย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 กลุ่มรัตนรักษ์ได้เสริมการถือหุ้นในบริษัทปูนซิเมนต์ไทยโดยการซื้อหุ้น 25.24% จากบริษัท Jardine Cycle & Carriage Ltd. ในมูลค่า 353.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นรวมของกลุ่มในบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ซึ่งมีสินทรัพย์รวม 82,000 ล้านบาท หรือ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 79% นอกจากนี้ กลุ่มรัตนรักษ์ยังคงถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยาประมาณ 20% ซึ่งธนาคารมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 2.62 ล้านล้านบาท (80,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) การเมือง. ในปี พ.ศ. 2524 ด้วยอายุเพียง 35 ปี กฤตย์ ได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิก ซึ่งถือเป็นวุฒิสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดและดำรงตำแหน่งนาน 4 สมัย ข้อมูลส่วนตัว. กฤตย์ รัตนรักษ์ หย่า และมีบุตรชาย 1 คน คือ นายชัชชน รัตนรักษ์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2515
1161839
514480
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161839
ปัญหาสองจักรพรรดิ
ปัญหาสองจักรพรรดิ เป็นศัพท์ประวัติศาสตร์นิพนธ์ที่บรรยายถึงข้อขัดแย้งเชิงประวัติศาสตร์ระหว่างแนวคิดจักรวรรดิสากลที่มีจักรพรรดิแท้จริงเพียงองค์เดียว กับความเป็นจริงที่มักมีจักรพรรดิ 2 องค์ (หรือบางครั้งมีมากกว่า 2 องค์) อ้างสิทธิ์ในตำแหน่งเดียวกัน ปัญหาสองจักรพรรดิเป็นศัพท์ที่นิยมใช้ในสมัยกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อพิพาทระหว่างจักรพรรดิไบแซนไทน์แห่งคอนสแตนติโนเปิล กับจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนประเทศเยอรมนีและออสเตรียปัจจุบัน ที่ถกเถียงว่าฝ่ายใดเป็นตัวแทนที่ชอบธรรมของจักรพรรดิโรมัน ในมุมมองคริสตชนสมัยกลาง จักรวรรดิโรมันแบ่งแยกไม่ได้และจักรพรรดิอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจครอบคลุมไปถึงคริสตชนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในจักรวรรดิ เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายปลายสมัยโบราณ จักรวรรดิไบแซนไทน์ที่เป็นดินแดนทางตะวันออกที่ยังหลงเหลือของจักรวรรดิโรมันได้รับการยอมรับเป็นจักรวรรดิโรมันที่แท้จริงจากตนเอง พระสันตะปาปา และอาณาจักรคริสตชนที่เกิดขึ้นใหม่หลายแห่งทั่วยุโรป ปี ค.ศ. 797 สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 6 ถูกขับออกจากตำแหน่งและถูกทำให้พระเนตรบอด ก่อนจักรพรรดินีไอรีน พระราชมารดาขึ้นครองราชย์แทน ซึ่งการครองราชย์นี้ไม่ได้รับการยอมรับในยุโรปตะวันตกด้วยเหตุผลหลักคือพระองค์เป็นสตรี เช่นเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 3 ซึ่งเห็นว่าตำแหน่งจักรพรรดิโรมันว่างลงเนื่องจากสตรีไม่สามารถเป็นจักรพรรดิด้วยพระองค์เอง ในปี ค.ศ. 800 สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 3 จึงประกอบพิธีราชาภิเษกให้ชาร์เลอมาญ กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรแฟรงก์ที่กำลังเรืองอำนาจเป็นจักรพรรดิแห่งชาวโรมัน ภายใต้แนวคิดการถ่ายโอนอำนาจ ("translatio imperii") จากชาวกรีกในตะวันออกสู่ชาวแฟรงก์ในตะวันตก แม้จักรวรรดิไบแซนไทน์กับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์จะมีไมตรีต่อกันและยอมรับอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิ แต่ทั้งสองจักรวรรดิไม่เคยยอมรับอีกฝ่ายเป็น "โรมัน" อย่างชัดเจน พระอิสริยยศที่จักรวรรดิไบแซนไทน์ใช้เรียกจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์คือ "จักรพรรดิ (หรือกษัตริย์) แห่งชาวแฟรงก์" และต่อมา "กษัตริย์แห่งเยอรมนี" ขณะที่หลักฐานทางตะวันตกมักกล่าวถึงจักรพรรดิไบแซนไทน์ว่า "จักรพรรดิแห่งชาวกรีก" หรือ "จักรพรรดิแห่งคอนสแตนติโนเปิล" ตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษหลังพิธีราชาภิเษกของชาร์เลอมาญ ปัญหาสองจักรพรรดิเป็นปัญหาหนึ่งที่มีการโต้แย้งไปมาระหว่างสองจักรวรรดิมากที่สุด แม้จักรวรรดิไบแซนไทน์กับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เผชิญหน้าทางการทหารด้วยปัญหานี้เนื่องจากที่ตั้งอยู่ไกลกัน แต่ปัญหานี้บั่นทอนความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองอย่างมาก อนึ่ง ตำแหน่งจักรพรรดิโรมันถูกอ้างสิทธิ์โดยดินแดนเพื่อนบ้านจักรวรรดิไบแซนไทน์เป็นบางคราว เช่น จักรวรรดิบัลแกเรียที่หนึ่งและจักรวรรดิเซอร์เบีย หลังจักรวรรดิไบแซนไทน์ถูกทำลายลงชั่วคราวโดยนักรบครูเสดที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกในสงครามครูเสดครั้งที่สี่เมื่อ ค.ศ. 1204 และแทนที่ด้วยจักรวรรดิละติน ปัญหานี้ดำเนินต่อไปแม้จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์กับจักรพรรดิละตินจะนับถือนิกายโรมันคาทอลิกเหมือนกัน จักรพรรดิละตินนั้นยอมรับจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เป็นจักรพรรดิโรมันที่ถูกต้อง แต่ขณะเดียวกันก็อ้างสิทธิ์ในตำแหน่งนี้เช่นกัน ในทางตรงข้ามจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมรับการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของจักรพรรดิละติน ที่สุดแล้วสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 ยอมรับแนวคิดการแยกจักรวรรดิ ("divisio imperii") ทำให้อำนาจจักรพรรดิแบ่งเป็นตะวันตก (จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) กับตะวันออก (จักรวรรดิละติน) ต่อมาจักรวรรดิละตินล่มสลายหลังราชวงศ์พาลาโอโลกอสยึดคอนสแตนติโนเปิลและสถาปนาจักรวรรดิไบแซนไทน์ขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1261 จักรพรรดิไบแซนไทน์เพิกเฉยต่อปัญหานี้เพราะต้องการสานสัมพันธ์กับตะวันตกเพื่อความช่วยเหลือด้านการทหาร ปัญหาสองจักรพรรดิปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังการเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิลในปี ค.ศ. 1453 สุลต่านเมห์เหม็ดผู้พิชิตอ้างสิทธิ์ในตำแหน่ง "Kayser-i Rûm" (ซีซาร์แห่งจักรวรรดิโรมัน) ด้วยมองว่าจักรวรรดิออตโตมันของพระองค์เป็น "ผู้สืบทอด" จักรวรรดิไบแซนไทน์ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ยอมรับสุลต่านออตโตมันเป็นจักรพรรดิตามสนธิสัญญาคอนสแตนติโนเปิลในปี ค.ศ. 1533 แต่ในทางกลับกันออตโตมันไม่ยอมรับตำแหน่งจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้พระอิสริยยศเพียง "กษัตริย์" กระทั่งในปี ค.ศ. 1606 สุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 ยอมรับจักรพรรดิรูด็อล์ฟที่ 2 เป็นจักรพรรดิตามสนธิสัญญาสันติภาพซิตวาตอร็อก เป็นการยอมรับแนวคิดการแยกจักรวรรดิและยุติข้อพิพาทอันยาวนานระหว่างคอนสแตนติโนเปิลกับยุโรปตะวันตก นอกจากออตโตมัน อาณาจักรซาร์รัสเซียและต่อมาจักรวรรดิรัสเซียอ้างตนเป็นผู้สืบสิทธิ์ของจักรวรรดิไบแซนไทน์และเรียกผู้ปกครองว่า "ซาร์" ด้านจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธการอ้างสิทธิ์นี้จนถึงปี ค.ศ. 1726 เมื่อจักรพรรดิคาร์ลที่ 6 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ยอมรับการอ้างสิทธิ์ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพันธมิตรกับรัสเซีย แต่พระองค์ยังยืนกรานไม่ยอมรับว่าจักรพรรดิทั้งสององค์มีสถานะเท่าเทียมกัน
1161843
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161843
สงครามฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์
สงครามฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์ ระหว่าง ค.ศ. 1672 ถึง 1678 หรือรู้จักกันในนาม สงครามดัชต์, เป็นสงครามที่มีฝรั่งเศสและสาธารณรัฐดัตช์ เป็นคู่ขัดแย้งหลัก โดยมีจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ สเปน บรันเดินบวร์ค-ปรัสเซีย และเดนมาร์ก–นอร์เวย์เป็นผู้ร่วมรบด้วย พันธมิตรฝ่ายฝรั่งเศสประกอบด้วย ราชรัฐอัครมุขนายกมึนส์เทอร์ รัฐผู้คัดเลือกโคโลญ ซึ่งถอนตัวออกไปใน ค.ศ. 1673 และราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งถอนตัวออกจากสงครามในอีกหนึ่งปีให้หลัง ก่อนที่จะกลับมาเข้าร่วมใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1678 ในฐานะพันธมิตรของเนเธอร์แลนด์ สงครามเริ่มดุเดือดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1672 เมื่อฝ่ายฝรั่งเศสสามารถบดขยี้กองกำลังของสาธารณรัฐดัตช์ได้เกือบทั้งหมด ซึ่งในภายหลัง เหตุการณ์นี้กลายมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "รัมยาลล์" (Rampjaar) หรือ "ปีมหาวิบัติ" การรุกคืบของฝรั่งเศสมาหยุดชะงักลงที่แนวแม่น้ำไอเซล (IJssel) ในเดือนมิถุนายน และเมื่อถึงปลายเดือนกรกฎาคม ฝ่ายดัชต์ก็สามารถกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง ความกังวลถึงผลเสียที่จะตามมาหากฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะสงครามนำไปสู่การลงนามพันธมิตรทางทหารระหว่างเนเธอร์แลนด์ จักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 1 สเปน และบรันเดินบวร์ค-ปรัสเซีย ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1683 โดยมีดัชชีลอแรนและเดนมาร์ก–นอร์เวย์เข้าร่วมด้วยในภายหลัง ในขณะที่อังกฤษลงนามสงบศึกและถอนตัวออกไปในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1674 เมื่อฝ่ายฝรั่งเศสเห็นว่าตนกำลังเผชิญสงครามหลายแนวรบจึงถอนกำลังออกจากสาธารณรัฐดัตช์ และคงกำลังไว้ในเมืองกราฟ (Grave) และมาสทริชท์ เท่านั้น เมื่อเห็นดังนั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงทรงเบนเป้าหมายไปยังเนเธอร์แลนด์ของสเปนและไรน์ลันท์ ในขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยเจ้าชายวิลเลมแห่งออเรนจ์ ต้องการจำกัดการตักตวงผลประโยชน์ทางดินแดนของฝรั่งเศสจากสงครามครั้งนี้ หลังจากค.ศ. 1674 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดครองแคว้นฟร็องช์-กงเต และพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ติดกับเนเธอร์แลนด์ของสเปน รวมไปถึงแคว้นอาลซัส แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดสามารถเอาชนะกันได้อย่างเด็ดขาด สงครามมายุติลงในเดือนกันยายน ค.ศ. 1678 ด้วยการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพไนเมเคิน ถึงแม้เงื่อนไขในสนธิสัญญาดังกล่าวจะให้ผลประโยชน์น้อยกว่าข้อเสนอสงบศึกในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1672 แต่ก็ถือกันว่าสงครามครั้งนี้เป็นจุดสูงสุดของความสำเร็จทางด้านการทหารในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และส่งผลให้การโฆษณาชวนเชื่อของพระองค์ประสบความสำเร็จอย่างมีนัยยะสำคัญ สเปนได้เมืองชาร์เลอรัว คืนจากฝรั่งเศส แลกกับการมอบแคว้นแคว้นฟร็องช์-กงเต รวมไปพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาร์ตัวและแอโน ก่อให้เกิดแนวพรมแดนที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับในปัจจุบัน การได้มาสทริชท์กลับคืนมาหมายความว่าเนเธอร์แลนด์ได้พื้นที่ที่เสียไปในช่วงต้นสงครามกลับคืนมาทั้งหมด ความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้อิทธิพลของเจ้าชายวิลเลมแห่งออเรนจ์มีบทบาทเด่นในกิจการภายในของสาธารณรัฐดัตช์ ซึ่งช่วยให้พระองค์สามารถต้านทานภัยคุกคามจากการขยายดินแดนของฝรั่งเศส และนำไปสู่การก่อตั้งมหาพันธมิตร ซึ่งต่อสู้ในสงครามเก้าปี
1161866
184218
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161866
เพ็กฮ้วยเกี่ยม ดาบเลือดสะท้านแผ่นดิน
เพ็กฮ้วยเกี่ยม ดาบเลือดสะท้านแผ่นดิน เป็นละครโทรทัศน์แนวย้อนยุคกำลังภายในที่ ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกัน ของ กิมย้ง ออกอากาศครั้งแรกทาง สถานีโทรทัศน์ทีวีบี ใน ฮ่องกง ในปี พ.ศ. 2528 มีจำนวนตอนทั้งสิ้น 20 ตอน
1161882
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161882
วอลเลย์บอลชายเนชันส์ลีก 2021
วอลเลย์บอลชายเนชันส์ลีก 2021 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 3 ของวอลเลย์บอลชายเนชันส์ลีก ซึ่งเป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลชายระดับนานาชาติประจำปี ในปีนี้เดิมมีกำหนดเริ่มแข่งขันเร็วกว่าครั้งก่อนหน้าเนื่องจากกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ในเดือนกรกฎาคม การแข่งขันรอบแรกมีกำหนดจัดขึ้นห้าสัปดาห์ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม ถึง 23 มิถุนายน ค.ศ. 2021 และรอบสุดท้ายมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ถึง 27 มิถุนายน ค.ศ. 2021 โดยในปีนี้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ มาเป็นการแข่งขันในรูปแบบบับเบิล (Bubble) ซึ่งการแข่งขันทั้งหมดจะจัดขึ้นในเมืองเดียว และในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2021 สหพันธ์ได้ประกาศให้เมืองรีมีนี ประเทศอิตาลี เป็นประเทศเจ้าภาพทั้งประเภททีมชายและทีมหญิง ทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน. ในครั้งนี้มี 16 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดย 12 ทีมเป็นทีมหลัก (Core) และอีก 4 ทีมเป็นทีมท้าทาย (Challenger) จะสามารถตกชั้นได้ ี่ทีมชาติสโลวีเนียในฐานะผู้ชนะแชลเลนเจอร์คัพ 2019 ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมแข่งขันแทนที่ทีมชาติโปรตุเกสซึ่งเป็นทีมท้าทายอันดับสุดท้ายจากครั้งที่แล้ว ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้เข้าร่วมเข้าแข่งขันแทนทีมชาติจีนหลังจากที่ขอถอนตัวเนื่องจากข้อจำกัดทางด้านงบประมาณที่จำกัด และการเดินทางภายใต้สถานการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 รูปแบบการแข่งขัน. โดย 16 ทีมที่เข้าร่วมจะแข่งขันในรูปแบบพบกันหมด ทุกทีมต้องเล่น 3 นัดในแต่ละสัปดาห์และแข่งขัน 5 สัปดาห์ทั้งหมด 120 นัด เมื่อจบการแข่งขัน 4 อันดับแรกจากรอบแรกจะผ่านเข้ารอบสุดท้าย การตกชั้นจะพิจารณาเฉพาะทีมท้าทาย 4 ทีมเท่านั้น ในปีนี้จะไม่มีการตกชั้นเนื่องจากการยกเลิกแชลเลนเจอร์คัพ 2021 ในครั้งนี้ 4 ทีมที่ดีที่สุดในรอบแรกจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ซึ่งรอบรองชนะเลิศทีมที่ชนะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ส่วนทีมที่แพ้จะต้องแข่งรอบชิงอันดับที่ 3 อันดับการแข่งขัน. <templatestyles src="Col-begin/styles.css"/> รางวัล. <templatestyles src="Col-begin/styles.css"/>
1161883
328795
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161883
วัดลำพยาสุทธาราม
วัดลำพยาสุทธาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลลำพยา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม วัดลำพยาสุทธารามตั้งวัดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555 โดยมีนายสมจิตต์ นางลิ้นจี่ อินหนู ได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างวัดเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 และได้นิมนต์พระมาจำพรรษาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 มีพระสมุห์ วินัย อตฺตสาโร เป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์ ต่อมาปี พ.ศ. 2553 เริ่มมีการถมและปรับที่ดิน โดยมีคุณแม่ใบบุญ แซ่ตั้งพร้อมครอบครัว ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม ปัจจุบันวัดมีเนื้อที่ 19 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา มีพระสมุห์ วินัย อตฺตสาโร เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก พี้นที่ที่ตั้งวัดเคยเป็นวัดแต่เก่าก่อน ประกอบกับมีบ่อน้ำเก่า ซึ่งเล่ากันว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์ ทรงมีพระดำริให้ขุดดินจากบ่อน้ำนี้ ปั้นเป็นอิฐแล้วส่งไปเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์ ภายในวัดมีอุโบสถประดิษฐาน "สมเด็จองค์ปฐมที่ 1" หรือ "หลวงพ่อใหญ่" หน้าตักกว้าง 10.7 เมตร นอกจากนั้นวัดยังมีเถียงนาหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ตั้งอยู่ริมบ่อน้ำ และบ่อน้ำเก่าเก่าแก่
1161888
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161888
การยกเลิกสถานะทางศาสนา
การยกเลิกสถานะทางศาสนา หรือ การกลายเป็นฆราวาส เป็นการกำจัดการอุทิศและสถานะทางศาสนาออกจากสิ่งที่เคยประกอบพิธีอุทิศโดยนักบวชหรือบุคคลของศาสนานั้น การกระทำนี้นิยมทำกับโบสถ์คริสต์หรือซิโนกอกเพื่อใช้ประโยชน์ทางอื่นนอกศาสนา (ฆราวาส) หรือเพื่อทุบทำลาย นอกจากนี้ยังปรากฏการใช้คำนี้เรียกการเปลี่ยนวิหารของเพกันเป็นของศาสนาอื่น ผ่านการกำจัดรูปเคารพของเพกัน
1161895
18549
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161895
การเปลี่ยนจากศาสนสถานนอกศาสนาอิสลามเป็นมัสยิด
การเปลี่ยนจากศาสนสถานนอกศาสนาอิสลามเป็นมัสยิด เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยช่วงชีวิตของมุฮัมมัดไปจนถึงการยึดครองดินแดนโดยจักรวรรดิมุสลิม บรรดาศาสนสถานที่ถูกเปลี่ยนกลายมีทั้งเทวสถานบองฮินดู, โบสถ์คริสต์, วิหารยิว และวิหารไฟของโซโรอัสเตอร์ ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิด การเปลี่ยนกลายนี้ในบางครั้งนำไปสู่การปะทะและความขัดแย้งระหว่างศาสนิกชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
1161899
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161899
มิซากะ มิโคโตะ
มิซากะ มิโคโตะ เป็นตัวละครสมมติที่สร้างขึ้นมาโดยคาซูมะ คามาจิ และวาดเป็นครั้งแรกโดยคิโยตากะ ฮาอิมูระ เธอเป็นตัวละครสำคัญในไลท์โนเวลเรื่อง "อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม" และเป็นตัวละครหลักในสปินออฟมังงะเรื่อง "เรลกัน แฟ้มลับคดีวิทยาศาสตร์" เธอถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงลำดับชั้นทางสังคมในโลก และรวมไปถึงแสดงให้เห็นถึงว่าตัวละครหลักมีความแข็งแกร่งอย่างไร เดิมทีแล้วเธอถูกออกแบบมาให้มีผมยาว แต่มีการเปลี่ยนแปลงในที่สุด เธอได้รับคำชื่นชมจากแฟนและนักวิจารณ์เกี่ยวกับบุคลิกภาพและความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นในเรื่อง นอกจากนี้ยังมีสินค้าเป็นจำนวนมากที่สร้างโดยใช้เธอเป็นตัวต้นแบบ การสร้างและแนวคิดของตัวละคร. คามาจิสร้างตัวละครมิโคโตะเพื่อเป็น "การแสดงให้เห็นถึงระดับชั้นของพลังที่มีอยู่ในวิธีที่เข้าใจได้ง่าย" โดยหากเจาะจงแล้วมิโคโตะถูกออกแบบมาว่าแม้จะเป็นเป็นตัวละครที่มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งและหลากหลายแล้ว เธอยังคงด้อยกว่าคามิโจ โทมะ คามาจิยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเขาสร้างเธอให้ "ง่ายต่อการเขียนในฉากใดก็ได้จากจริงจังถึงตลก ในช่วงของการออกแบบ เดิมวางแผนให้เธอมีผมยาว โดยยังมีแผนอีกว่าจะให้เธอยิงพลังเรลกันของเธอด้วยผมที่มัดเป็นราง อย่างไรก็ตามได้มีการทิ้งแผนการที่ว่านี้ไป เนื่องจากผมยาวจะไปคล้ายคลึงกับตัวละครอินเดกซ์ ลักษณะและการปรากฏตัว. มิโคโตะเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยศึกษาอยู่ในเกรด 8 ที่โรงเรียนมัธยมต้นโทคิวะได เธอเป็นอันดับสามของเลเวลห้า (แข็งแกร่งมากที่สุด) จากผู้ใช้พลังจิตทั้งหมด 7 คนในเมืองแห่งการศึกษา เธอมีความสามารถในการใช้ไฟฟ้าในหลายแบบ เช่น ปล่อยกระแสไฟฟ้า ใช้ไฟฟ้ายิงวัตถุอื่น (ทำให้เธอมีชื่อเล่นว่าเรลกัน) และพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ขณะที่ยังเด็กเธอถูกหลอกให้ยอมมอบแผนที่ดีเอ็นเอ อันทำให้นักวิทยาศาสตร์สร้างร่างโคลนของเธอจำนวน 20,001 คนเพื่อใช้ในการทดลอง ใน "อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม". ใน "อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม" เธอปรากฏตัวในฐานะเพื่อนของตัวละครหลักอย่างคามิโจ โทมะ โทมะมักเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ของเธอและช่วยเหลือเธอจากปัญหาหลายครั้ง รวมทั้งหยุดเธอจากการฆ่าตัวตายหนึ่งครั้ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงมีความรู้สึกแบบซึนเดเระต่อโทมะ เธอยังปรากฏตัวในภาพยนตร์สปินออฟเรื่อง "อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม เดอะมูฟวี่ ปาฏิหาริย์แห่งเอนเดเมียน รวมไปถึงนิยายสปินออฟและเกมของเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ใน " เรลกัน แฟ้มลับคดีวิทยาศาสตร์". ใน " เรลกัน แฟ้มลับคดีวิทยาศาสตร์" เธอปรากฏตัวในฐานะตัวละครหลักของเรื่อง ในเรื่องนี้เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของเธอกับชิราอิ คุโนโกะ, อุยฮารุ คาซาริ และซาเตน รุยโกะ อย่างไรก็ตามเนื้อหามักคาบเกี่ยวกันกับเรื่องราวของ "อินเดกซ์" ซึ่งถูกเล่าอีกครั้งจากมุมมองของเธอ ทำให้ทราบภูมิหลังใหม่ ๆ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเรื่อง นอกจากนี้เธอยังปรากฏตัวในสปินออฟเรื่อง "Toaru Kagaku no Railgun Gaiden: Astral Buddy" และสื่อสปินออฟอื่น ๆ การปรากฏตัวอื่น. มิโคโตะปรากฏตัวในงานข้ามฝั่งของคามาจิหนึ่งเล่มได้แก่เรื่อง "Toaru Majutsu no Heavy na Zashiki-warashi ga Kantan na Satsujinki no Konkatsu Jijou" นอกจากนี้เธอยังปรากฏตัวในวิดีโอเกมข้ามฝั่งคือ "Dengeki Bunko: Fighting Climax" ในฐานะตัวละครที่เล่นได้ มิโคโตะยังเป็นตัวละครรับเชิญตอนที่แปดของอนิเมะเรื่อง "โอกามิซัง" โดยเป็นหนึ่งในผู้มีคุณสมบัติในการสมรสกับเศรษฐีหนุ่มอย่างเนซูมิ ชูตาโร การตอบรับ. ความนิยม. ในการสำรวจความคิดเห็นเมื่อ ค.ศ. 2010 โดยถามว่าตัวละครใดที่จะนำชื่อไปตั้งชื่อลูก ผลปรากฏว่ามิโคโตะมาเป็นอันดับหนึ่งในอันดับของชื่อผู้หญิง สินค้าและผลิตภัณฑ์จำนวนมากผลิตขึ้นโดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ เช่น คอมพิวเตอร์ เนนโดรอยด์ ตุ๊กตาผ้า ฟิกเกอร์ และเสื้อฟุตบอล ตู้จำหน่ายสินค้าที่เตะได้และเหรียญพิเศษก็ถูกสร้างขึ้นด้วย ซึ่งทั้งสองต่างเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของมิโคโตะที่อยู่ในเรื่อง รางวัลและการตอบรับ. มิโคโตะได้รับเลือกให้เป็นตัวละครหญิงที่ดีที่สุดในหนังสือแนะนำไลต์โนเวลอย่าง "Kono Light Novel ga Sugoi!" ถึงเก้าครั้งในระยะเวลาสิบปี ซึ่งถือเป็นการชนะเลิศเป็นจำนวนครั้งที่มากกว่าทุกตัวละครหญิงในประวัติศาสตร์ของการตีพิมพ์ ในปีที่เธอไม่ชนะเลิศคือ ค.ศ. 2009 ที่เธอได้ที่ห้า, ค.ศ. 2015 ได้ที่สอง, ค.ศ. 2020 ได้ที่สาม และ ค.ศ. 2021 ได้ที่เจ็ด เธอได้รับบทวิจารณ์เชิงบวกจากนักวิจารณ์ เทรอน มาร์ตินจากอนิเมะนิวส์เน็ตเวิร์กชื่นชมตัวละครเธอและความสัมพันธ์ของเธอกับตัวละครอื่นในเรื่อง โดยกล่าวว่าเพลิดเพลินเมื่อได้ดู คริส เบเวอร์ริดจ์จากแฟนดอมโพสต์ก็กล่าวชื่นชมตัวละครเธอและความสัมพันธ์ของเธอกับตัวละครอื่นเช่นกัน ในบทวิจารณ์ของพวกเขาในไลต์โนเวลสองเล่มแรก แมททิว วอร์เนอร์จากแฟนดอมโพสต์วิจารณ์ตัวละครมาโคโตะโดยกล่าว่าเธอมีศักยภาพ แต่ด้อยพัฒนา อย่างไรก็ตามบทวิจารณ์ของพวกเขาในเล่มที่สาม พวกเขาชื่นชมมิโคโตะ โดยกล่าวว่าเธอได้รับความสนใจอย่างที่เธอสมควรได้รับ การมีส่วนร่วมของมิโคโตะในเรื่อง "อินเดกซ์" ก็ได้รับการชื่นชม คริส เบเวอร์ริดจ์จากแฟนดอมโพสต์กล่าวว่าเขาเพลิดเพลินกับการดูความสัมพันธ์ของโทมะและมิโคโตะ และเขา "ต้องการให้พวกเขาใกล้ชิดกัน" เทรอน มาร์ตินจากอนิเมะนิวส์เน็ตเวิร์กยังชื่นชมบทบาทของมิโคโตะในเรื่องอีกด้วย การพากย์เสียงมิโคโตะในเรื่องก็ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดยในบทวิจารณ์เรื่อง "เรลกัน แฟ้มลับคดีวิทยาศาสตร์" รีเบกกา ซิลเวอร์แมนจากอนิเมะนิวส์เน็ตเวิร์กได้ชื่นชมการพากย์เสียงของทั้งต้นฉบับญี่ปุ่นและเสียงภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตามเธอให้คำชื่นชมเป็นพิศษกับบริตนีย์ คาร์บาวสกี โดยกล่าวว่าคุ้มค่าที่จะฟัง แม้กับคนที่ไม่ได้ชอบการพากย์เสียง โดยจัดอันดับให้ฉบับพากย์มีคะแนนสูงกว่าต้นฉบับญี่ปุ่น เทรอน มาร์ตินจากเว็บไซต์เดียวกันก็ชื่นชมการพากย์ของคาร์บาวสกี โดยกล่าวว่า "เหมาะกับ[ตัวละคร]" ผลกระทบ. ชื่อเล่นของเธออย่าง "บิริบิริ" ถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อเว็บไซต์สตรีมมิงสัญชาติจีนอย่างบิลิบิลิ เว็บไซต์ดังกล่าวยังตั้งชื่อให้กับคุณสมบัติต่าง ๆ ตามเธอและตัวละครอื่นของเรื่อง รวมไปถึงฉลองวันเกิดให้เธอเป็นประจำทุกปีในวันที่ 2 พฤษภาคม นอกจากนี้หางโจว สปาร์ก ทีมอีสปอร์ตของบิลิบิลิ ยังตั้งชื่อโดยมีแรงบันดาลใจจากตัวละครเธอ รวมไปถึงสัญลักษณ์ของทีมที่ถูกออกแบบตามเธออีกด้วย
1161901
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161901
อัน แจ-ฮย็อน
อัน แจ-ฮย็อน (เกิด 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1987) เป็นนายแบบและนักแสดงชาวเกาหลีใต้ เขามีชื่อเสียงจากการรับบทในละครโทรทัศน์เช่น "สายลับน้องใหม่ สไตล์กังนัม" (2014), "เทพบุตรแวมไพร์" (2015), "ปิ๊งรักยัยซินเดอเรลล่า" (2016), "อดีตรักพัดหวน" (2017), "หัวใจไม่จำกัดร่าง" (2018) และ "Love with Flaws" (2019) อาชีพ. อัน แจ-ฮย็อนเริ่มอาชีพในวงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบในปี ค.ศ. 2009 โดยปรากฏตัวบนรันเวย์ ปกนิตยสาร และโฆษณา ในปี ค.ศ. 2011 เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากการแสดงเป็นคนส่งของในรายการวาไรตี้ทางเคเบิลคือรายการ "Lee Soo-geun and Kim Byung-man's High Society" เขายังปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอหลายตัว ในปี ค.ศ. 2013 แจ-ฮย็อนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในขณะแสดงเป็นน้องชายของช็อน จี-ฮย็อนในละครยอดนิยมเรื่อง "ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว" สิ่งนี้นำไปสู่การแสดงที่มากขึ้นในปี ค.ศ. 2014 รวมถึงบทบาทในละครตลกเรื่อง "สายลับน้องใหม่ สไตล์กังนัม" และภาพยนตร์ดัดแปลงจากเว็บตูนเรื่อง "ราชาแห่งแฟชั่น" ในปีเดียวกัน เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นพิธีกรในรายการเพลง "เอ็มเคานต์ดาวน์" ของเอ็มเน็ต ในปี ค.ศ. 2015 แจ-ฮย็อนได้รับบทนำเป็นครั้งแรกในฐานะหมอแวมไพร์ในเรื่อง "เทพบุตรแวมไพร์" และปรากฏตัวในละครแฟนตาซีสองตอนเรื่อง "สโนว์โลตัส" พร้อมกับอี จี-อา ในปี ค.ศ. 2016 อันแสดงในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง "ปิ๊งรักยัยซินเดอเรลล่า" ทางช่องทีวีเอ็น โดยรับบทเป็นทายาทมหาเศรษฐีและเพลย์บอยที่แย่งชิงหัวใจของนางเอก เขาได้รับรางวัล Top Excellence Award จากงานรางวัลละครเกาหลี ครั้งที่ 9 จากการแสดงของเขา นอกจากนี้เขายังได้เข้าร่วมรายการเรียลลิตี้เกี่ยวกับการเดินทางคือรายการ "New Journey to the West" แทนที่อี ซึง-กี ที่สมัครเป็นทหาร ในปีเดียวกัน เขาได้แสดงในภาพยนตร์โรแมนติกของจีนเรื่อง "Perfect Imperfection" ร่วมกับนักแสดงสาวชาวไต้หวัน อัน อี่เซวียน ในปี ค.ศ. 2017 อันได้รับเลือกให้แสดงเป็นพระรองในละครโรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง "อดีตรักพัดหวน" ทางช่องเอสบีเอส ในปี ค.ศ. 2018 อันได้รับเลือกให้เป็นพระรองในละครแนวรักประโลมโลกเรื่อง "ผู้หญิงหลายหน้ากับสุดหล่อขี้ลืม" ในฐานะเพื่อนของนางเอก ในปี ค.ศ. 2019 อันกลับมาแสดงละครโทรทัศน์โดยได้รับบทพระเอกในละครโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง "Love With Flaws" ที่แสดงประกบโอ ย็อน-ซอ ในปี ค.ศ. 2022 อันตีพิมพ์โฟโต้บุ๊คเล่มแรกของเขาคือ "List of Things to Remember" ซึ่งวางจำหน่ายในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2022 ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
1161906
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161906
ซอ จี-ฮุน
ซอ จี-ฮุน (เกิด 25 เมษายน พ.ศ. 2540) เป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้ เขาเปิดตัวด้วยการแสดงเรื่อง "สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา" ในปี 2559 ซอได้ปรากฏตัวในละครเช่น "สืบลับ โรงเรียนหลอน", "School 2017" และ "วุ่นนัก รักแรก"
1161908
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161908
พย็อน อู-ซ็อก
บยอน อู-ซ็อก (เกิด 31 ตุลาคม พ.ศ. 2534) เป็นนักแสดง และนายแบบชาวเกาหลีใต้ เขามีชื่อเสียงจากการรับบทในเรื่อง "พ่อสื่อรักฉบับโชซอน", "คุณหมอสองภพ," "Search: WWW," และ "เส้นทางดาว" บยอน อู-ซ็อก เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบสังกัดค่าย YG kplus ก่อนจะเริ่มงานแสดงเป็นครั้งแรกกับบทเล็ก ๆ ในละครเรื่อง Dear My Friends เมื่อปี 2016 ต่อมาในปี 2017 บยอน อู-ซ็อก ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม และเลือกเข้าร่วมสังกัดค่าย BH Entertainment เพื่อโฟกัสให้กับการแสดง อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน บยอน อู-ซ็อก ได้เปลี่ยนมาเซ็นสัญญากับค่าย Varo Entertainment ซึ่งก่อตั้งโดยสต๊าฟอาวุโสของค่าย BH เมื่อปี 2020 สำหรับบทบาทที่ทำให้นักแสดงหนุ่มผู้นี้เป็นที่จดจำคือบทของ พุง อุน-โฮ จากภาพยนตร์เรื่อง 20th Century Girl ซึ่งออกฉายทาง Netflix เมื่อปี 2022 และประสบความสำเร็จอย่างสูงในบท รยูซอนแจ จาก Lovely Runner ทาง TVN ชีวิตส่วนตัว บยอน อู-ซ็อก มีพี่สาว 1 คน เกิดเมื่อปี 1986 ปัจจุบันเธอทำงานเป็นลูกเรือของสายการบินแห่งหนึ่ง บยอน อู-ซ็อก เรียนจบมหาวิทยาลัย (แห่งหนึ่ง) ในสาขาการละครและภาพยนตร์ เขาเลือกเข้ากรมรับใช้ชาติในช่วงเริ่มต้นเข้าวงการและปลดประจำการในปี 2013
1161910
400142
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161910
วอเตอร์ลู (เพลงของแอ็บบา)
"วอเตอร์ลู" เป็นซิงเกิลแรกจากอัลบัมที่สอง "วอเตอร์ลู" ของวงดนตรีป็อปสัญชาติสวีเดน แอ็บบา และเป็นเพลงแรกภายใต้สังกัดเอพิก กับ แอทแลนทิค ในวันที่ 6 เมษายน 1974 เพลงซึ่งส่งเข้าประกวดจากสวีเดนนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศในยูโรวิชันปี 1974 ซึ่งได้นำไปสู่ความสำเร็จในเวลาต่อมาของแอ็บบา เพลงนี้ขึ้นเป็นที่หนึ่งของชาร์ตจำนวนมาก และเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ อันดับบนชาร์ต. <templatestyles src="Col-begin/styles.css"/>
1161915
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161915
อัชชัยค์ญัรรอห์
อัชชัยค์ญัรรอห์ เป็นย่านหนึ่งของเยรูซาเลมตะวันออกที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวปาเลสไตน์ อยู่ห่างจากเมืองเก่าเยรูซาเลมไปทางทิศเหนือ 2 กิโลเมตรตามถนนสายที่มุ่งหน้าไปยังเขาสโกปัส ย่านนี้ได้ชื่อตามสุสานสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 ของชัยค์ญัรรอห์ซึ่งเป็นแพทย์คนหนึ่งของเศาะลาฮุดดีน ตัวย่านสมัยใหม่ได้รับการก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1865 และค่อย ๆ กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงมุสลิมในเยรูซาเลมโดยเฉพาะตระกูลอัลฮุซัยนี หลังสงครามอาหรับ–อิสราเอล ค.ศ. 1948 ย่านอัชชัยค์ญัรรอห์มีอาณาเขตจรดดินแดนที่ไม่มีเจ้าของระหว่างเยรูซาเลมตะวันออกซึ่งจอร์แดนตรึงกำลังไว้กับเยรูซาเลมตะวันตกซึ่งอิสราเอลตรึงกำลังไว้ จนกระทั่งย่านนี้ถูกอิสราเอลเข้ายึดครองในช่วงสงครามหกวัน ค.ศ. 1967 กล่าวกันว่าประชากรชาวปาเลสไตน์ของย่านในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นผู้ลี้ภัยที่ถูกขับไล่ออกจากย่านตัลบียาของเยรูซาเลมตะวันตกใน ค.ศ. 1948 ในปัจจุบันอัชชัยค์ญัรรอห์เป็นศูนย์กลางข้อพิพาทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ระหว่างชาวปาเลสไตน์กับชาวอิสราเอล ชาวอิสราเอลชาตินิยมได้ดำเนินการเพื่อเข้าไปอยู่แทนที่ประชากรชาวปาเลสไตน์ในย่านนี้ตั้งแต่ ค.ศ. 1967 ในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมามีการก่อสร้างนิคมชาวอิสราเอลขึ้นจำนวนหนึ่งประชิดย่านอัชชัยค์ญัรรอห์
1161921
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161921
ชิน ซึง-โฮ
ชิน ซึง-โฮ (เกิด 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538) เป็นนักแสดงและ นายแบบชาวเกาหลีใต้ ในฐานะหนึ่งในนักแสดงนำ ชินได้รับความสนใจมากที่สุดหลังจากปรากฏตัวในเรื่อง "เอทีน" (2018)
1161934
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161934
แฟร์แวร์ดีน
แฟร์แวร์ดีน เป็นชื่อเดือนแรกของปฏิทินฮิจเราะห์สุริยคติ ซึ่งเป็นปฏิทินทางการของประเทศอิหร่าน และตรงกับราศีเมษในจักรราศี แฟร์แวร์ดีนมี 31 วัน เป็นเดือนแรกของฤดูใบไม้ผลิ ("แบฮอร์") และตามด้วยเดือนโอร์ดีเบเฮชต์ ชื่อในภาษาปาทานของเดือนนี้คือวเรย์
1161947
11071773
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161947
วัดบางนางบุญ
วัดบางนางบุญ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี มีคลองบางกระจีนผ่านทางด้านตะวันตก มีพระอธิการธานี จารุธัมโม เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน วัดบางนางบุญ สร้างเมื่อไรไม่ปรากฏ พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งวัดบางนางบุญปัจจุบันนี้ เป็นป่ารกชัด ไม่มีวัด สันนิษฐานว่าเมื่อ พ.ศ. 2310 ครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียกรุงให้กับพม่า คนไทยที่เหลืออยู่ได้พยายามหลบซ่อน นำทรัพย์สินพากันลงเรือหามาทางใต้ มีหัวหน้าซึ่งมีเชื้อสายคนจีนพาครอบครัวหนีพม่ามาทางสามโคกหรือปทุมธานี โดยนำเอาของมีค่าฝังดินไว้หน้าวัดบ้านบางนางบุญ และพาครอบครัวไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร รอจนสงครามสงบจึงได้พาครอบครัวกลับมาเอาทรัพย์สมบัติคืน และปลูกบ้านสร้างบ้านอยู่ที่บ้านบางนางบุญ จากนั้นได้รวบรวมเงินทองจากญาติพี่น้องสร้างวัดขึ้น เรียกว่า วัดบางนางจีน บางคนเรียกเพี้ยนเป็น วัดบางกะจีน ในปี พ.ศ. 2483 จึงได้เปลี่ยนนามใหม่เป็น "วัดบางนางบุญ" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2506 ในปี พ.ศ. 2475 วัดบางนางบุญได้เปิดให้มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม นอกจากนี้ยังได้ให้ทางราชการสร้างโรงเรียนประชาบาลสอนในระดับประถมศึกษาด้วย ชื่อโรงเรียนวัดบางนางบุญ ปัจจุบันโรงเรียนวัดบางนางบุญเปิดสอนถึงระดับมัธยมศึกษา ในปี พ.ศ. 2556 เกิดเพลิงไหม้กุฏิ และศาลาวัดบางนางบุญ
1161950
361321
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161950
องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพ
องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของตำบลท่าโพและตำบลหมกแถว อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี ได้รับการจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ต่อมาใน พ.ศ. 2547 กระทรวงมหาดไทยให้ยุบสภาตำบลหมกแถวรวมกับพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพ ทำให้ในปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพดูแลพื้นที่สองตำบล ได้แก่ ตำบลท่าโพและตำบลหมกแถว
1161952
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161952
สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สี่
สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สี่ (, ค.ศ. 1780-1784) เป็นความขัดแย้งทางการทหารระหว่างราชอาณาจักรบริเตนใหญ่กับสาธารณรัฐดัตช์ ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาเดียวกันกับสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา โดยมีเหตุมาจากข้อตกลงที่ไม่ลงตัวกันเกี่ยวกับความถูกต้องทางการค้าระหว่างเนเธอร์แลนด์กับศัตรูของบริเตนใหญ่ในขณะนั้น ถึงแม้ว่าฝ่ายดัตช์ยังไม่ได้เข้าเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรอย่างเป็นทางการ แต่ความสัมพันธ์ทางการทูตอันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศนั้นเกิดขึ้นในระหว่างการดำรงตำแหน่งของจอห์น แอดัมส์ เอกอัครข้าราชทูตอเมริกันประจำสาธารณรัฐดัตช์ (และประธานาธิบดีในอนาคต) ทำให้สาธารณรัฐดัตช์เป็นประเทศยุโรปแห่งที่สองที่รับรองสภาแห่งภาคพื้นทวีป (Continental Congress) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1782 ซึ่งต่อมาได้ในเดือนตุลาคมได้มีการทำสนธิสัญญามิตรภาพเป็นคู่ค้าระหว่างกัน การปะทะกันส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยเป็นการปฏิบัติการของกองทัพบริเตนใหญ่ต่อเศรษฐกิจของดินแดนอาณานิคมต่างๆ ของเนเธอร์แลนด์ และสงครามสิ้นสุดลงโดยฝ่ายดัตช์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหนัก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและการเมืองในสมัยนั้น ซึ่งมีผลต่อมาถึงการล่มสลายของสาธารณรัฐดัตช์ในที่สุด สงครามในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของจักรวรรดิดัตช์ และการผงาดขึ้นของบริเตนใหญ่ในฐานะของมหาอำนาจทางการค้าระหว่างประเทศ
1161955
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161955
เทศบาลตำบลหนองขาหย่าง
เทศบาลตำบลหนองขาหย่าง เป็นเทศบาลตำบลซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของหมู่ที่ 2 ตำบลหนองขาหย่าง อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี เดิมมีฐานะเป็นสุขาภิบาลหนองขาหย่างที่จัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2499 แล้วได้รับการจัดตั้งเป็นเทศบาลตำบลใน พ.ศ. 2542 ปัจจุบันในเขตเทศบาลมีประชากร 597 คน และเป็นเทศบาลตำบลที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทย
1161956
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161956
วัดแว่นจันทร์
วัดแว่นจันทร์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๘๒ หมู่ที่ ๑๕ ในตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดแว่นจันทร์ตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ. 2340 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง เดิมเรียกว่า วัดตาด้วง เข้าใจว่าตาด้วงคงเป็นผู้สร้าง ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "วัดแว่นจันทร์" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2477 วัดแว่นจันทร์เคยมีสภาพทั้งเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรม เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ พระครูวินัยธรบวร ขนฺติธมฺโม(อาจารย์อาท) วัดมีเสนาสะที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ตั้งแต่อุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ ซึ่งหาดูได้ยาก อุโบสถมีลักษณะทรงไทยเป็นโบสถ์มหาอุด คือ ประตูด้านหน้า ไม่มีประตูหลัง ทรวดทรงกะทัดรัดงดงามน่าชม ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ทรงไทย ปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ พระประธานในอุโบสถเป็นพระแกะสลักด้วยศิลาแลง ปางมารวิชัย เป็นของเก่าคู่มากับวัด นามว่า "หลวงพ่อศิลา"
1161958
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161958
วัดวรภูมิราษฎร์บำรุง
วัดวรภูมิราษฎร์บำรุง เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดวรภูมิราษฎร์บำรุงเป็นวัดโบราณในคลองบางลี่ ตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ. 2405 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2449 โดยมีบาสิกาพุ่ม เป็นผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด เนื้อที่ 8 ไร่ 56 วา ต่อมาทางวัดได้ซื้อเพิ่มเติม และมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้อีก หมื่นบริบูรณคุณสาร หรือกำนันวร ได้ดำเนินการขอวิสุงคามสีมา และแสวงหาเจ้าอาวาสมาเริ่มบริหารวัด เมื่อสร้างวัดได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเรือนฝากระดานถวายวัดมากกว่า 10 หลัง เป็นเรือนไม้สักทั้งหลัง อุโบสถ และศาลาการเปรียญของวัด ประชาชนร่วมกัน สร้างจากเรือนบริจาควัสดุในการก่อสร้างใช้ไม้สักทั้งหมด วัดนี้จึงมีสิ่งก่อสร้างเป็นไม้สักทั้งหลัง อุโบสถเก่าไก้ผุพังไป จึงได้สร้างอุโบสถใหม่ ก่ออิฐถือปนเป็นตึกทั้งหลัง กุฏิสงฆ์ และศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ และหอฉัน เป็นเรือนไม่สักทั้งหลัง นอกนั้นยังอนุรักษ์เป็นเรือนไม้สักทรงไทยไว้ ปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ พระประธานประจำอุโบสถ พระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ของเก่าคู่มากับวัด
1161959
10963396
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161959
วัดอ้อน้อย
วัดอ้อน้อย เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม วัดอ้อน้อยเป็นวัดในโครงการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา เดิมเป็น สำนักสงฆ์ธรรมอิสระ เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2532 และสำนักสงฆ์ธรรมอิสระได้รับพระราชทานวิสุงคามวามสีมา ยกฐานะขึ้นเป็นวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ในปี พ.ศ. 2535 โดยคุณ โยมทองห่อ วิสุทธิผล ได้บริจาคเงินซื้อที่ดินเริ่มแรก จำนวน 9 ไร่ พร้อมได้จัดการขออนุญาตสร้างวัด ต่อกรมการศาสนาให้อีกด้วย วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 ที่ดินเดิมเป็นที่ลุ่มมีน้ำท่วมขังสูงท่วมศีรษะและมีที่ดินดอนอยู่เพียง 1 ไร่เศษ ซึ่งได้เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อต้นปี พ.ศ. 2533 โดยพุทธะอิสระได้เป็นผู้นำ พัฒนาบุกเบิกสร้างวัดขึ้น โดยวางรูปแบบตามตำราโบราณแล ตามหลักพิชัยณรงค์สงคราม การพัฒนาและจัดสร้างทุกขั้นตอน ในระยะเริ่มแรกมีพระภิกษุสองรูปและสามเณรสามรูป ทั้งได้ช่วยกันปลูกสร้างกุฏิ ปลูกต้นไม้ อาคารเสนาสนะและสิ่งน่าสนใจในวัด ได้แก่ อุโบสถรูปทรงจัตุรมุข มีคูน้ำล้อมรอบ ศาลาอเนกประสงค์ หอพระกรรมฐาน ต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งได้ปลูกขึ้นที่หน้าหอพระกรรมฐาน โดยพุทธะอิสระได้บรรจุอัฐิฐาตุของหลวงปู่ทวดไว้ที่โคนต้น กุฏิสงฆ์ และสวนเกษตรเพื่อชีวิต
1161962
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161962
สนธิสัญญาสันติภาพปารีส (ค.ศ. 1783)
สนธิสัญญาสันติภาพปารีส ค.ศ. 1783 เป็นกลุ่มสนธิสัญญาที่ยุติสงครามปฏิวัติอเมริกา ที่ลงนามเมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1783 โดยมีตัวแทนคือ พระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งบริเตนใหญ่ ลงนาม ณ กรุงปารีส ร่วมกับตัวแทนจากสหรัฐอเมริกา โดยเป็นส่วนหนึ่งของ สนธิสัญญาปารีส (ค.ศ. 1783) ในขณะที่สนธิสัญญาอีกสองฉบับที่ลงนาม ณ พระราชวังแวร์ซาย ระหว่างผู้แทนพระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส และพระเจ้าการ์โลสที่ 3 แห่งสเปน โดยเรียกกันว่าสนธิสัญญาแวร์ซาย (ค.ศ. 1783) โดยในวันก่อนหน้าการลงนาม ได้มีการลงนามรับรองสนธิสัญญาล่วงหน้าแล้วระหว่างตัวแทนรัฐบาลของสาธารณรัฐดัตช์ แต่สนธิสัญญาฉบับสุดท้ายที่ยุติสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ครั้งที่สี่นั้นก็ยังไม่ได้ลงนามกันจนกระทั่งวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1784
1161964
361321
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161964
วัดเนกขัมมาราม (จังหวัดปทุมธานี)
วัดเนกขัมมาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ในตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 49 ไร่ โฉนดที่ดินเลขที่ 1165-1166 ที่ธรณีสงฆ์จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 327 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา คุณเล็ก นาคสารน์ ได้รับบริจาคที่ดินให้มูลนิธิมหามงกุฏราชวิทยาลัย เนื้อที่ 327 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา มูลนิธิแบ่งให้เป็นที่สร้างวัด 49 ไร่ ขุนชวนระบิน เป็นผู้ดำเนินการสร้างวัด กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศการตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 30 เมตร ยาว 60.50 เมตร ด้านการศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมมาตั้งแต่ พ.ศ. 2494 โรงเรียนสอนเด็กก่อนเกณฑ์ เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2525 นอกจากนี้ยังให้ทางราชการสร้างโรงเรียนประชาบาลสอนระดับประถมศึกษา สังกัดสำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติ ในที่ดินของวัด ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ได้แก่ อุโบสถกว้าง 7.5 เมตร ยาว 22.5 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2513 กุฏิสงฆ์จำนวน 4 หลัง หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง ศาลาท่าน้ำ ปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถ
1161966
38558
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161966
ทางออกสองรัฐ
ทางออกสองรัฐของความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์คำนึงถึงรัฐเอกราชสองรัฐ คือ รัฐปาเลสไตน์คู่กับรัฐอิสราเอล ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ทั้งนี้ เขตแดนระหว่างสองรัฐยังเป็นหัวข้อพิพาทและเจรจากันอยู่ โดยผู้นำปาเลสไตน์และอาหรับยืนกราน "เขตแดน ค.ศ. 1967" ซึ่งอิสราเอลไม่ยอมรับ ดินแดนของอดีตปาเลสไตน์ในอาณัติ (รวมทั้งนครเยรูซาเล็ม) ซึ่งมิได้ประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปาเลสไตน์จะเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลต่อไป ใน ค.ศ. 1947 สหประชาชาติเสนอแผนแบ่งปาเลสไตน์ซึ่งยิวยอมรับ แต่ฝ่ายอาหรับปฏิเสธการแบ่งดินแดนและไม่ยอมให้ยิวอยู่ในพื้นที่ เกิดสงครามระหว่าง ค.ศ. 1947–49 ซึ่งยุติลงด้วยการหยุดยิงและปัญหาผู้ลี้ภัยมาจนถึงปัจจุบัน ใน ค.ศ. 1974 ข้อมติสหประชาชาติว่าด้วย "การระงับปัญหาอย่างสันติซึ่งปัญหาปาเลสไตน์" เรียกร้องให้มีรัฐสองรัฐคู่กันโดยมีเขตแดนที่ปลอดภัยและรับรอง ร่วมกันกับ "ข้อมติอย่างยุติธรรมของปัญหาผู้ลี้ภัยโดยสอดคล้องกับข้อมติยูเอ็นที่ 194"<ref name="A/RES/3236 (XXIX)"></ref> เขตแดนของรัฐปาเลสไตน์จะ "ยึดเขตแดนก่อน ค.ศ. 1967" สำหรับข้อมติล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2013 ซึ่งผ่านด้วยคะแนนเสียง 165 ต่อ 6 โดยอิสราเอลและสหรัฐออกเสียงคัดค้าน ผู้นำปาเลสไตน์น้อมรับมโนทัศน์ดังกล่าวตั้งแต่การประชุมสุดยอดอาหรับ ค.ศ. 1982 ในเฟซ ส่วนอิสราเอลมองท่าทีดังกล่าวที่ต้องการแสวงหาการรับรองรัฐปาเลสไตน์จากต่างประเทศว่าเป็นการกระทำฝ่ายเดียว และไม่สอดคล้องกับทางออกสองรัฐที่มีการเจรจากัน มีความพยายามในการทำให้ทางออกสองรัฐดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมาหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่การประชุมมาดริด ค.ศ. 1991 ตามด้วยข้อตกลงกรุงออสโล ค.ศ. 1993 และการประชุมสุดยอดแคมป์เดวิด ค.ศ. 2000 ที่ล้มเหลว ตามด้วยการเจรจาตาบาในต้น ค.ศ. 2001 ใน ค.ศ. 2002 สันนิบาตอาหรับเสนอข้อริเริ่มสันติภาพอาหรับ และข้อริเริ่มล่าสุดได้แก่การเจรจาสันติภาพ ค.ศ. 2013–14 มีรายงานใน ค.ศ. 2009 ว่า แม้ผลสำรวจยังแสดงออกมาอยู่เรื่อย ๆ ว่าอิสราเอลและปาเลสไตน์ส่วนใหญ่เห็นชอบกับทางออกสองรัฐที่มีการเจรจา แต่มี "การตื่นขึ้นจากภาพลวงเพิ่มขึ้น" กับทางออกดังกล่าว
1161996
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1161996
สิทธิในสุขภาพ
สิทธิในสุขภาพ เป็นสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (economic, social and cultural right) ว่าด้วยมาตรฐานสุขภาพขั้นต่ำสากลซึ่งทุกบุคคลพึงมีสิทธิใน แนวคิดเรื่องสิทธิในสุขภาพถูกระบุไว้ในความตกลงระหว่างประเทศหลายชุดเช่นในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน, กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities) การตีความและประยุกต์ใช้สิทธิในสุขภาพยังเป็นที่ถกเถียงกันเนื่องเพราะยังมีสิ่งที่จำเป็นต้องพิจารณาอยู่ เช่นการนิยามคำว่าสุขภาพ สิทธิขั้นต่ำใดที่รวมอยู่ในสิทธิในสุขภาพ และองค์กรหรือสถาบันใดที่มีความรับผิดชอบในการรับรองสิทธิในสุขภาพ บทนิยาม. ธรรมนูญขององค์การอนามัยโลก (ค.ศ. 1946). คำปรารภ (preamble) แห่งธรรมนูญขององค์การอนามัยโลกให้นิยามคำว่าสุขภาพอย่างกว้าง ๆ เป็น "สภาวะทางกาย จิต และสวัสดิภาพทางสังคมที่สมบูรณ์ มิใช่เพียงการไม่มีโรคและทุพพลภาพ" ธรรมนูญให้นิยามคำว่าสิทธิในสุขภาพเป็น "การได้รับมาตรฐานสุขภาพที่ดีที่สุดที่เป็นได้" และระบุหลักการของสิทธินี้บางหลักการเช่นพัฒนาการของเด็กที่สุขภาพดี การเผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์และประโยชน์ของมันอย่างยุติธรรม และมาตรการทางสังคมที่รัฐเป็นผู้จัดหาให้เพื่อรองรับสุขภาพที่เหมาะสม แฟรงก์ พี. กราด ให้ความดีความชอบกับธรรมนูญขององค์การอนามัยโลกว่า "กล่าวอ้าง ... สาธารณสุขระหว่างประเทศร่วมสมัยทั้งหมด" สถาปนาสิทธิในสุขภาพเป็น "สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่จะแยกออกจากบุคคลมิได้" ที่รัฐบาลไม่สามารถลดทอนได้แต่กลับกันจำเป็นต้องปกป้องและค้ำจุน ธรรมนูญขององค์การอนามัยโลกเป็นการกำหนดอย่างเป็นทางการไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งสิทธิในสุขภาพเป็นครั้งแรก ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ค.ศ. 1948). ข้อ 25 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกล่าวไว้ว่า "ทุกคนมีสิทธิในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอต่อสุขภาพและสวัสดิการของตัวเองและของครอบครัวซึ่งรวมไปถึงอาหาร, เสื้อผ้า, ที่อยู่อาศัย และบริการทางแพทย์กับทางสังคมที่จำเป็น" ปฏิญญาสากลเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือพิการ และกล่าวถึงเป็นพิเศษเรื่องการให้การดูแลแก่ผู้ที่อยู่ในวัยเด็กและผู้ที่เป็นมารดา ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเป็นปฏิญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานฉบับแรก นาวี พิลเลย์ (Navi Pillay) ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเขียนไว้ว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน "แสดงถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องถือสิทธิมนุษยชนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสิทธิพลเรือน, การเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม หรือวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่แยกส่วนไม่ได้และต่างเป็นส่วนหนึ่งขององค์รวมที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้และต่างพึ่งพากันและกัน" ในทำนองเดียวกัน กรัสกินและคณะกล่าวว่าธรรมชาติที่เกี่ยวพันกันของสิทธิต่าง ๆ ในปฏิญญาสากลนั้นสร้าง "ความรับผิดชอบที่ขยายไปมากกว่าเพียงแค่การจัดหาบริการทางสุขภาพที่จำเป็นแต่ยังรวมไปถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นตัวกำหนดสุขภาพเองเช่นการศึกษา, ที่อยู่อาศัย และอาหารที่เหมาะสม และสภาพการทำงานที่พึงปรารถนา" และกล่าวเพิ่มอีกว่าการจัดหาสิ่งเหล่านี้ "เป็นสิทธิมนุษยชนในตัวมันเองและมีความจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดี" อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ค.ศ. 1965). สุขภาพถูกเขียนถึงอย่างสั้น ๆ ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination) ของสหประชาชาติซึ่งมีมติเห็นชอบในปี ค.ศ. 1965 และมีผลบังคับใช้ในปี ค.ศ. 1969 อนุสัญญานี้เรียกร้องให้รัฐห้ามปรามและขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบและรับประกันสิทธิในความเสมอภาคทางกฎหมายของทุกคนโดยไม่แยกแยะระหว่างเชื้อชาติ, สีผิว, สัญชาติ หรือชาติพันธุ์ และภายใต้บทบัญญัตินี้ก็มีการอ้างอิงถึงสิทธิในสาธารณสุข, บริการทางแพทย์, หลักประกันสังคม และบริการสังคม กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ค.ศ. 1966). สหประชาชาติให้นิยามสิทธิในสุขภาพในข้อ 12 แห่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมปี ค.ศ. 1966 ไว้ว่า: ภาคีในกติกาฯ รับรองสิทธิของทุกคนที่จะมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตตามมาตรฐานสูงสุดเท่าที่เป็นได้ ขั้นตอนการดำเนินการโดยภาคีในกติกาฯ เพื่อบรรลุผลให้สิทธินี้เกิดขึ้นจริงอย่างสมบูรณ์จะต้องรวมถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับ: การลดอัตราตายคลอดและภาวะการตายของทารก และเพื่อพัฒนาการของเด็กอย่างสุขภาพดี การพัฒนาสุขลักษณะทางสิ่งแวดล้อมและที่ทำงานในทุกด้าน การป้องกัน รักษา และควบคุมโรคระบาด โรคประจำถิ่น โรคเหตุอาชีพ และโรคอื่น ๆ การสร้างสภาวะที่รับประกันบริการทางแพทย์และการดุแลรักษาทั้งหมดแก่ทุกคนในเหตุการณ์ที่มีความเจ็บป่วย ข้อวินิจฉัยทั่วไป หมายเลข 14 (ค.ศ. 2000). ในปี ค.ศ. 2000 คณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (CESCR) ได้แถลงข้อวินิจฉัยทั่วไปหมายเลข 14 ซึ่งกล่าวถึงประเด็นสำคัญอันเกิดขึ้นมาจากการนำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมไปปฏิบัติใช้ ตามข้อที่ 12 และ "สิทธิในมาตรฐานสุขภาพที่สูงสุดเท่าที่เป็นไปได้" ข้อวินิจฉัยทั่วไปใช้ภาษาเชิงปฏิบัติการที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่ออธิบายถึงเสรีภาพและสิทธิที่มีภายใต้สิทธิในสุขภาพ ข้อวินิจฉัยทั่วไปอธิบายอย่างชัดเจนว่า"สิทธิในสุขภาพ"ไม่ได้หมายถึง"สิทธิที่จะมีสุขภาพดี" หากแต่เป็นชุดของเสรีภาพและสิทธิอันพึงมีที่จะอำนวยสภาวะทางชีวภาพและทางสังคมของบุคคลหนึ่งและรวมไปถึงทรัพยากรที่รัฐมี ซึ่งทั้งสองอาจขัดขวาง"สิทธิที่จะมีสุขภาพดี"ด้วยเหตุผลซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมและอิทธิพลของรัฐ ข้อที่ 12 ในกติกาฯ ให้รัฐมีหน้าที่รับรองว่าแต่ละบุคคลมีสิทธิในการเข้าถึงมาตรฐานสุขภาพที่สูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ และรายการไว้ซึ่ง 'เสรีภาพ' และ 'สิทธิ' (อย่างน้อยบางส่วน) อันพึ่งมีประกอบไปกับสิทธินั้น ๆ อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้กล่าวให้รัฐรับประกันว่าทุกบุคคลจะมีสุขภาพที่ดี หรือว่าทุกบุคคลจะยอมรับอย่างเต็มเปี่ยมในสิทธิและโอกาสซึ่งถูกระบุไว้ในสิทธิในสุขภาพ ความสัมพันธ์กับสิทธิอื่น ๆ. อย่างเช่นในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อวินิจฉัยทั่วไปอธิบายถึงธรรมชาติที่เกี่ยวพันกันของสิทธิมนุษยชนโดยกล่าวว่า "สิทธิในสุขภาพเกี่ยวข้องและพึ่งพากับการทำให้สิทธิมนุษยชนด้านอื่น ๆ เป็นจริงขึ้นมา" และดังนั้นเป็นการเน้นในความสำคัญของการพัฒนาด้านสิทธิอื่น ๆ ในทางคล้ายกันข้อวินิจฉัยทั่วไปรับรองว่า "สิทธิในสุขภาพครอบคลุมปัจจัยทางเศรษฐกิจสังคมที่หลากหลายซึ่งส่งเสริมสภาพที่ทำให้ผู้คนสามารถมีชีวิตที่สุขภาพดีได้ และขยายรวมไปถึงตัวกำหนดสุขภาพที่อยู่เบื้องหลัง" ในแง่นี้ ข้อวินิจฉัยทั่วไปกล่าวว่าขั้นตอนซึ่งถูกระบุไว้ในข้อที่ 12 ไม่ได้ถูกจำกัดไว้เท่านั้นและเป็นเพียงการให้ตัวอย่าง ความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพและสิทธิมนุษยชนซึ่งแยกออกจากกันไม่ได้ ตาม โจนาธาน มันน์ (Jonathan Mann (WHO official)) สิทธิในสุขภาพกับสิทธิมนุษยชนเป็นแนวทางคู่กันสำหรับการกำหนดและพัฒนาสวัสดิภาพของมนุษย์ ในปี ค.ศ. 1994 มันน์และคณะได้ริเริ่ม "วารสารเฮลธ์แอนด์ฮิวแมนไรตส์" (Health and Human Rights) เพื่อเน้นความสำคัญของความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพและสิทธิมนุษยชนซึ่งแยกออกจากกันไม่ได้ บทความซึ่งสำรวจการประสานงานกันระหว่างสุขภาพและสิทธิมนุษยชนที่เป็นไปได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารนั้นฉบับแรก ในบทความนั้น มันน์และคณะบรรยายถึงโครงร่างสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองอขอบแขตซึ่งเชื่อมโยงกัน โครงร่างนี้ถูกแบบออกเป็นความสัมพันธ์สามส่วนใหญ่ ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างแรกเป็นความสัมพันธ์ทางการเมือง มันน์และคณะกล่าวว่านโยบาย, โครงการ และการดำเนินการด้านสุขภาพมีผลกระทบกับสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเมื่ออำนาจของรัฐถูกพิจารณาในขอบเขตของสาธารณสุข ส่วนที่สองคือความสัมพันธ์ผันกลับซึ่งกล่าวว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และมีการเรียกร้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพช่วยในการทำความเข้าใจผ่านการวัดและประเมินผลกระทบของการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อสุขภาพและสวัสดิภาพ ส่วนที่สามนำเสนอแนวคิดว่าการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสุขภาพมีความเกี่ยวข้องกันโดยพื้นฐานผ่านความสัมพันธ์เชิงพลวัต แม้วรรณกรรมส่วนใหญ่สนับสนุนการมีอยู่ของความสัมพันธ์สองอย่างแรก สมมติฐานของความสัมพันธ์ที่สามยังไม่ถูกสำรวจถึงอย่างมากพอ บทความสนับสนุนแนวคิดนี้ด้วยการกล่าวว่าความสัมพันธ์เหล่านี้บอกเป็นนัยถึงผลกระทบเชิงปฏิบัติของปฏิสัมพันธ์ระหว่างและการดำเนินการที่เป็นอิสระจากกันของกิจกรรมทางสาธารสุขและสิทธิมนุษยชน จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าไม่มีการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างขอบเขตทั้งสอง มันน์และคณะกล่าวเพิ่มว่างานวิจัย, การศึกษา, ประสบการณ์ และการสนับสนุนล้วนจำเป็นสำหรับการทำความเข้าใจส่วนร่วมระหว่างทั้งสองอย่างนี้ เพื่อความเข้าใจและการพัฒนาสวัสดิภาพของมนุษย์ทั่วโลก สุดท้ายแล้ว มันน์และคณะมีเจตนาบอกว่า ในขณะที่บริการทางสุขภาพและทางแพทย์ให้ความสนใจส่วนใหญ่กับสุขภาพของบุคคลโดยเฉพาะความเจ็บป่วยทางกายภาพและทุพพลภาพ "สาธารณสุข" (public health) ได้วิวัฒน์ความสนใจไปสู่วิธีการทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีมากกว่า ตามบทนิยามนี้ ภารกิจของสาธารณสุขคือเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีและป้องกันปัญหาทางสุขภาพเช่นโรค, ทุพพลภาพ, การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ฯลฯ ความหมายดั้งเดิมของสุขภาพของแต่ละบุคคลซึ่งถูกเข้าใจโดยบริการสุขภาพเป็นเพียง "เงื่อนไขหนึ่งสำหรับสุขภาพที่ดี" และไม่ได้มีความหมายเดียวกันกับคำว่า "สุขภาพ" พูดอีกแบบหนึ่งคือ เพียงบริการทางสุขภาพอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับสุขภาพอย่างที่แพทย์สาธารสุข (public health practitioner) เข้าใจ แต่ยังมีปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบเชิงบวกและลบทั้งที่ชัดเจนและเล็กน้อยต่อสุขภาพและสวัสดิภาพของประชากรมนุษย์ทั่วโลก ความเป็นธรรมทางสุขภาพ. ข้อวินิจฉัยทั่วไปยังได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องความเป็นธรรมทางสุขภาพ (Health equity) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกกล่าวถึงในกติกาฯ หมายเหตุในเอกสารว่า "กติกาฯ ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงบริการสุขภาพและตัวกำหนดสุขภาพเบื้องหลัง รวมถึงในวิธีการและสิทธิในการจัดหาสิ่งเหล่านั้น" มากไปกว่านั้น ความรับผิดชอบในการเยียวยาการเลือกปฏิบัติและผลกระทบของมันในด้านสุขภาพถูกมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของรัฐ: "รัฐมีหน้าที่พิเศษในการจัดหาประกันสุขภาพและสิ่งอำนายความสะดวกทางด้านบริการสุขภาพให้แก่ผู้ที่ไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ และในการป้องกันการเลือกปฏิบัติในการจัดหาบริการและการดูแลสุขภาพในบริเวณซึ่งเป็นที่หวงห้ามจากนานาชาติ" และยังเน้นความสำคัญเพิ่มเติมในเรื่องการไม่เลือกปฏิบัติบนฐานของเพศ, อายุ, ทุพพลภาพ หรือสมาชิกภาพในชุมชนพื้นเมือง ความรับผิดชอบของรัฐและองค์การระหว่างประเทศ. ส่วนต่อมาของข้อวินิจฉัยทั่วไปแจกแจงภาระหน้าที่ของประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศในการมุ่งสู่สิทธิในสุขภาพ โดยหน้าที่ต่าง ๆ ของประชาชาติถูกแบ่งออกเป็นสามหมวดหมู่: หน้าที่ที่จะเคารพ, หน้าที่ที่จะปกป้อง และหน้าที่ที่จะทำให้สิทธิในสุขภาพบรรลุขึ้นจริง ตัวอย่างเช่น (ไม่ใช่ทั้งหมด) การป้องกันการเลือกปฏิบัติในการได้รับหรือการจัดหาบริการสุขภาพ, การยกเลิกข้อจำกัดในการเข้าถึงการคุมกำเนิดหรือการวางแผนครอบครัว, การห้ามมิให้มีมีการปฏิเสธการเช้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ, การลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม, การห้ามมิให้มีเวชปฏิบัติที่อยู่บนฐานของวัฒนธรรมที่เป็นภัยหรือถูกบังคับ, การรับรองการเข้าถึงตัวกำหนดสุขภาพทางสังคมอย่างเป็นธรรม และการชี้แนวทางการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล, บุคคลากร และอุปกรณ์ทางแพทย์ที่เหมาะสม ในส่วนภาระหน้าที่ของประชาคมนานาชาติประกอบไปด้วยการยอมให้สามารถใช้บริการสุขภาพในประเทศอื่นได้, การป้องกันการละเมิดทางสุขภาพในประเทศอื่น, การร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่เหตุการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติ และการหลีกเลี่ยงไม่ใช้มาตรการคว่ำมาตรสินค้าหรือบุคคลากรทางแพทย์เพื่ออิทธิพลทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ. ข้อ 12 แห่งอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบปี ค.ศ. 1979 ของสหประชาชาติร่างเค้าโครงการปกป้องผู้หญิงจากการถูกเลือกปฏิบัติเมื่อเข้ารับบริการสุขภาพและสิทธิของผู้หญิงในการได้รับบริการสุขภาพเฉพาะเพศ ข้อที่ 12 ฉบับเต็มกล่าวว่า: ข้อ 12: อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก. สุขภาพถูกกล่าวถึงในหลายกรณีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (ค.ศ. 1989) ข้อ 3 เรียกร้องให้ภาคีรับประกันให้สถาบันและสถานที่สำหรับการดูแลเด็กปฏิบัติตามมาตรฐานสุขภาพ ข้อ 17 รับรองสิทธิของเด็กในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสวัสดิภาพทางกายและจิตของตนเอง ข้อ 23 กล่าวถึงสิทธิของเด็กพิการโดยเฉพาะซึ่งรวมถึงบริการทางสุขภาพ, การฟื้นฟูสภาพ และการดูแลป้องกัน ข้อ 24 วางเค้าโครงสุขภาพเด็กอย่างลงรายละเอียดและกล่าวว่า "รัฐภาคียอมรับสิทธิของเด็กที่จะได้รับมาตรฐานทางสุขภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นได้ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการรักษาความเจ็บปวดและการฟื้นฟูสุขภาพ รัฐภาคีจะพยายามดำเนินการเพื่อรับประกันว่าไม่มีเด็กคนใดที่ถูกลิดรอนสิทธิของตัวเองในการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ" มาตรการต่าง ๆ เพื่อการนำบทบัญญัติไปปฏิบัติถูกระบุไว้ในอนุสัญญาดังนี้: * ลดการเสียชีวิตของทารกและเด็ก เว็บไซต์องค์การอนามัยโลกแสดงความคิดเห็นว่า "อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเป็นขอบข่ายทางกฎหมายและเชิงบรรทัดฐานสำหรับงานขององค์การอนามัยโลกในขอบเขตด้านสุขภาพของเด็กและเยาวชนที่กว้าง" เจฟฟรีย์ กอลด์ฮาเกน เสนออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเป็น "แม่แบบสำหรับการรณรงค์ด้านเด็ก" และเสนอการนำไปใช้เป็นโครงร่างสำหรับการลดความไม่เสมอภาคและการพัฒนาผลลัพธ์ในด้านสุขภาพเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ. ข้อ 25 แห่งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities) (ค.ศ. 2006) ระบุว่า "คนพิการมีสิทธิที่จะได้รับมาตรฐานสุขภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นได้โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติบนฐานของทุพพลภาพ" วรรคย่อยในข้อ 25 กล่าวว่ารัฐภาคีจะให้บริการสุขภาพที่มี "ความหลากหลาย, คุณภาพ และมาตรฐาน" เดียวกันกับที่ผู้อื่นได้รับแก่ผู้พิการ รวมไปถึงบริการที่จำเป็นต่อการป้องกัน, ระบุ และจัดการทุพพลภาพโดยเฉพาะ บทบัญญัติเพิ่มเติมยังระบุว่าชุมชนท้องถิ่นควรสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพของคนพิการและบริการดูแลนั้นควรได้รับอย่างเท่าเทียมกับในทางภูมิศาสตร์ และมีข้อความเพิ่มเติมซึ่งต่อต้านการปฏิเสธหรือการจัดหาแบบไม่เท่าเทียมกันของบริการทางสุขภาพ (รวมถึง "อาหารและน้ำ" กับ "ประกันชีวิต") บนฐานของทุพพลภาพ นิยามในวรรณกรรมวิชาการ. ในขณะที่สิทธิมนุษยชนส่วนใหญ่ถูกจัดเป็น"สิทธิเชิงลบ"ในเชิงทฤษฎีซึ่งมีหมายความเป็นสิทธิในบริเวณที่สังคมไม่สามารถแทรกแซงหรือจำกัดได้ผ่านการกระทำทางการเมือง เมอร์วิน ซัสเซอร์ (Mervyn Susser) กล่าวว่าสิทธิในสุขภาพเป็นสิทธิที่ท้าทายและมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษเพราะมันมักถูกกล่าวว่าเป็น"สิทธิเชิงบวก"ซึ่งเป็นสิทธิที่สังคมมีหน้าที่จัดหาทรัพยากรและโอกาสให้แก่ประชากรทั่วไป ซัสเซอร์ให้ข้อกำหนดสี่ข้อที่เขามองว่าอยู่ภายใต้สิทธิในสุขภาพ: การเข้าถึงบริการทางสุขภาพและทางแพทย์อย่างเสมอภาค, ความพยายามทางสังคมอย่าง "สุจริตใจ" ที่จะส่งเสริมสุขภาพที่เท่าทียมกันท่ามกลางกลุ่มสังคมต่าง ๆ, การมีหนทางในการวัดและประเมินความเป็นธรรมทางสุขภาพ, และการมีระบบการเมืองสังคมที่เท่าเทียมเพื่อให้ทุก ๆ ฝ่ายมีเสียงในการรณรงค์และส่งเสริมในเรื่องสุขภาพ โดยมีหมายเหตุว่าแม้สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งมาตรฐานขั้นในการเข้าถึงทรัพยากรด้านสุขภาพระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับประกันหรือบังคับให้ทุก ๆ คนมีสุขภาวะที่เสมอกันเนื่องมาจากความแตกต่างทางชีวภาพในสถานะทางสุขภาพในตัวของแต่ละคน การแยกแยะระหว่างสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากคำวิจารณ์แนวคิด "สิทธิในสุขภาพ" ที่พบเห็นได้บ่อยนั้นมักบอกว่ามันเป็นสิทธิที่เรียกร้องหามาตรฐานทางสุขภาพที่เป็นไปไม่ได้และปรารถนาที่จะมีสถานะทางสุขภาพซึ่งเป็นนามธรรมและแปรเปลี่ยนไปตามแต่ละคนหรือแต่ละสังคม ในขณะที่ซัสเซอร์จัดว่าบริการสุขภาพเป็นสิทธิเชิงบวก พอล ฮันต์ (Paul Hunt) โต้แย้งมุมมองนี้และอ้างว่าสิทธิในสุขภาพยังรวมถึงสิทธิเชิงลบบางสิทธิด้วยเช่นการคุ้มครองจากจากการถูกเลือกปฏิบัติและสิทธิที่จะไม่การรักษาทางแพทย์โดยไม่ได้รับการยินยอมโดยสมัครใจจากผู้รับบริการ อย่างไรก็ตามฮันต์ก็ยอมรับว่าสิทธิเชิงบวกบางสิทธิเช่นความรับผิดชอบของสังคมต่อการให้ความสนใจเป็นพิเศษแก่ความต้องการทางสุขภาพของผู้ที่ไม่ได้รับการบริการที่เพียงพอหรือเปราะบางนั้นก็รวมอยู่ในสิทธิในสุขภาพด้วย พอล ฟาร์เมอร์ (Paul Farmer) เขียนถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพในบทความของเขา "The Major Infectious Diseases in the World - To Treat or Not to Treat." (แปลว่า "โรคติดเชื้อหลัก ๆ ในโลก - รักษาหรือไม่รักษา") โดยเขาพูดถึง "ช่องว่างของผลลัพธ์" (outcome gap) ระหว่างกลุ่มประชากรที่ได้รับการแทรกแซงทางสุขภาพและกลุ่มที่ไม่ได้รับ คนจนไม่ได้รับการรักษาแบบเดียวกันกับคนที่มีฐานนะทางการเงินหรือบางทีก็อาจไม่ได้รับการรักษาเลย ราคาของยาและการรักษาที่สูงทำให้เกิดปัญหาการได้รับการดูแลที่เท่าเทียมในประเทศยากจน เขากล่าวว่า "ความเป็นเลิศโดยไร้ความเสมอภาคจวนจะเป็นทวิบถ (dilemma) หลักทางด้านสิทธิมนุษยชนในด้านการบริการสุขภาพของศตวรรษที่ 21" สิทธิมนุษยชนในบริการสุขภาพ. แง่หนึ่งของสิทธิในสุขภาพสามารถมองในอีกทางหนึ่งได้เป็น "สิทธิมนุษยชนในบริการสุขภาพ" ซึ่งรวมถึงสิทธิของผู้รับและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ โดยอย่างหลังนั้นมักถูกละเมิดโดยรัฐ สิทธิของผู้รับบริการสุขภาพมี: สิทธิในความเป็นส่วนตัว (right to privacy), ข้อมูลข่าวสาร, ชีวิต และการดูแลที่มีคุณภาพ รวมไปถึงเสรีภาพจากการเลือกปฏิบัติ, การทรมาน และ การปฏฺิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (cruel, inhumane, or degrading treatment) กลุ่มบุคคลชายขอบเช่นผู้ย้ายถิ่นหรือพลัดถิ่น, ชนกลุ่มน้อย (minority group) ทางชาติพันธุ์หรือเชื้อชาติ, ผู้หญิง, ชนกลุ่มน้อยทางเพศ (sexual minority) และผู้ติดเชื้อเอชไอวีนั้นมีความเสี่ยง (social vulnerability) โดยเฉพาะต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในบริบทของบริการสุขภาพ ตัวอย่างเช่น ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือเชื้อชาติอาจถูกแบ่งแยกออกไปให้ใช้แผนกที่มีคุณภาพต่ำกว่า ผู้พิการอาจถูกกักตัวและโดนบังคับให้รับการรักษาทางแพทย์ ผู้ใช้ยาเสพติดอาจถูกปฏิเสธการรักษาอาการเสพติด ผู้หญิงอาจถูกบังคับให้รับการตรวจภายในและถูกปฏิเสธไม่ให้รับการทำแท้งที่ช่วยชีวิต ผู้ชายที่ถูกต้องสงสัยว่ารักร่วมเพศอาจถูกบังคับให้รับการตรวจในทวารหนัก และผู้หญิงซึ่งอยู่ในกลุ่มบุคคลชายขอบและบุคคลข้ามเพศอาจถูกบังคับทำหมัน (compulsory sterilization) สิทธิของผู้ให้บริการมี: สิทธิในมาตรฐานสภาพการจ้างที่มีคุณภาพ, สิทธิที่จะสมาคมอย่างเสรี และสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนบนฐานของศีลธรรมของตนเอง ผู้ให้บริการสุขภาพมักประสบกับการถูกละเมิดสิทธิของตนเอง ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการสุขภาพมักถูกบังคับให้ปฏิบัติขั้นตอนซึ่งตรงข้ามกับศีลธรรมของตนเอง, ปฏิเสธการให้การดูแลตามมาตรฐานที่ดีที่สุดแก่กลุ่มบุคคลชายขอบ, ฝ่าฝืนการรักษาความลับของผู้ป่วย และปกปิดอาชญกรรมต่อมนุษยชาติและการทรมาน โดยเฉพาะในประเทศที่มีหลักนิติธรรมที่อ่อนแอ มากไปกว่านั้น ผู้ให้บริการที่ไม่ยอมทำตามแรงกดดันเหล่านี้ก็มักถูกกดขี่ขมเหงหรือรังแก ณ ปัจจุบันมีการพูดคุยอย่างมากมายเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง "จิตสำนึกของผู้ให้บริการ" ซึ่งจะสงวนไว้ซึ่งสิทธิของผู้ให้บริการที่จะละเว้นจากการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ไม่เป็นไปตามหลักศีลธรรมของตนเอง เช่นการทำแท้ง กลไกการต่อสู้และป้องกันการละเมิดสิทธิขอผู้รับและผู้ให้บริการผ่านการปฏิรูปกฎหมายนั้นเป็นแนวทางที่มีอนาคตที่ดี แต่ทว่าในประเทศที่อยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน (ประเทศที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่และกำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูป) และในสถานที่ที่มีหลักนิติธรรมซึ่งอ่อนแอ แนวทางการปฏิรูปผ่านกฎหมายนั้นจำกัด ในขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดรูปแบบทรัพยากรและเครื่องมือสำหรับนักกฎหมาย, ผู้ให้บริการ และผู้ป่วยที่มีความสนใจในการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในด้านการดูแลผู้ป่วยขึ้นมา สิทธิในบริการสุขภาพตามรัฐธรรมนูญ. รัฐธรรมนูญสองในสามของทั้งหมดมีบทบัญญัติซึ่งกล่าวถึงสุขภาพหรือบริการสุขภาพ ในบางกรณี สิทธิเหล่านี้สามารถดำเนินการสู่กระบวนการในศาลได้ แนวโน้มการปฏิรูปรัฐธรรมนูญรอบโลกมักมีการปกป้องสิทธิในสุขภาพ และการทำให้สามารถดำเนินคดีบนฐานของสิทธินี้ได้ ทว่าประเทศสหรัฐอเมริกาในระดับสหรัฐไม่ได้เป็นไปตามแนวโน้มเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐมีการรณรงค์เรียกร้องสนับสนุนให้มีการยอมรับสิทธิในสุขภาพอยู่ในรัฐธรรมนูญ และในที่ที่รัฐธรรมนูญยอมรับในสิทธิในสุขภาพที่สามารถนำไปพิจารณาในศาลได้ การตอบสนองจากศาลกลับมีความหลากหลาย บทวิจารณ์. ฟิลิป บาร์โลว์ (Philip Barlow) เขียนว่าบริการสุขภาพไม่ควรถูกถือเป็นสิทธิมนุษยชนเนื่องจากความยากลำบากในการจำกัดความผลที่เกิดขึ้นและ 'มาตรฐานขั้นต่ำ' ภายใต้สิทธินี้นั้นจะถูกกำหนดไว้ตรงไหน นอกจากนั้นบาร์โลว์กล่าวว่าสิทธิต่าง ๆ ก่อให้เกิดหน้าที่ที่ผู้อื่นต้องมีเพื่อปกป้องและรับรองสิทธินั้น และใครจะแบกรับความรับผิดชอบทางสังคมของสิทธิในสุขภาพนั้นก็ยังไม่ชัดเจน จอห์น เบิร์กลีย์ (John Berkeley) ได้วิจารณ์เพิ่มเติมไปในทางที่เห็นด้วยกับบาร์โลว์ว่าสิทธิในสุขภาพนั้นไม่คำนึงถึงความรับผิดชอบในการรักษาสุขภาพตัวเองของปัจเจกบุคคลอย่างเพียงพอ ริชาร์ด ดี แลมม์ (Richard D Lamm) แย้งการทำให้บริการสุขภาพเป็นสิทธิ เขาให้นิยามสิทธิว่าเป็นสิ่งที่ต้องคุ้มครองไม่ว่าอย่างไรก็ตาม และเป็นแนวคิดที่ถูกให้นิยามและตีความโดยระบบตุลาการ การทำให้บริการสุขภาพเป็นสิทธิจะทำให้รัฐบาลต้องนำทรัพยากรจำนวนมากมาใช้จ่ายเพื่อจัดหาบริการให้แก่ประชาชน เขากล่าวว่าระบบบริการสุขภาพนั้นอยู่บนสมมติฐานที่ไม่ถูกต้องว่าทรัพยากรมีไม่จำกัด ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดยับยั้งไม่ให้รัฐบาลสามารถจัดหาบริการสุขภาพที่เหมาะสมให้แก่ทุกคนได้โดยเฉพาะในระยะยาว ความพยายามที่จะให้บริการสุขภาพที่ "เป็นประโยชน์" แก่ทุกคนด้วยทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอาจนำไปสู่การล่มสลายของเศรษฐกิจ แลมม์กล่าวว่าการเข้าถึงบริการสุขภาพเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ในการสร้างสังคมที่สุขภาพดี และเพื่อสร้างสังคมที่สุขภาพดีทรัพยากรควรถูกนำไปใช้ในทางสังคมด้วย อีกหนึ่งคำวิจารณ์ของสิทธิในสุขภาพคือว่ามันเป็นไปไม่ได้ อิมแร เจ พี โลฟเฟลอร์ (Imre J.P. Loefler) อ้างว่าภาระด้านการเงินและโลจิสติกส์ที่การรับรองบริการสุขภาพสำหรับทุกคนจะสร้างขึ้นมานั้นไม่สามารถแบกรับได้ และข้อจำกัดทางด้านทรัพยากรทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิทธิซึ่งเป้าหมายคือการต่อชีวิตออกไปไม่สิ้นสุด โลฟเฟลอร์เสนอว่าเป้าหมายที่จะพัฒนาสุขภาพของประชากรนั้นจะดีกว่าถ้าหันไปสนใจเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจสังคมแทนการมุ่งสู่การมีสิทธิในสุขภาพอย่างเป็นทางการ
1162004
361321
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162004
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาหย่าง
หนองขาหย่าง เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทองค์การบริหารส่วนตำบลที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของหมู่ที่ 1, 3–8 และบางส่วนของหมู่ที่ 2 ตำบลหนองขาหย่าง (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลหนองขาหย่าง) และพื้นที่ทั้งหมดของตำบลห้วยรอบ ตำบลดอนกลอย และตำบลทุ่งพึ่ง อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี เดิมมีฐานะเป็นสภาตำบลหนองขาหย่าง ได้รับการจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อปี พ.ศ. 2542 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 กระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้เขตสภาตำบลดอนกลอยที่มีพื้นที่ 6 หมู่บ้าน และมีประชากร 1,252 คน ไม่ผ่านเงื่อนไขในการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องรวมกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาหย่าง เดือนกันยายน ปีเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ยุบสภาตำบลทุ่งพึ่งที่มีพื้นที่ 7 หมู่บ้านและประชากร 1,466 คน และสภาตำบลห้วยรอบที่มีพื้นที่ 3 หมู่บ้านและประชากร 513 คน ต้องรวมกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาหย่าง เนื่องจากทั้ง 2 สภาตำบลไม่ผ่านเงื่อนไขในการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ตั้งและอาณาเขต. องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาหย่าง มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
1162010
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162010
สนธิสัญญาปารีส (ค.ศ. 1783)
สนธิสัญญาปารีส ลงนามสัตยาบันที่กรุงปารีสโดยพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งบริเตนใหญ่ และผู้แทนฝั่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1783 ซึ่งมีผลทำให้สงครามปฏิวัติอเมริกาอันเป็นสิ้นสุด เนื้อหาของสนธิสัญญายังกันเขตพรมแดนของจักรวรรดิอังกฤษในทวีปอเมริกาเหนือกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายได้เปรียบ โดยรายละเอียดปลีกย่อยรวมถึงสิทธิในการหาปลาในน่านน้ำต่างๆ การซ่อมแซมอาคารที่เสียหาย และเชลยศึกของทั้งสองฝ่าย สนธิสัญญาฉบับนี้ และสนธิสัญญาสันติภาพอีกฉบับหนึ่งที่ทำขึ้นระหว่างบริเตนใหญ่กับกลุ่มประเทศที่ร่วมสนับสนุนสหรัฐอเมริกาซึ่งได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน และสาธารณรัฐดัตช์ นั้นถูกเรียกรวมกันว่า "สนธิสัญญาสันติภาพปารีส" ซึ่งในปัจจุบันนี้เหลือเพียงมาตรา 1 ที่ยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรองสถานะความเป็นประเทศเอกราชของสหรัฐอเมริกา รายละเอียด. สนธิสัญญาฉบับนี้ และสนธิสัญญาสันติภาพอีกฉบับหนึ่งที่ทำขึ้นระหว่างบริเตนใหญ่กับกลุ่มประเทศที่ร่วมสนับสนุนสหรัฐอเมริกาซึ่งได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน และสาธารณรัฐดัตช์ นั้นถูกเรียกรวมกันว่า "สนธิสัญญาสันติภาพปารีส" ซึ่งในปัจจุบันนี้เหลือเพียงมาตรา 1 มาตราเดียวที่ยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรองสถานะความเป็นประเทศเอกราชของสหรัฐอเมริกา ส่วนมาตราอื่นๆ นั้นเกี่ยวข้องกับเขตแดนซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา จึงถูกแทนด้วยสนธิสัญญาฉบับใหม่ฉบับอื่นๆ แทน ในอารัมภบทได้กล่าวถึงสนธิสัญญาว่า"กระทำในนามของพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด" ซึ่งกล่าวถึงสัตยาบันของทั้งสองฝ่ายที่ตกลงร่วมกันเพื่อที่จะ "ลืมความขัดแย้งและความแตกต่างทั้งหมดทั้งปวงในอดีตที่ผ่านมา" และ "เพื่อนำไปสู่สันติภาพและความปรองดองซึ่งกันและกัน" ลงท้ายสนธิสัญญาว่า "ลงนามที่กรุงปารีส ในวันที่ 3 เดือนกันยายน ปีแห่งคริสต์ศักราชที่ 1783"
1162011
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162011
กระสุนสังหารพลิกโลก
กระสุนสังหารพลิกโลก เป็นภาพยนตร์สงครามซึ่งจัดฉายเมื่อ ค.ศ. 2001 ที่กำกับ, ร่วมเขียนบท และอำนวยการสร้างโดยฌ็อง-ฌัก อองโนด์ โดยอิงจากหนังสือสารคดีชื่อ"" เมื่อ ค.ศ. 1973 ของวิลเลียม เครก ซึ่งอธิบายเหตุการณ์รอบ ๆ ยุทธการที่สตาลินกราดในช่วงฤดูหนาว ค.ศ. 1942–1943 บทภาพยนตร์นี้เขียนโดยอองโนด์ และอาแล็ง กอดาร์ ตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพลซุ่มยิงที่ชื่อวาซีลี ไซเซฟ ซึ่งเป็นวีรชนแห่งสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รวมถึงการดวลของพลซุ่มยิงระหว่างไซเซฟ และผู้อำนวยการโรงเรียนพลซุ่มยิงของ"แวร์มัคท์" พันตรี แอร์วีน เคอนิก นักแสดงประกอบไปด้วยจู๊ด ลอว์ ที่รับบทเป็นไซเซฟ, เรเชล ไวสซ์ รับบทเป็นทาเนีย เชอร์โนวา และเอ็ด แฮร์ริส รับบทเป็นเคอนิก ร่วมกับโจเซฟ ไฟนส์, บ็อบ ฮอสกินส์, รอน เพิร์ลแมน, เอฟา มัทเทส, เกเบรียล มาร์แชลล์ ทอมสัน และมัททีอัส ฮาบิช
1162040
179988
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162040
จักรวรรดิเฮติ
จักรวรรดิเฮติ อาจหมายถึง: <table id=" disambigbox" class="metadata plainlinks dmbox dmbox-disambig" style=""> <tr> <td class="mbox-image" style="padding: 2px 0 2px 0.4em;"> </td> <td class="mbox-text" style="padding: 0.25em 0.4em; font-style: italic; "> หน้านี้รวมบทความที่มีชื่อเหมือนหรือใกล้เคียงกัน </td> </tr> </table>#เปลี่ยนทาง
1162047
184218
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162047
หย่งจาง
อ้ายซิน เจว๋หลัว หย่งจาง (永璋; 15 กรกฎาคม 2278 - 26 สิงหาคม 2303) เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 3 ของ จักรพรรดิเฉียนหลง พระประวัติ. องค์ชายหย่งจางประสูติเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2278 ในปลายรัชสมัยของ จักรพรรดิยงเจิ้ง ผู้เป็นสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช เมื่อครั้งที่ จักรพรรดิเฉียนหลง พระราชบิดายังดำรงพระอิสริยยศเป็น เป่าชินหวัง ส่วนพระมารดาของพระองค์คือ ซู่ฝูจิ้น (庶福晋) เมื่อ องค์ชายหย่งจาง ประชวรหนักเมื่อพระชนมายุ 15 พรรษา จักรพรรดิเฉียนหลงมีพระราชโองการให้ ลามะ สวดมนต์ให้กับองค์ชายหย่งจาง ใน พ.ศ. 2291 พระองค์ได้รับมอบหมายให้ดูแลการไว้ทุกข์ของ จักรพรรดินีเซี่ยวเสียนฉุน องค์ชายหย่งจางถูกถอดพระนามออกจากบัญชีคัดเลือกรัชทายาทพร้อมกับพระเชษฐาต่างพระมารดา หย่งหวง จากพฤติกรรมของพระองค์ในระหว่างพิธีฝังพระศพ ใน พ.ศ. 2302 ฉุนฮุ่ยหวงกุ้ยเฟย์ พระมารดาของพระองค์ประชวรที่ สถานที่พักร้อนและหมู่วัดในเฉิงเต๋อ องค์ชายหย่งจางนำพระมารดาเสด็จกลับไป ปักกิ่ง พระองค์สิ้นพระชนม์ในปีถัดมาและได้รับพระราชทานพระอิสริยยศย้อนหลังให้เป็น ซุนชินหวัง
1162062
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162062
วัดราชคฤห์ (จังหวัดพะเยา)
วัดราชคฤห์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา วัดราชคฤห์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2443 เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2481 แต่เดิมเป็นที่ตั้งของบริเวณวัดมหาพน ร่องรอยความเก่าแก่ของซากโบราณวัตถุและองค์เจดีย์ภายในบริเวณวัดมหาพน ยังคงหลงเหลือสภาพให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงความเก่าแก่ของวัดแห่งนี้ ซึ่งจากประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบ เป็นวัดโบราณที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปี มีความเกี่ยวพันกับอาณาจักรสุโขทัย ครั้งเมื่อในอดีตเคยมีการต่อสู้กับอาณาจักรสุโขทัย มีบันทึกว่า ได้นำเอาหลังคาวิหารของวัดแห่งนี้ซึ่งเป็นทองเหลือง นำมาหล่อเป็นอาวุธปืน เพื่อต่อสู้กับอาณาจักรสุโขทัยที่เข้ามารุกราน ด้านหน้าประตูทางเข้าจะเป็นประตูโขงขนาดใหญ่เป็นการก่ออิฐถือปูนมีรูปเทวดาปูนปั้น บนยอดมีรูปพรหมสี่หน้า อุโบสถกว้างราวประมาณ 20 เมตร ยาวเกือบ 40 เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินทราย ลงรักปิดทอง ด้านหลังอุโบสถเป็นองค์เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมย่อมุม มีซุ้มจรนำทั้งสี่ทิศ บนเรือนธาตุมีเจดีย์บริวารทั้งสี่ด้าน องค์ระฆังของเจดีย์ฉาบด้วยสีทอง ทางประตูเข้าของกำแพงแก้วมีรูปปั้นสิงห์คู่ทั้งสี่ด้าน
1162064
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162064
การปฏิวัติบาตาเวีย
การปฏิวัติบาตาเวีย (,) เป็นเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรมในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่เป็นจุดจบของสาธารณรัฐดัตช์ และการก่อตั้งของสาธารณรัฐบาตาเวีย ในประวัติศาสตร์เนเธอร์แลนด์ได้เรียกยุคสมัยภายหลังการปฏิวัติในครั้งนี้ว่า "ยุคบาตาเวีย-ฝรั่งเศส" (ค.ศ. 1795-1813) ซึ่งกินเวลายาวนานเพียง 20 ปี รวมระยะเวลาสามปีภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสในยุคของจักรพรรดินโปเลียน การปฏิวัติบาตาเวียยุติลงภายหลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐบาตาเวียในปีค.ศ. 1795 เจ้าชายวิลเลิมที่ 5 แห่งออเรนจ์ ได้เสด็จลี้ภัยไปอังกฤษ และได้เขียนเอกสารให้ดินแดนในอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ทั้งหมดตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ซึ่งได้ประกาศสงครามต่อสาธารณรัฐบาตาเวียในที่สุด ต่อมาได้มีการปฏิวัติตามมาในปีค.ศ. 1798, 1801 และ 1805 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงศูนย์อำนาจในกลุ่มผู้รักชาติ ถึงแม้ว่าฝั่งฝรั่งเศสนั้นมีท่าทีเหมือนผู้ช่วยปลดปล่อย แต่หลายฝ่ายก็มิได้เชื่อตามนั้น สาธารณรัฐบาตาเวียสิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1806 ภายหลังจากการก่อตั้งราชอาณาจักรฮอลแลนด์โดยมีพระอนุชาของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 หลุยส์ โบนาปาร์ตเสวยราชสมบัติเป็นปฐมกษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ ต่อมาในปีค.ศ. 1810 ได้ถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 1 ในปีค.ศ. 1813 เนเธอร์แลนด์ก็ได้รับเอกราชอีกครั้งหนึ่ง โดยเจ้าชายวิลเลิม เฟรเดอริกโอรสในเจ้าชายวิลเลิมที่ 5 แห่งออเรนจ์ ขึ้นครองราชสมบัติ
1162067
288869
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162067
เหตุระเบิดในปูลีอลัม พ.ศ. 2564
เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 เกิดเหตุระเบิดติดรถในปูลีอลัม, จังหวัดเลาการ์, ประเทศอัฟกานิสถาน โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 คน ไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงว่าเป็นผู้โจมตี และยังไม่ทราบผู้ก่อเหตุ ภูมิหลัง. สมาชิกกลุ่มตอลิบานได้มีแนวคิดแบบญิฮาดิสต์เป็นส่วนใหญ่ โดยกลุ่มนี้ได้ก่อเหตุโจมตีร้ายแรงหลายร้อยครั้งระหว่างช่วงการก่อความไม่สงบในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 รวมถึงเหตุระเบิดติดรถในปูลีอลัม ซึ่งเป็นเมืองในจังหวัดเลาการ์ ทางตะวันออกของประเทศอัฟกานิสถาน จากเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิต 17 คน ความรุนแรงในประเทศอัฟกานิสถานทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2564 เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดิน ประกาศว่าสหรัฐจะถอนกองกำลังติดอาวุธภายในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2564 หลังจากประจำการภายในประเทศในแถบเอเชียใต้เป็นระยะเวลา 20 ปี ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ ดอนัลด์ ทรัมป์ ได้ตกลงกับกลุ่มตอลิบานว่าจะถอนกองกำลังภายในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เหตุระเบิด. เมื่อเวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา ของวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 ได้เกิดเหตุคาร์บอมบ์ใกล้เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งในปูลีอลัม มีผู้เสียชีวิต 30 คน และผู้บาดเจ็บกว่า 90 คน พร้อมอาคารได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เหยื่อเป็นทั้งนักเรียนมัธยมตอนปลายและสมาชิกกองหนุนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลโดยเป็นผู้พักอาศัยอยู่ที่แห่งนี้
1162069
394153
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162069
วิลเลิมที่ 5 เจ้าชายแห่งออเรนจ์
เจ้าชายวิลเลิมที่ 5 (Willem Batavus; 8 มีนาคม ค.ศ. 1748 - 9 เมษายน ค.ศ. 1806) เจ้าชายแห่งออเรนจ์ และผู้ดำรงตำแหน่งสตัดเฮาเดอร์คนสุดท้ายของสาธารณรัฐดัตช์ ซึ่งได้เสด็จลี้ภัยยังกรุงลอนดอนในปีค.ศ. 1795 นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าผู้ปกครองแห่งราชรัฐออเรนจ์-นัสเซาจนสิ้นพระชนม์ โดยมีพระโอรสวิลเลิมเป็นรัชทายาท
1162085
361321
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162085
ราชรัฐออเรนจ์-นัสเซา
ราชรัฐออเรนจ์-นัสเซา หรือ ราชรัฐนัสเซา-ออเรนจ์ (หรือ "Nassau-Oranien") เป็นราชรัฐซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเครือราชรัฐนีเดอร์ไรน์-เว็สท์ฟาเลินของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปกครองโดยราชวงศ์ออเรนจ์-นัสเซาในระหว่างปีค.ศ. 1702-1815 ซึ่งมีอาณาเขตอยู่ในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน ราชวงศ์ออเรนจ์-นัสเซายังคงดำรงอยู่ในปัจจุบันในฐานะราชวงศ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีรากฐานลึกซึ้งทั้งในประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์และเยอรมนี อิทธิพลของราชวงศ์นี้แผ่ขยายตั้งแต่การประกาศเอกราชของสาธารณรัฐเนเธอร์แลนด์จนถึงระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญในปัจจุบัน
1162117
184218
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162117
ฟูจิวาระ โนะ ซาเนโยริ
ฟูจิวาระ โนะ ซาเนโยริ (藤原 実頼, 1443 - 24 มิถุนายน 1513) บางทีรู้จักในฐานะ โอโนมิยะโดโนะ เป็นรัฐบุรุษชาวญี่ปุ่น ข้าราชสำนัก และขุนนางระหว่างยุคเฮอัง การงาน. เขาเป็นเสนาบดีระหว่างรัชสมัยของ จักรพรรดิเรเซ และ จักรพรรดิเอ็งยู ประวัติ. สมาชิกของ ตระกูลฟูจิวาระ ผู้นี้เป็นบุตรชายของ ฟูจิวาระ โนะ ทาดาฮิระ ซาเนโยริเป็นบุตรชายคนโต เขามีน้องชายสองคน: โมโรซูเกะ โมโรตาดะ บันทึก. <templatestyles src="รายการอ้างอิง/styles.css" />
1162121
11976254
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162121
วิลเลิมที่ 4 เจ้าชายแห่งออเรนจ์
เจ้าชายวิลเลิมที่ 4 (Willem Karel Hendrik Friso; 1 กันยายน ค.ศ. 1711 - 22 ตุลาคม ค.ศ. 1751) เจ้าชายแห่งออเรนจ์ ตั้งแต่ประสูติและเป็นผู้ครองตำแหน่งสตัดเฮาเดอร์ที่สืบตระกูลเป็นพระองค์แรกแห่งสาธารณรัฐดัตช์ตั้งแต่ค.ศ. 1747 จนสิ้นพระชนม์เมื่อค.ศ. 1751 นอกจากนี้ยังทรงเป็นผู้ปกครองแห่งราชรัฐออเรนจ์-นัสเซาในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย
1162122
179988
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162122
สโมสรฟุตบอลคิมช็อนซังมู
สโมสรฟุตบอลคิมช็อนซังมู (ฮันกึล: 김천 상무 프로축구단; ฮันจา: 金泉 尚武 프로蹴球團) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่แข่งขันในเคลีก 2 สโมสรตั้งอยู่ที่เมืองคิมช็อน เกาหลีใต้ คำว่าซังมู (상무, 尙武) หมายถึงการต่อสู้ และสโมสรนี้เป็นกองกีฬาของกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ผู้เล่นของซังมูประกอบด้วยนักฟุตบอลอาชีพของเกาหลีใต้ที่ต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับเป็นเวลาสองปี ผู้เล่นสิบห้าคนจะเข้าร่วมทีมในช่วงเริ่มต้นของทุกฤดูกาล และใช้เวลาสองปีอยู่กับทีมก่อนที่จะกลับไปยังสโมสรอาชีพเดิมของพวกเขา โดยซังมูไม่ได้รับอนุญาตให้เซ็นสัญญากับผู้เล่นต่างชาติเนื่องจากสถานะทางทหารของสโมสร บทความนี้ยังรวมถึงทีมทหารรุ่นก่อน ได้แก่ สโมสรฟุตบอลซังมู, สโมสรฟุตบอลควังจูซังมู และสโมสรฟุตบอลซังจูซังมู ซึ่งยังคงเป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก ประวัติ. ยุคสโมสรทหารต่าง ๆ (คริสต์ทศวรรษ 1950–1983). ก่อนที่กองพลนักกีฬาทหารเกาหลีและสโมสรฟุตบอลซังมูก่อตั้งขึ้นในปี 1984 กองทัพสาธารณรัฐเกาหลีมีสโมสรฟุตบอลซึ่งแยกตามสามเหล่า (สโมสรฟุตบอลกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี, สโมสรฟุตบอลเหล่านาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลี, สโมสรฟุตบอลกองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลี) เดิมทีสโมสรฟุตบอลกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี สร้างสโมสรของแต่ละกองพลด้วย เช่น "สโมสรฟุตบอลเคเอซีไอซี" (หรือในชื่อ "สโมสรฟุตบอลซีไอซี"; หมายถึง: กองกำลังต่อต้านหน่วยสืบราชการลับกองทัพบกเกาหลี), "สโมสรฟุตบอลเอชไอดี" (สำนักงานใหญ่หน่วยสืบราชการลับ), "สโมสรฟุตบอลกองทหารฝ่ายพลาธิการ" (ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายพลาธิการ), "สโมสรฟุตบอลสารวัตรทหาร", "สโมสรฟุตบอลกองพลทหารช่าง", "สโมสรฟุตบอลโรงเรียนทหารราบ" และอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่รวมสโมสรฟุตบอลกองทหารฝ่ายพลาธิการ ซึ่งรวมเข้ากับสโมสรฟุตบอลกองพลทหารช่างในปี 1965 ในที่สุดทั้งสองสโมสรก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และสโมสรฟุตบอลทหารบกก่อตั้งในปี 1969 จากนั้นสโมสรฟุตบอลเหล่านาวิกโยธินกลายมาเป็น "สโมสรฟุตบอลกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี" เนื่องจากการยุบกองบัญชาการนาวิกโยธินใน 1973. ยุคก่อตั้งสโมสรฟุตบอลซังมู (1984–2002). สโมสรฟุตบอลซังมูก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 1984 ในนามทีมฟุตบอลของกองพลนักกีฬาทหารเกาหลี แม้ว่าทีมซังมูจะประกอบด้วยผู้เล่นอาชีพจากสโมสรในเคลีก แต่สโมสรฟุตบอลซังมูเข้าแข่งขันในลีกกึ่งอาชีพ (ปัจจุบันคือโคเรียเนชันแนลลีก) ซังมูเข้าร่วมเคลีกในฤดูกาล 1985 แต่ใช้เวลาเพียงปีเดียวในลีกก่อนที่จะถอนตัวออกไป ด้านทีมสำรอง ซังมูบีเข้าแข่งขันในเค 2 ลีก ตั้งแต่ปี 2003 ถึง 2005 ก่อนที่จะเข้าร่วมลีกสำรองของเคลีก ซังมูบีตั้งอยู่ที่อินช็อน และเคยจบการแข่งขันในฐานะรองชนะเลิศในฤดูกาล 2003 ยุคควังจูซังมู (2002–2010). หลังจากสร้างสนามเหย้าในควังจูเมื่อเดือนเมษายน 2002 ทีมได้เข้าร่วมในรีเสิร์ฟลีกและกลับเข้าร่วมเคลีกอีกครั้งเมื่อฤดูกาล 2003 ในชื่อ สโมสรฟุตบอลควังจูซังมู โดยในระหว่างปี 2004 ถึง 2010 สโมสรเป็นที่รู้จักในชื่อสโมสรฟุตบอลควังจูซังมู ยุคซังจูซังมู (2011–2020). เมื่อสโมสรฟุตบอลควังจูก่อตั้งแล้ว สโมสรฟุตบอลควังจูซังมูก็ย้ายไปอยู่ที่ซังจู จังหวัดคย็องซังเหนือ ในขณะที่กองพลนักกีฬาทหารเกาหลีย้ายไปที่มุนคย็อง ซึ่งใกล้กับซังจู และสโมสรเปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลซังจูซังมูฟีนิกซ์ ในเดือนมกราคม 2011 ก่อนฤดูกาล 2013 เริ่มต้นขึ้น สโมสรได้ลบคำว่า "ฟีนิกซ์" ออกจากชื่อ และในฤดูกาลเดียวกัน ซังจูซังมูได้แชมป์เป็นทีมแรกของการแข่งขันเคลีกชาเลนจ์ (ดิวิชันสอง) ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ และเลื่อนชั้นไปยังเคลีกคลาสสิก เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2020 พวกเขารู้แล้วว่าจะต้องตกชั้นไปยังเคลีก 2 สโมสรจึงตัดสินใจย้ายออกจากซังจูไปยังสถานที่ใหม่โดยที่ยังไม่เปิดเผย ซังจูตัดสินใจที่จะไม่จัดตั้งทีมฟุตบอลของพลเมืองและเล่นในเคลีก 2 ขึ้นมา คิมช็อนซังมู (2021–ปัจจุบัน). หลังจากคาดเดาเรื่องสถานที่ใหม่มาหลายเดือน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2020 ฝ่ายจัดการแข่งขันเคลีกประกาศว่าเมืองคิมช็อน จังหวัดคย็องซังเหนือ (ตั้งอยู่ทางใต้ของซังจู) ได้ส่งใบสมัครอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นเจ้าบ้านของทีมอย่างน้อยสำหรับฤดูกาล 2021 โดยเสนอสนามกีฬาท้องถิ่นเป็นสนามเหย้าแห่งใหม่ของสโมสร หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้น และการประชุมกับผู้ว่าการท้องถิ่นแล้ว ในที่สุดเคลีกก็ได้อนุมัติข้อเสนอดังกล่าว จึงเริ่มดำเนินการเพื่อย้ายสโมสรฟุตบอลซังจูซังมู ไปยังคิมช็อน
1162128
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162128
วัดบางเตยกลาง
วัดบางเตยกลาง เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี วัดบางเตยกลางสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2330 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต่อมาชาวมอญอพยพหนีสงครามมาอยู่ปะปนกับคนไทย วัดนี้จึงมีสภาพเป็นวัดมอญแปลง มอญเรียกว่า เพี้ยฮะปร้าง แต่ภายหลังเรียกผิดเพี้ยนไปเป็น วัดเปิ้ง ต่อมาพระยามหัยสวรรค์กลับจากการรบกับเงี้ยว เป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์ให้ดีขึ้นกว่าเดิมจึงเปลี่ยนเป็นชื่อวัดเป็น วัดลิ้มกลีบอัมไพรมหัยสวรรค์ (ลิ้มกลีบเป็นภรรยาพระยาอำภัยมหัยสวรรค์) แต่ต่อมาพระครูธีรานุวัตรเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดบางเตยกลาง" จนถึงปัจจุบันนี้ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2420 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 สิ่งสำคัญในวัด ได้แก่ อุโบสถมีลักษณะทรงไทยโบราณ และมีพระพุทธรูปเก่าแก่ปางสมาธิเพชรจึงมีชื่อเรียกว่า "หลวงพ่อเพชร" พระยืนปางห้ามสมุทร ปางห้ามญาติของเก่าแก่ รูปปั้นหลวงพ่อพระครูธีรานุวัตร (หลวงปู่หอม) และโอ่งดินเผาสมัยของชุมชนไทยเชื้อสายมอญ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของวัด คือ พระครูธีรานุวัตร หรือ หลวงพ่อหอม รามธัมโม หนึ่งในพระปฏิบัติดีรูปหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ท่านได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมมากในขณะนั้น โดยสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอระฆัง และสร้างอุโบสถหลังใหม่หมด ยังนิยมสร้างพระเครื่องมาก มีทั้งพระสมเด็จ ตะกรุด เหรียญและพระพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย วัตถุมงคลได้รับความนิยมอย่างมาก โดยปฏิบัติอยู่ในศีลเคร่งครัดมาก จนชาวบ้านนับถือมาก
1162131
436717
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162131
จูเลีย สไตลส์
จูเลีย โอฮารา สไตลส์ (เกิด 28 มีนาคม ค.ศ. 1981) เป็นนักแสดงหญิงชาวอเมริกัน เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก เธอเริ่มต้นอาชีพนักแสดงมาจากการแสดงละครบรอดเวย์ในโรงละครที่แมนแฮตตันตั้งแต่อายุ 11 ปี และได้รับโอกาสในการแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในบทบาทตัวประกอบในภาพยนตร์แนวโรแมนติกดรามาเรื่อง "I Love You, I Love You Not" (ค.ศ. 1996) จากนั้นเธอได้รับบทบาทนักแสดงนำในภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง "Wicked - ลูกสาวพันธุ์อันตราย" (ค.ศ. 1998) ถึงแม้ตัวภาพยนตร์จะไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้แต่เธอก็ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติคาร์โลวี วารี ประเทศเช็กเกีย ก่อนที่เธอจะเริ่มมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จกับการแสดงนำในภาพยนตร์วัยรุ่นเรื่อง "10 กฎเฮ้วเด็ดหัวใจเฮี้ยว" (ค.ศ. 1999) ที่แสดงคู่กับ ฮีท เลดเจอร์ โดยเธอได้รับรางวัลเอ็มทีวี มูวีอะวอดส์เป็นครั้งแรก ต่อมาในปี 2000 เธอได้รับรางวัลทีน ช้อยส์ อะวอดส์ จากภาพยนตร์เรื่อง "Down to You - รักหนสอง ต้องลึกสุดใจ" และจากผลงานการแสดงนำในเรื่อง "Save the Last Dance - ฝ่ารัก ฝ่าฝัน เต้นสะท้านโลก" (ค.ศ. 2001) ทำให้เธอได้รับรางวัล ทีน ช้อยส์ อะวอร์ด และ เอ็มทีวี มูวีอะวอดส์ เป็นครั้งที่สอง หลังจากโด่งดังจากภาพยนตร์แนววัยรุ่น จูเลีย สไตลส์ เริ่มหันมาแสดงในบทบาทที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเธอเป็นที่จดจำในวงการภาพยนตร์อย่างกว้างขวางจากการรับบทเป็น "นิกกี พาร์สันส์" ในภาพยนตร์ชุดเจสัน บอร์น รวมถึงการได้แสดงภาพยนตร์แนวดรามาร่วมกับนักแสดงที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากฮอลลีวูดอย่าง จูเลีย โรเบิตส์ ใน "Mona Lisa Smile - ขีดชีวิต เขียนฝัน ให้บานฉ่ำ" (ค.ศ. 2003) และรับบทนักแสดงนำในภาพยนตร์คอมเมดีเรื่อง "A Guy Thing - ผู้ชายดวงจู๋ " (ค.ศ. 2003) และ "The Prince & Me - รักนาย เจ้าชายของฉัน" (ค.ศ. 2004) ในปี 2006 จูเลีย สไตลส์ แสดงในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญที่ประสบความสำเร็จทางรายได้เรื่อง "The Omen - อาถรรพณ์กำเนิดซาตานล้างโลก" ก่อนจะมารับบทบาทนักแสดงสมทบใน "Silver Linings Playbook - ลุกขึ้นใหม่หัวใจมีเธอ" ในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งตัวภาพยนตร์ประสบความสำเร็จและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 8 สาขา ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ หรือแซกอวอดส์ นอกจากผลงานในภาพยนตร์แล้ว จูเลีย สไตลส์ ยังมีผลงานการแสดงละครโทรทัศน์ โดยเธอแสดงในละครเรื่อง "Dexter - เชือดพิทักษ์คุณธรรม ปี 5 " ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีย์ทางโทรทัศน์ และเข้าชิงรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี สาขานักแสดงหญิง ประเภทซีรีย์แนวดรามา ชีวิตส่วนตัว. จูเลีย สไตลส์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านวรรณคดีอังกฤษจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยในช่วงที่เธอกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยได้เคยคบหากับ โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ ที่กำลังศึกษาทางด้านกวีนิพนธ์และวรรณกรรมฝรั่งเศส ทั้งคู่อยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยอาคารเดียวกัน ต่อมาเธอได้คบหากับ เดวิด ฮาร์เบอร์ เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2011–2015 ในเดือนมกราคม ปี 2016 เธอได้ออกมาเปิดเผยว่าได้หมั้นกับ เพรสตัน เจ คุก ซึ่งเป็นผู้ช่วยช่างกล้องที่หมู่เกาะโรซาริโอ, ประเทศโคลอมเบีย โดยทั้งคู่ได้พบกันขณะที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Blackway" ก่อนที่ในเดือนกันยายน ปี 2017 ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันในขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ได้ราว 8 เดือน ที่ซีแอตเทิล ปัจจุบันทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกัน 2 คนคือ สตรัมเมอร์ นิวคอมบ์ คุก และ อาร์โล คุก นอกจากผลงานการแสดงแล้ว จูเลีย สไตลส์ ยังเคยทำงานให้กับองค์การไม่แสวงหาผลกำไรต่าง ๆ เช่น การร่วมงานกับองค์การที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติสากล ในการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้ขัดสนในประเทศคอสตาริกา และร่วมงานกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อสร้างความเข้าใจในเงื่อนไขที่รุนแรงของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการกักกันตัวผู้อพยพที่ยังเป็นเยาวชนและไม่มีญาติดูแล
1162132
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162132
วัดปรกราษฎร์รังสฤษฏ์
วัดปรกราษฎร์รังสฤษฏ์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลโรงหีบ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นวัดตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ และคลองวัดกลางเหนือ ปัจจุบันมีพระครูสมุทรวรวงศ์ เป็นเจ้าอาวาส วัดปรกราษฎร์รังสฤษฏ์เป็นวัดโบราณอายุประมาณ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ได้ขออนุญาตตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2400 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2405 เมื่อแรกตั้งสมัยโบราณเป็นเรือนไม้สักทั้งสิ้น อุโบสถสร้างใหม่ก่ออิฐถือปูนแบบโบราณเพราะของเก่าได้ชำรุดทรุดโทรมไป ส่วนกุฏิสงฆ์ หอฉัน หอสวดมนต์ ยังอนุรักษ์ของเก่าไว้ สิ่งสำคัญของวัด ได้แก่ อุโบสถเก่าแบบโบราณหลังเล็ก หน้าบันและหน้าประตูประดับด้วยเครื่องถ้วยชามแบบวัดสมัยกรุงธนบุรี ภายในประดิษฐานพระประธาน เป็นพระศิลาแลง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1.70 เมตร สูง 2.27 เมตร เป็นพระพุทธรูปโบราณคู่มากับอุโบสถ รูปหล่อพระอธิการแต้มในอุโบสถ อดีตเจ้าอาวาส
1162135
181355
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162135
วัดงิ้วราย (จังหวัดนครปฐม)
วัดงิ้วราย เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลงิ้วราย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม วัดงิ้วราย สันนิษฐานว่าเป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย (แต่กรมการศาสนาระบุว่าสร้างราว พ.ศ. 2360) เพราะลักษณะอุโบสถเป็นแบบหลังคาชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีลักษณะคล้ายเรือสำเภา มีภาพลายนูนก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงด้านเดียว มีหน้าต่างด้านละ 2 บาน มีกำแพงแก้วล้อมรอบอุโบสถ ปัจจุบันได้รื้ออุโบสถแล้วก่อสร้างเป็นวิหารเรือนแก้วขึ้นแทนที่ มีเพียงประตูหน้าด้านเดียว พระประธานอุโบสถหลังเก่าสร้างด้วยศิลาแลงประทับนั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย มีพระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลงล้อมรอบพระประธานอีก 5 องค์ เสนาสนะ ได้แก่ อุโบสถหลังใหม่เริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2498 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 2502 มีหลังคา 3 ชั้น ประตู 4 บาน หน้าต่างด้านละ 5 บาน มีกำแพงแด้วล้อมรอบประกอบด้วยซุ้มประตู 4 ซุ้ม พระประธานในอุโบสถได้จำลองมาจากวัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา มณฑปสร้างเมื่อ พ.ศ. 2479 หอฉันสร้างเมื่อ พ.ศ. 2490 ศาลาการเปรียญหลังใหม่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2517 วิหารอดีตเจ้าอาวาสสร้างเมื่อ พ.ศ. 2523
1162141
324385
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162141
โยฮัน วิลเลิม ฟรีโซ เจ้าชายแห่งออเรนจ์
เจ้าชายโยฮัน วิลเลิม ฟรีโซ (14 สิงหาคม ค.ศ. 1687 - 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1711) ได้รับสถาปนาบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าชายแห่งออเรนจ์ในปีค.ศ. 1702 ดำรงตำแหน่งเป็นสตัดเฮาเดอร์แห่งมณฑลฟรีสลันด์และโกรนิงเงินในสาธารณรัฐดัตช์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์โดยอุบัติเหตุจมน้ำในแถบลุ่มแม่น้ำฮอลแลนด์ (Hollands Diep) พระองค์ และพระชายามารีย์ หลุยส์แห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิลทรงเป็นพระบรรพบุรุษของทุกราชสำนักยุโรปในปัจจุบัน บรรดาศักดิ์. ภายหลังจากการสวรรคตของพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ ผู้ครองบรรดาศักดิ์เจ้าชายแห่งออเรนจ์ มีผลให้รัชทายาทชายที่สืบสายตรงจากวิลเลิมวิลเลิมผู้เงียบขรึม (จากราชวงศ์ออเรนจ์ สมัยที่ 2) สิ้นสุดลง ทำให้จอห์น วิลเลิม ฟริโซ เป็นผู้สืบสายตระกูลจากน้องชายของวิลเลิมผู้เงียบขรึม และยังเป็นผู้สืบสายตระกูลจากเฟรเดอริก เฮนรี (พระอัยกาในพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ) โดยด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้เขาอ้างสิทธิ์ในตำแหน่งสตัดเฮาเดอร์ของทุกมณฑลที่เคยอยู่ใต้การปกครองของพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยกลุ่มรีพับลิกันในเนเธอร์แลนด์ โดยมณฑลทั้ง 5 ที่พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 เคยปกครองได้แก่ ฮอลแลนด์ เซลันด์ ยูเทรกต์ เกลเดอร์แลนด์ และโอเฟอไรส์เซิล ทั้งหมดได้ยุติบทบาทของสตัดเฮาเดอร์ลงภายหลังจากการสวรรคต ในขณะที่อีกสองมณฑลที่เหลือ ได้แก่ ฟรีสลันด์ และโกรนิงเงิน ที่ปกครองโดยสตัดเฮาเดอร์อีกคน ซึ่งคือ จอห์น วิลเลิม ฟริโซ โดยภายหลังจากที่เถลิงราชวงศ์ออเรนจ์สมัยที่ 3 แล้ว (ซึ่งต่อมาสิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1890) บุตรชายของเขา วิลเลิมที่ 4 ได้กลายเป็นสตัดเฮาเดอร์ของมณฑลทั้งเจ็ด ฐานะของผู้สืบบรรดาศักดิ์ของจอห์น วิลเลิม ฟริโซ ต่อจากพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 นั้นถูกต่อต้านโดยพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย ผู้อ้างสิทธิ์ในบรรดาศักดิ์และยังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบางส่วนด้วย (เช่น ลิงเงิน) ในพระราชพินัยกรรมระบุว่าพระราชทานดินแดนราชรัฐออเรนจ์ให้แก่จอห์น วิลเลิม ฟริโซ แต่อย่างไรก็ตามพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย ก็ยังทรงดึงดันในสิทธิเหนือดินแดนนี้ ซึ่งต่อมาได้ตกเป็นดินแดนของฝรั่งเศสในที่สุด
1162150
181355
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162150
วัดมเหยงคณ์ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
วัดมเหยงคณ์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ตั้งอยู่ในตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดมเหยงคณ์ หรือ วัดมหิยงคณ์ มีความหมายถึง ภูเขา หรือ เนินดิน คำว่า มเหยงคน์เป็นชื่อของพระธาตุที่มีความสำคัญของศรีลังกา เรียกว่า "มหิยังคณ์เจดีย์" เดิมเป็นพระอารามหลวงฝ่ายวิปัสสนาธุระ ประวัติ. ตามพงศาวดารเหนือ มเหสีของพระเจ้าธรรมราชา กษัตริย์องค์ที่ 8 ของ เมืองอโยธยา ทรงเป็นผู้สร้างวัดมเหยงคณ์ แต่กระนั้นตามพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ กล่าวว่า ปีศักราชที่ 800 มะเมียศก หรือ ปี พ.ศ. 1981 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ทรงสร้างวัดมเหยงคณ์ วัดมีความเจริญรุ่งเรืองสืบมานานหลายร้อยปี กระทั่งมารกร้างและต้องทำการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าท้ายสระ และรุ่งเรืองสืบมาจนถึงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 ได้ถูกทำลายและทิ้งร้างอีกครั้ง จนเมื่อ พ.ศ. 2527 พระภาวนาเขมคุณ (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี) เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ ได้จัดตั้งสำนักกรรมฐานขึ้นที่วัดมเหยงคณ์ เพื่ออบรมวิปัสสนาให้กับบุคคลทั่วไป ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนวัดมเหยงคณ์เป็นโบราณสถานของชาติ ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2484 กระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2544 เสนาสนะ. ส่วนอุโบสถที่เป็นโบราณสถาน ตั้งอยู่บนฐานสูง 2 ชั้น ความกว้าง 18 เมตร ความยาว 36 เมตร มีประตูทางเข้าด้านตะวันออก 3 ช่อง ด้านตะวันตก 2 ช่อง มีเจดีย์ฐานช้างล้อม อยู่ด้านหลังอุโบสถทางทิศตะวันตก พ้นเขตกำแพงแก้ว ลักษณะขององค์เจดีย์เป็นรูปแบบของลังกาเหนือ เหมือนเจดีย์ช้างล้อมที่สุโขทัย ภายในอุโบสถมี หลวงพ่อหินทรายศักดิ์สิทธิ พระประธานในอุโบสถ ที่ยังคงปรากฏให้เห็นคือ หักล้มลงเป็นท่อน ลานดินรูปเกือบจะสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่เรียกว่า "โคกโพธิ์" ด้านทิศตะวันออก ของเขตพุทธาวาส กว้าง 50 เมตร ยาว 58 เมตร สันนิษฐานว่า เคยเป็นพลับพลาที่ประทับของพระเจ้าหงสาวดี พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้
1162156
288869
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162156
เหตุโจมตีทางไซเบอร์โคโลเนียลไปป์ไลน์
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 โคโลเนียลไปป์ไลน์ บริษัทระบบท่อขนส่งน้ำมันสัญชาติอเมริกันที่มีจุดกำเนิดในเมืองฮิวสตัน, รัฐเท็กซัส และขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ไปยังทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ ได้ประสบเหตุถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยแรนซัมแวร์อันส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ควบคุมท่อขนส่ง ในส่วนปฏิกิริยาของบริษัทโคโลเนียลไปป์ไลน์ได้ดำเนินการหยุดท่อขนส่งทั้งหมดเพื่อป้องกันการโจมตี ประธานาธิบดี โจ ไบเดิน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นับเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) และแหล่งข่าวต่าง ๆ ได้ระบุว่า กลุ่มอาชญากรรมที่เจาะระบบข้อมูล คือ ดาร์กไซต์ เป็นผู้ก่อเหตุ โดยเชื่อกันว่ากลุ่มนี้ได้ขโมยข้อมูลกว่า 100 จิกะไบต์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทในวันก่อนมัลแวร์โจมตี
1162164
479410
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162164
สนธิสัญญากรุงเฮก (ค.ศ. 1795)
สนธิสัญญากรุงเฮก (The Treaty of Den Haag หรือ Treaty of The Hague) ลงนามเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1795 ระหว่างผู้แทนแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส และสาธารณรัฐบาตาเวีย โดยจากรายละเอียดของสนธิสัญญาสาธารณรัฐบาตาเวีย จะต้องเสียดินแดนบริเวณมาสทริชท์ เวนโล และเซลันดิก ฟลานเดอร์ให้กับฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังรวมถึงความร่วมมือและพันธมิตรทางการทหารระหว่างสองประเทศ ซึ่งผูกพันทำให้เนเธอร์แลนด์ต้องทำสงครามต่อบริเตนใหญ่ และออสเตรียในเวลาต่อมา นอกจากนี้สาธารณรัฐบาตาเวียยังตกลงจ่ายเงินจำนวน 100 ล้านกิลเดอร์ ซึ่งเป็นค่าปฏิกรรมสงครามในสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่ง และยังให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวนมากต่อรัฐบาลฝรั่งเศส ป้อมปราการตามสนธิสัญญาป้องกันพรมแดน (Berrier Treaty)ที่ใช้ในอดีตสมัยเนเธอร์แลนด์ของออสเตรียได้ถูกรื้อถอนออก บริเวณท่าเรือของเมืองฟลิสซิงเงินจะต้องร่วมกันปกครอง และส่วนสุดท้ายซึ่งเป็นส่วนที่ลับมาก คือรัฐบาลบาตาเวียจะต้องยอมจ่ายค่าดูแลกองทัพฝรั่งเศส (ซึ่งมีกำลังพลกว่า 25,000 นาย) โดยนับตั้งแต่สงครามสิ้นสุดลง
1162172
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162172
เนกซ์อัปฮีโร
เนกซ์อัปฮีโร เป็นวิดีโอเกมตะลุยดันเจียนแนวแอ็กชันที่พัฒนาโดยดิจิทัลคันทินิวซึ่งเป็นสตูดิโออินดีของรัฐนิวยอร์ก และเผยแพร่โดยบริษัทแอสปายร์ ซึ่งเปิดตัวสำหรับสตีมการเข้าถึงก่อนเปิดตัวในวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2018 และวางจำหน่ายเต็มรูปแบบในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2018 พร้อมกับเวอร์ชันเพลย์สเตชัน 4 และเอกซ์บอกซ์วัน รวมถึงได้เปิดตัวสำหรับนินเท็นโด สวิตช์ ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2018 รูปแบบการเล่น. "เนกซ์อัปฮีโร"เป็นวิดีโอเกมตะลุยดันเจียนแนวแอ็กชัน ซึ่งนำเสนอการเลือกฮีโรที่มีความสามารถพิเศษ โดยจะผลัดกันพยายามพิชิตมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง ความตายส่งผลให้ฮีโรคนต่อไปสามารถคืนชีพพี่น้องซึ่งตายในสนามรบของพวกเขาในฐานะเพื่อนร่วมทางปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า "เอคโค" เพื่อทำศึกเคียงข้างกับพวกเขา การพัฒนา. เกมดังกล่าวได้รับการพัฒนาในยูนิตี ซึ่งดิจิทัลคันทินิวได้รับการก่อตั้งโดยศิษย์เก่าบริษัทฟิฟธ์เซลที่ชื่อโจ ตรินกาลี และอธิบายถึง"เนกซ์อัปฮีโร"ว่าเป็น "การฉายภาพออร์โธกราฟิกแบบร่วมมือกันที่ไม่ประสานเวลา ในรูปแบบ 2 มิติ/3 มิติ ตามเกมอาร์เคดแบบก้านคู่ภาพวาดสามมิติ ที่เล่นในเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์" "เนกซ์อัปฮีโร"ได้รับการประกาศในงานอาร์ทีเอกซ์ในออสติน รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 การทดสอบแบบปิดมีให้บริการจนถึงวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2018 ในสตีมสำหรับวินโดวส์ และเกมดังกล่าวได้รับการเปิดตัวในการเข้าถึงก่อนเปิดตัวจริงเมื่อวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2018 ในสตีมสำหรับวินโดวส์ การตอบรับ. "เนกซ์อัปฮีโร"ได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ เว็บไซต์"นินเท็นโดไลฟ์"ให้คะแนน 5 ดาวเต็ม 10 ในทำนองเดียวกัน โดยกล่าวว่า "การเปลี่ยนความตายให้เป็นกลไกการร่วมมือของปัญญาประดิษฐ์เป็นการหมุนเวียนอย่างเหมาะเจาะในเกมที่มีการตายสูง และรูปแบบศิลปะการ์ตูนช่วยเติมเต็มสถานที่ที่เก็บมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ที่น่าประทับใจสำหรับการฆ่า น่าเสียดาย ที่มีปัญหาโดยธรรมชาติเกี่ยวกับการทรงตัวและปัญหาทางเทคนิคบางอย่างที่ร้ายแรง" ส่วนเว็บไซต์"พุชสแควร์"ให้คะแนนเกมนี้ที่ 6 ดาวเต็ม 10 โดยเขียนว่า"การเล่นแบบออนไลน์เท่านั้นทำให้"เนกซ์อัปฮีโร"เสียโฉมและทำให้ผู้เล่นที่มีศักยภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่โลกที่สดใสและมีสีสันนี้สามารถเพลิดเพลินได้ในบางครั้ง การเล่นเกมซ้ำ ๆ ทำให้เกมไม่กลายเป็นเกมอินดีที่โดดเด่น แต่เกมดังกล่าวอาจมีเสน่ห์มากพอที่จะล่อลวงบรรดาฮีโรผู้ทะเยอทะยานสองสามชั่วโมงเป็นอย่างน้อย"
1162185
1018
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162185
ราชวงศ์นัสเซา
ราชวงศนัสเซา (House of Nassau) เป็นตระกูลสำคัญที่ได้กลายมาเป็นราชวงศ์สำคัญของยุโรปที่แตกสาขามากมาย โดยชื่อเรียกนำมาจากปราสาทนัสเซา ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองนัสเซา รัฐไรน์ลันท์-ฟัลทซ์ ประเทศเยอรมนี ผู้ปกครองนัสเซาในสมัยแรกใช้บรรดาศักดิ์เป็น "เคานต์แห่งนัสเซา" ซึ่งต่อมาถูกยกฐานะขึ้นเป็นเจ้าชาย (Princely Count) ในยุคแรกได้แตกออกเป็นสองสาขา สาขาหลัก (วัลราเมียน) ซึ่งเป็นสาขาของอดอล์ฟ กษัตริย์แห่งชาวโรมัน และสาขารอง (ออตโตเนียน) ซึ่งภายหลังแตกออกเป็นบรรดาศักดิ์เจ้าชายแห่งออเรนจ์ และต่อมาพระมหากษัตริย์แห่งเนเธอร์แลนด์ ในช่วงปลายของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และสงครามนโปเลียนนั้น สาขาวัลราเมียน ได้รับสืบทอดและครอบครองเหล่าที่ดินของบรรพบุรุษ และได้แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็น "ดยุกแห่งนัสเซา" ซึ่งได้รับการรับรองในการประชุมใหญ่แห่งเวียนนา โดยปกครองดินแดนเอกราช เรียกว่า "ดัชชีนัสเซา" โดยเมืองหลวงตั้งอยู่ที่วีสบาเดิน ในปัจจุบันดินแดนนี้ตั้งอยู่ในเขตของรัฐเฮ็สเซิน และบางส่วนในรัฐไรน์ลันท์-ฟัลทซ์ ต่อมาดัชชีนัสเซาได้ถูกผนวกเข้ากับปรัสเซียภายหลังจากการพ่ายแพ้ในสงครามออสเตรีย-ปรัสเซียในฐานะพันธมิตรกับออสเตรีย โดยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเฮ็สเซิน-นัสเซาในราชอาณาจักรปรัสเซีย ในปัจจุบัน "นัสเซา" ในเยอรมนีมีความหมายถึงดินแดนทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมเท่านั้น โดยนัยยะทางการเมืองได้สูญหายไปจนสิ้น ตั้งแต่ปีค.ศ. 1815 พระมหากษัตริย์ปกครองเนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์กได้ล้วนถือเป็นสมาชิกจากราชวงศ์นัสเซาสายหลัก แต่ในปีค.ศ. 1890 ในเนเธอร์แลนด์ และปีค.ศ. 1912 ในลักเซมเบิร์กนั้น ทายาทสืบตระกูลฝั่งชายของทั้งสองสายได้สิ้นสุดลง โดยต่อจากนั้นได้ถือว่ามีการสืบตระกูลโดยทายาทที่มาจากสายสตรีเป็นต้นมา ตามธรรมเนียมของเยอรมันในการสืบตระกูลนั้น ทายาทชายเท่านั้นจึงจะสามารถสืบตระกูลได้ ดังนั้นตามหลักประเพณีเดิมนั้นจะถือว่าราชวงศ์นี้สิ้นสุดในปีค.ศ. 1985 อย่างไรก็ตาม สถาบันกษัตริย์ของเนเธอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก กฎการสืบราชบัลลังก์นั้นย่อมแตกต่างจากธรรมเนียมเก่าของเยอรมัน โดยในสองประเทศนั้นยังไม่ถือว่าราชวงศ์เป็นอันสิ้นสุดลง แกรนด์ดยุกแห่งลักเซมเบิร์กใช้บรรดาศักดิ์ "ดยุกแห่งนัสเซา" เป็นแค่เพียงบรรดาศักดิ์รอง และเป็นเพียงบรรดาศักดิ์ที่รับสมมติตามเกียรติและฐานะในสมาชิกอาวุโสสูงสุดแห่งราชวงศ์นัสเซา (เนื่องจากทรงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในสายที่มีอาวุโสสูงสุดของราชวงศ์) แต่มิได้เพื่ออ้างสิทธิ์ใดในดินแดนของดัชชีนัสเซาในอดีตซึ่งในปัจจุบันตกเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
1162188
361321
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162188
ตำบลท่าโพ
ท่าโพ เป็นตำบลในอำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี ที่ตั้งและอาณาเขต. ตำบลท่าโพมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้ ประวัติ. ท่าโพเป็นตำบลในอำเภอหนองพลวง จังหวัดอุทัยธานี ตั้งเป็นตำบลตั้งแต่ พ.ศ. 2443 มีหมู่บ้านมากถึง 7 หมู่บ้าน ต่อมาปี พ.ศ. 2485 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กระทรวงมหาดไทยจึงยุบตำบลห้วยรอบเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ได้โอน 3 หมู่บ้านของตำบลหมกแถวมาขึ้นกับตำบลท่าโพ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2490 ได้แยกหมู่ 5 บ้านหมกแถว หมู่ 6 บ้านหนองเขาขัน และหมู่ 7 บ้านทุ่งใหญ่ ไปตั้งเป็น ตำบลหมกแถว ทำให้ตำบลท่าโพเหลือพื้นที่ 4 หมู่บ้านจนถึงปัจจุบัน บ้านท่าโพเป็นหมู่บ้านคนไทยที่เก่าแก่ราว พ.ศ. 2304 สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เดิมเป็นพื้นที่ป่าดงดิบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุมและมีหนองน้ำให้สัตว์อาศัยอยู่กินโดยเฉพาะวัวแดง จึงเรียกหนองน้ำนี้ว่า "หนองวัวแดง" ปัจจุบันนี้คือหนองประแดง ต่อมาได้มีผู้คนเข้ามาอาศัยเรียกบ้านนี้ว่า "ท่าโค" (ท่าวัวแดงลงกินน้ำ) ภายหลังได้เรียกเป็น "บ้านท่าโพ" หรืออีกนัยหนึ่ง เนื่องจากบริเวณกลางหมู่บ้านมีต้นโพใหญ่มีสายพันธุ์ของพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา "โพธิ์พันธุ์ศรี" และบริเวณนี้เดิมเป็นด่านชุมทางข้ามระหว่างอยุธยากับเชียงใหม่ จึงได้ชื่อบ้านนี้ว่า "บ้านท่าโพธิ์พันธุ์ศรี" ต่อมาเรียกกร่อนว่า "บ้านท่าโพ" จนถึงปัจจุบัน การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. พื้นที่ตำบลท่าโพประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งสิ้นจำนวน 4 หมู่บ้าน มีจำนวนประชากร 2,261 คน แบ่งเป็นชาย 1,035 คน หญิง 1,226 คน (เดือนธันวาคม 2566) เป็นตำบลที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดอันดับ 4 จาก 9 ตำบลในอำเภอหนองขาหย่าง       หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน       หมายถึงจำนวนประชากรได้คงเดิมเมื่อเทียบกับปีก่อน       หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน การปกครองส่วนท้องถิ่น. ปัจจุบันตำบลท่าโพทั้งตำบลอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพ ซึ่งเดิมมีฐานะเป็นสภาตำบลท่าโพ ในปี พ.ศ. 2517 ต่อมาปี พ.ศ. 2541 สภาตำบลท่าโพมี 4 หมู่บ้าน พื้นที่ 14.53 ตารางกิโลเมตร ประชากร 2,174 คน และ 583 ครัวเรือน ปี พ.ศ. 2542 กระทรวงมหาดไทยจึงพิจารณาให้สภาตำบลท่าโพอยู่ในเงื่อนไขที่จะจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลได้ จึงได้รับการจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพ
1162192
436714
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162192
เจ้าผู้ครองลักเซมเบิร์ก
เจ้าผู้ครองลักเซมเบิร์ก หรือ แกรนด์ดยุกแห่งลักเซมเบิร์ก เป็นประมุขแห่งรัฐของประเทศลักเซมเบิร์ก เริ่มต้นจากการปรับฐานะของลักเซมเบิร์กเป็นแกรนด์ดัชชี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1815 ในบริเวณของดัชชีลักเซมเบิร์กในอดีต โดยตอนแรกใช้ประมุขแห่งรัฐเป็นแบบรัฐร่วมประมุขกับสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์จนถึงปี 1890 ซึ่งปกครองโดยราชวงศ์ออเรนจ์-นัสเซา ลักเซมเบิร์กในปัจจุบันเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีสถานะเป็นแกรนด์ดัชชี และตั้งแต่ปี 1815 มีประมุขปกครองรวมทั้งสิ้นเก้าพระองค์ โดยมีแกรนด์ดยุกอ็องรีเป็นองค์ปัจจุบัน บทบาทตามรัฐธรรมนูญ. รัฐธรรมนูญแห่งลักเซมเบิร์กได้ระบุถึงบทบาทของแกรนด์ดยุกไว้ดังนี้: แกรนด์ดยุกเป็นประมุขแห่งรัฐ สัญลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน และผู้รับรองความเป็นเอกราชของประเทศ แกรนด์ดยุกพึงใช้อำนาจบริหารตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายของลักเซมเบิร์ก หลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (มาตรา 34) เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 มีเหตุสืบเนื่องจากกรณีที่ทรงไม่รับรองพระราชบัญญัติการการุณยฆาต ทำให้ร่างพระราชบัญญัติมิจำเป็นจะต้องได้รับการเห็นชอบจากประมุขแห่งรัฐ (พระราชานุมัติ) แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการลงพระนามาภิไธยอย่างเป็นทางการถึงจะตราเป็นกฎหมายได้
1162202
12043
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162202
โจงกระเบน
โจงกระเบน เป็นเครื่องแต่งกายที่พันรอบร่างกายส่วนล่างในประเทศไทย, ลาว และกัมพูชา ถือเป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันของชนชั้นสูงและกลาง ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกางเกงมากกว่ากระโปรง มีความแตกต่างจากผ้านุ่ง เอกสุดา สิงห์ลำพอง นักประวัติศาสตร์ศิลป์ กล่าวถึงโจงกระเบนไว้ว่า <templatestyles src="แม่แบบ:คำพูด/style.css" /> ศัพทมูลวิทยา. โจงกระเบน หรือ ถกเขมร ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ระบุไว้ว่าเป็นนุ่งผ้าโจงกระเบน ดึงชายให้สูงร่นขึ้นไปเหนือเข่า, ขัดเขมร ก็ว่า
1162209
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162209
การสืบตระกูลฝั่งบิดา
การสืบตระกูลฝั่งบิดา หรือ การสืบตระกูลสายบุรุษ เป็นหนึ่งในระบบความเป็นเครือญาติของแต่ละบุคคลในครอบครัวหรือตระกูลผ่านทางสายบิดา โดยส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับการสืบทอดสมบัติ สิทธิ ชื่อ หรือบรรดาศักดิ์ของบุคคลผ่านจากความเป็นบุตรชายและบิดา โดยการนับวิธีนี้จะนับผ่านทางบุรุษเท่านั้น การสืบสันตติวงศ์ฝั่งบิดา. การสืบตระกูล/สันตติวงศ์แบบฝั่งบิดา (Agnatic succession) จะสงวนหรือจำกัดการรับสืบราชบัลลังก์ หรือบรรดาศักดิ์ ให้แก่รัชทายาทบุรุษหรือสตรีที่สืบตระกูลมาจากฝั่งบุรุษเท่านั้น ตามประเพณีแล้วราชวงศ์ในยุโรปต่างใช้การสืบสันตติวงศ์แบบนี้ทั้งสิ้น การสืบสันตติวงศ์ในยุโรป เอเชีย และแอฟริกาบางประเทศนั้น ใช้หลักสิทธิของบุตรหัวปีแบบบุรุษมาก่อน (male-preference primogeniture), สิทธิของบุตรหัวปีตามฝั่งบิดา (Agnatic primogeniture) หรือสิทธิตามอาวุโสของฝั่งบิดา (Agnatic seniority) จนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 ราชวงศ์ยุโรปเกือบทั้งหมดได้เปลี่ยนกฎการสืบสันตติวงศ์เป็นแบบสิทธิของบุตรหัวปี (Absolute primogeniture) ซึ่งหมายความบุตรหรือธิดาพระองค์แรกที่ประสูติในพระมหากษัตริย์จะได้สืบสันตติวงศ์ (ไม่แบ่งแยกตามเพศ)
1162214
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162214
ผู้ทรงอิทธิพลในเกาหลีของฟอร์บ
ผู้ทรงอิทธิพลในเกาหลีของฟอร์บ เป็นการจัดอันดับประจำปีที่ตีพิมพ์โดยนิตยสาร"ฟอร์บ" (เกาหลี) ตั้งแต่ปี 2553 โดยคัดเลือกของคนมีชื่อเสียงที่มีอิทธิพลมากที่สุด 40 อันดับแรกในเกาหลีใต้ ซึ่งมีการจัดอันดับบุคคลจากกีฬา, ดนตรี, ศิลปะ, ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ตามความสำเร็จในอาชีพของพวกเขา, อิทธิพล, ความนิยม และรายได้ จากปีที่ผ่านมา 10 อันดับแรกแยกตามปี. 2021. "รายชื่อบุคคลทั้งหมดในปี 2021"
1162216
439303
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162216
ไซสมพอน พมวิหาน
ไซสมพอน พมวิหาน (เกิดวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1954 ที่แขวงหัวพัน) เป็นนักการเมืองและสมาชิกพรรคประชาชนปฏิวัติลาวชาวลาว เขาเป็นลูกชายของไกสอน พมวิหาน อดีตเลขาธิการพรรค กับทองวิน พมวิหาน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการกลางแนวลาวส้างซาดและประธานสภาแห่งชาติ เขาได้รับการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการกลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวในสภาแห่วชาติครั้งที่ 5 และโปลิตบูโรพรรคประชาชนปฏิวัติลาวในสภาแห่งชาติครั้งที่ 10
1162220
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162220
อิไอโด
อิไอโด (#เปลี่ยนทาง , ย่อเป็น "อิไอ" ) เป็นศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นที่เน้นไปในด้านการตื่นตัวและสามารถชักดาบและตอบสนองต่อการโจมตีอย่างกะทันหันได้อย่างรวดเร็ว ส่วนประกอบหลักของอิไอโดมี 4 อย่าง: ช่วงราบรื่น ควบคุมการเคลื่อนไหวในการชักดาบออกจากฝักดาบ (หรือซายะ) โจมตีหรือตัดฝ่ายตรงข้าม แล้วเช็ดเลือดออกจากใบมีด และเปลี่ยนดาบในฝัก ส่วนผู้ฝึกฝนอิไอโดมือใหม่ จะเริ่มด้วยดาบไม้ ("บกเก็น") ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ฝึกสอน ผู้ฝึกส่วนใหญ่ใช้ดาบปลายทื่อ เรียกว่า อิไอโต ในขณะที่ส่วนน้อยที่มีประสบการณ์มากกว่าจะใช้ดาบปลายแหลม ("ชินเค็น") ผู้ฝึกอิไอโดมักเรียกเป็น "อิไอโดกะ" ดูเพิ่ม. <ns>10</ns> <id>311477</id> <redirect title="แม่แบบ:คอมมอนส์-หมวดหมู่" /> <revision> <id>4294190</id> <parentid>2467571</parentid> <timestamp>2012-09-23T09:50:13Z</timestamp> <contributor> <username>Octahedron80</username> <id>1803</id> </contributor> <comment>เปลี่ยนทางไปที่ </comment> <origin>4294190</origin> <model>wikitext</model> <format>text/x-wiki</format>
1162221
12205969
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162221
มหาวิทยาลัยซ็องกยุงกวัน
<table class="infobox" style="width: 22em"></table> มหาวิทยาลัยซ็องกยุงกวัน (SKKU หรือเรียกว่า Seongdae, เกาหลี: ; ฮันจา: ; อาร์อาร์: "Sungkyunkwan University") เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนแบบครบวงจรในเกาหลีใต้ มีที่มาจากสถาบันซ็องกยุงกวันอันเก่าแก่ ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1398 และตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโซล ในสมัยราชวงศ์โชซ็อน มหาวิทยาลัยได้รับราชานุมัติให้บริหารงานตามประมวลกฎหมายการบริหารราชกิจ (code of the state administration) ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของราชวงศ์ ต่อมาในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มหาวิทยาลัยได้รับการปรับโครงสร้างให้ครบวงจร และตั้งแต่นั้นมาได้ขยายหลักสูตรอย่างมาก ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลีใต้ เป็นที่รู้จักว่ามีศิษย์เก่ามากมายที่ทรงอิทธิพล มีผลงานวิจัยที่แข็งแกร่ง และมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับซัมซุง
1162224
334119
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162224
โอซัน คาบัค
โอซัน มูฮัมมัด คาบัค (เกิดวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2000) เป็นนักฟุตบอลชาวตุรกี ปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ให้แก่นอริชซิตี ในพรีเมียร์ลีก โดยยืมตัวจากชัลเคอ 04 และทีมชาติตุรกี สโมสรอาชีพ. กาลาทาซาไร. โอซันเล่นให้กับทีมเยาวชนของกาลาทาซาไรมาตั้งแต่ ค.ศ. 2011 และได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกกับสโมสรเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เขาลงเล่นนัดแรกให้กับสโมสรในนัดที่เอาชนะ Yeni Malatyaspor 2–0 ในซือเปร์ลีกเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 เขาได้ลงเล่นนัดแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในนัดที่เปิดบ้านเสมอกับชัลเคอ 04 0–0 ในฤดูกาล 2018–19 เฟาเอ็ฟเบ ชตุทการ์ท. วันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 2019 คาบัคย้ายไปเฟาเอ็ฟเบ ชตุทการ์ทในบุนเดิสลีกา ซึ่งเขาเซ็นสัญญาจนถึง ค.ศ. 2024 ต่อมาในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2017 เขาทำสองประตูช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะฮันโนเฟอร์ 96 5–1 โดยประตูนี้เป็นประตูแรกในอาชีพของเขา นั่นทำให้เขากลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็กชาวตุรกีอายุน้อยและผู้เล่นชตุทการ์ทที่อายุน้อยที่สุดอันดับที่ 3 ที่สามารถทำคนเดียวสองประตูในหนึ่งนัดในบุนเดิสลีกา ชัลเคอ 04. วันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2019 คาบัคย้ายไปชัลเคอ 04 โดยเซ็นสัญญา 5 ปี ค่าตัว 15 ล้านยูโร พร้อมค่าฉีกสัญญาเมื่อเขาจะย้ายออกจากสโมสร เขาเป็นผู้เล่นตัวจริงในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร โดยได้ลงเล่น 28 นัด ทำได้ 3 ประตู ต่อมาในเดือนกันยายน ค.ศ. 2020 เขาถูกแบนจากการลงเล่นห้านัดและเสียค่าปรับ 15,000 ยูโร จากการที่เขาไปถ่มน้ำลายใส่ลุดวิก เอากุสตินซอน ผู้เล่นของแวร์เดอร์เบรเมิน จนทำให้เขาได้รับใบแดงไล่ออกจากสนาม อย่างไรก็ตาม เขาได้ขอโทษเอากุสตินซอนผ่านทางทวิตเตอร์แล้ว ลิเวอร์พูล. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 คาบัคถูกปล่อยยืมตัวให้กับลิเวอร์พูลในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2020–21 ค่าตัวในการยืมตัวอยู่ประมาณ 1 ล้านปอนด์ พร้อมส่วนขยายอีก 500,000 ปอนด์ ขึ้นกับจำนวนนัดที่ลงเล่นและผลงานของสโมสรในแชมเปียนส์ลีก ทั้งนี้ยังมีค่าตัวในการซื้อขาดอีก 18 ล้านปอนด์และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 26.5 ล้านปอนด์ได้ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เขาลงเล่นนัดแรกให้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกนัดที่บุกไปแพ้เลสเตอร์ซิตี 1–3 ต่อมาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เขาลงเล่นในนัดที่บุกไปเอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 2–0 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นชาวตุรกีคนแรกที่ลงเล่นให้กับสโมสรอังกฤษในรายการนี้ ทีมชาติ. โอซันเคยเล่นให้กับทีมชาติตุรกีชุดเยาวชน โดยเป็นกัปตันของทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2017 และยูฟ่าก็จัดให้เขาเป็น 1 ใน 10 ผู้เล่นที่น่าจับตามอง วันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 คาบัคลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชาติชุดใหญ่ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก นัดที่พบกับอันดอร์รา โดยนัดนั้น เขาลงเล่นเต็มเวลา ช่วยให้ตุรกีเอาชนะไปได้ 2–0
1162230
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162230
อัลกุรอานแอลจีเรีย
อัลกุรอานแอลจีเรีย เป็นอัลกุรอานที่เขียนด้วยมือ ("มุศฮัฟ") ในประเทศแอลจีเรียซึ่งเขียนด้วยอักษรกูฟิก โดยเขียนตามการอ่านแบบวัรช์ใน ค.ศ. 1977 โดยมุฮัมมัด อัชชะรีฟี จนถึงปัจจุบัน ฉบับพิมพ์มีแค่สามรุ่น รุ่นแรกตีพิมพ์โดย SNED (อดีตมีชื่อว่า Hachette Algeria ใน ค.ศ. in 1979 รุ่นที่สอง (1984) ตีพิมพ์โดย ENAG และรุ่นที่สามโดย EPA ใน ค.ศ. 2010
1162231
476254
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162231
พรรครวมไทยยูไนเต็ด
พรรครวมไทยยูไนเต็ด (อักษรย่อ: รทย.) เป็นอดีตพรรคการเมืองไทยที่จดทะเบียนก่อตั้งเป็นลำดับที่ 3/2562 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562 ในชื่อ พรรคเพื่อไทยพัฒนา โดยมี นางสาวอรอนงค์ บุญโต และนาย องอาจ วิเศษ เป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนแรก พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคอีก 6 คนโดยมีที่ทำการพรรคแห่งแรกอยู่ที่ 74/4 หมู่ 4 ตำบลหมูม่น อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ต่อมาในวันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563 นางสาวอรอนงค์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ จากนั้นพรรคเพื่อไทยพัฒนาจึงได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จำนวน 8 คนเมื่อวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563 พร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ของพรรค ในวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 พรรคเพื่อไทยพัฒนาได้จัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคและโลโก้พรรคเป็น พรรครวมไทยยูไนเต็ด ซึ่งที่ประชุมมีมติเลือกนาย วรนัยน์ วานิชกะ เป็นหัวหน้าพรรค นายวินท์ สุธีรชัย เป็นเลขาธิการพรรค ต่อมาทางพรรครวมไทยยูไนเต็ดได้เปิดตัว นางสาวหทัยรัตน์ วิทยพูม ธนากิจอำนวย ภรรยาของ นาย ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตสวนหลวง และนาย คมจักร จักรพันธุ์ ณ อยุธยา อดีตนักรักบี้ทีมชาติเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตคลองเตย โดยก่อนหน้านั้นในวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ทางพรรครวมไทยยูไนเต็ดได้วางตัวให้ นายคมจักร เป็นผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครของทางพรรค จากนั้นในวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565 พรรครวมไทยยูไนเต็ด ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. อีก 3 เขตคือ นางสาววีรานันท์ สดากรวงศ์วัชร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตปทุมวัน (ภายหลังย้ายไปลงสมัครในเขตวัฒนา) นางสาวภัทรพร ชุติวาลนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตคลองสาน และ นางสาวณัฐริกา เกื้อเดช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางรัก ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นายวินท์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคและสมาชิกพรรครวมไทยยูไนเต็ด ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ต่อมานาย ณิชนัจทน์ และ นายปกรณ์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรครวมไทยยูไนเต็ดทำให้เหลือกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 6 คน ต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นายวรนัยน์ได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ดและสมาชิกพรรคทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ การเลือกตั้ง. การเลือกตั้ง ส.ส.2562. ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 พรรคเพื่อไทยพัฒนา ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตแต่ทางพรรคไม่ได้ ส.ส. เลยแม้แต่ที่นั่งเดียวในสภา การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร. พรรครวมไทยยูไนเต็ด ได้ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ในปี 2565 จำนวน 19 คน และมีนโยบายสนับสนุน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าไม่มีผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้ง สิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง. วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีมติเลิกพรรค จึงทำให้พรรคสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง ต่อมาในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ได้มีประกาศของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ให้พรรครวมไทยยูไนเต็ดสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
1162239
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162239
อาสนวิหารตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ (อาดดิสอาบาบา)
อาสนวิหารตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาสนวิหารระดับบนสุดของคริสตจักรออร์ทอดอกซ์เทวาเฮโดเอธิโอเปีย ตั้งอยู่ในเมืองอาดดิสอาบาบา เมืองหลวงของประเทศเอธิโอเปีย ในปัจจุบันอาสนวิหารนี้มีสถานะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเอธิโอเปียเป็นอันดับสองรองจากโบสถ์แม่พระแห่งไซออนในเมืองอักซุม
1162248
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162248
อาสนวิหารนักบุญจอร์จ (อาดดิสอาบาบา)
อาสนวิหารนักบุญจอร์จ (yek’idusi gīyorigīsi katēdirali) เป็นโบสถ์ในคริสตจักรออร์ทอดอกซ์เอธิโอเปีย ตั้งอยู่ที่อาดดิสอาบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย อาสนวิหารหลังนี้เป็นที่รู้จักจากโครงสร้างรูปแบบรูปแปดเหลี่ยม และตั้งชื่อตามนักบุญจอร์จ
1162253
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162253
จัตุรัส 27 เมยาซียา
จัตุรัส 27 เมยาซียา (27 Miyazya Square) หรือจัตุรัส 5 พฤษภาคม (5 May Square) หรือเรียกกันทั่วไปว่า อาราตกีโล (Arat Kilo) เป็นทางแยกและย่านโดยรอบที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในอาดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เป็นจุดตัดระหว่างถนน 4 สาย คือ ถนนอาดวา (Adwa St), ถนนกษัตริย์จอร์จที่หก (King George VI St), ถนนพระราชินีเอลิซาเบธที่สอง (Queen Elizabeth II St) และ ถนนพัฒนาผ่านความร่วมมือ (Development Through Cooperation Ave) ชื่อของจัตุรัสหมายถึงวันที่ 27 พฤษภาคม (Miyazya) วันที่ซึ่งอาดดิสอาบาบาตกอยู่ภายใต้การยึดครองของอิตาลีในปี 1936 และ 5 พฤษภาคม ซึ่งคือวันที่ได้รับการปลดปล่อยเมื่อปี 1941 รอบ ๆ จัตุรัสเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการรัฐบาลและมหาวิทยาลัยอาดดิสอาบาบา เสาโอเบลิสก์ตรงกลางจัตุรัสสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการขึ้นครองราชย์ของ "Atse" Haile Selassie ในปี 1930 แต่ต่อมาได้ถูกรื้อถอนไปในปี 1936 ภายหลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีฟาสซิสต์ และสร้างขึ้นใหม่หลังได้รับการปลดปล่อย ภายหลังเกิดการปฏิวัติเอธิโอเปีย เดร์ก ได้ทำการรื้อถอนภาพที่สื่อถึงจักรพรรดิ Haile Selassie ออกจากอนุสาวรีย์ และภายหลังสวครามกลางเมืองสิ้นสุดก็ได้ทำนุบำรุงอนุสรณ์นี้ขึ้นใหม่อีกครั้ง
1162258
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162258
อนุสาวรีย์ทิกลาชิน
อนุสาวรีย์ทิกลาชิน (แปลว่า "การต่อสู้ดิ้นรนของผองเรา") หรือบางครั้งเรียกว่า อนุสาวรีย์เดร์ก (หมายถึง "คณะเดร์ก") เป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงทหารชาวเอธิโอเปียและชาวคิวบาที่ต่อสู้ในสงครามโอกาเดน ตั้งอยู่ที่อาดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย สร้างขึ้นภายใต้ประธานาธิบดี Mengistu Haile Mariam ประกอบด้วยเสาสูง 50 เมตร ประติมากรรมนูนต่ำสองฝั่ง และที่แสดงภาพถ่ายของทหารชาวคิวบาที่เป็นที่ระลึกถึงของอนุสรณ์ งานประติมากรรมที่พบในอนุสาวรีย์นี้บริจาคให้แก่เอธิโอเปียโดยโครงการมันซูแดของรัฐบาลเกาหลีเหนือเมื่อปี 1984 และเป็นหนึ่งในงานชิ้นแรก ๆ ของโครงการที่บริจาคมายังทวีปแอฟริกา อนุสาวรีย์ทำพิธีเปิดเมื่อ 12 กันยายน 1984 วันครบรอบสิบปีที่โค่นล้มจักรพรรดิ Haile Selassie และระบบกษัตริย์ในเอธิโอเปีย
1162282
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162282
แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล
แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นกลุ่มบริษัทอเมริกันที่บริหาร ลงทุน และเป็นเจ้าของธุรกิจที่พักอาศัยรวมถึง โรงแรม ที่พักอาศัย และไทม์แชร์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ โดยก่อตั้งโดยเจ วิลลาร์ด แมริออท และภรรยาแอลิซ แมริออท ในปัจจุบันประธานกรรมการบริหารของบริษัทคือบุตรชาย บิล แมริออท โดยตระกูลแมริออทยังคงมีหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท แมริออทได้กลายมาเป็นเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกในจำนวนห้องพัก ด้วยโรงแรมกว่า 30 แบรนด์ และกว่า 7,642 โรงแรม ซึ่งประกอบด้วยห้องพักจำนวน 1,423,044 ห้อง ใน 131 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในในจำนวนนี้มี 2,149 โรงแรมที่บริหารงานโดยแมริออท และอีก 5,493 โรงแรมที่บริหารโดยผู้อื่นตามสัญญาแฟรนไชส์ นอกจากนี้ยังบริหารศูนย์รับจองโรงแรมอีกกว่า 20 แห่ง แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อตั้งในปีค.ศ. 1993 เมื่อแมริออท คอร์ปอเรชันแยกเป็นสองบริษัท ได้แก่ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งดูแลด้านบริหารและแฟรนไชส์ของโรงแรม และโฮสต์ แมริออท คอร์ปอเรชัน (ปัจจุบัน คือ โฮสต์ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท) ซึ่งดูแลโรงแรมที่เป็นเจ้าของเอง เมื่อ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 แมริออทประกาศถึงการเข้าซื้อกิจการของสตาร์วูดในมูลค่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้เพิ่มมูลค่าเป็น 13.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเอาชนะกลุ่มอันบังของจีน โดยการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นเมื่อ 23 กันยายน ค.ศ. 2016 ซึ่งทำให้แมริออทกลายเป็นเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีกว่า 5,700 โรงแรม 1.1 ล้านห้องพัก และแบรนด์โรงแรมกว่า 30 แบรนด์ ซึ่งในการเข้าซื้อในครั้งนี้สร้างประโยชน์ให้แมริออทอย่างมหาศาลโดยเฉพาะในตลาดนอกสหรัฐอเมริกาเนื่องจากกว่า 75% ของรายได้สตาร์วูดมาจากตลาดนอกสหรัฐอเมริกา ตราสินค้าในแมริออท. แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กำกับดูแลโรงแรมทั้งสิ้น 30 ตรารอบโลก โปรแกรมสมาชิก. แมริออท บอนวอย เป็นโปรแกรมสมาชิกของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 2019 ซึ่งรวมเอาโปรแกรมสมาชิกของทั้งสามโปรแกรม (แมริออท รีวอร์ดส์, ริทซ์-คาร์ลตัน รีวอร์ดส์, และสตาร์วูด พรีเฟอร์ เกส) เข้าไว้ด้วยกัน
1162304
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162304
เผด็จการผู้ทรงคุณ
เผด็จการผู้ทรงคุณ เป็นรัฐบาลที่ผู้นำอำนาจนิยมใช้อำนาจทางการเมืองอย่างสมบูรณ์ภายในรัฐ แต่ถูกรับรู้ว่าเป็นการทำไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยรวม ซึ่งตรงกันข้ามกับแบบแผนที่มุ่งร้ายของเผด็จการที่ให้ความสำคัญกับผู้สนับสนุนและผลประโยชน์ของตัวเอง เผด็จการผู้ทรงคุณมักอนุญาตให้มีเสรีภาพพลเมืองบางประการหรือมีการตัดสินใจแบบประชาธิปไตย เช่น ประชามติหรือการเลือกตั้งผู้แทนที่มีอำนาจอย่างจำกัด และมักมีการเตรียมการสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในขณะที่ผู้นั้นดำรงตำแหน่งหรือหลังจากนั้น รูปแบบนี้อาจถูกมองได้ว่าเป็นรูปแบบสาธารณรัฐของสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันทรงภูมิธรรม
1162307
404488
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162307
เดร์ก
เดร์ก (Derg หรือ Dergue; จาก, "คณะกรรมการ" หรือ "สภา") หรือชื่อทางการ รัฐบาลทหารชั่วคราวแห่งเอธิโอเปีย เป็นคณะรัฐประหารและรัฐบาลทหารผู้ปกครองประเทศเอธิโอเปียจากปี ค.ศ. 1974 ถึง 1987 ที่ซึ่งเริ่มมีการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลพลเมือง แต่กองทัพยังคงมีตำแหน่งอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1991 เดร์กจัดตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 1974 ภายใต้ชื่อ คณะกรรมการร่วมกองทัพ, ตำรวจ และกองกำลังรักษาดินแดน โดยประกอบขึ้นด้วยเจ้าหน้าที่จากกองทัพเอธิโอเปียและตำรวจภายใต้การนำในระยะแรกของ อามาน อันโดม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อคณะใหม่เป็นทางการว่า คณะกรรมการบริหารโดยกองทัพชั่วคราว (Provisional Military Administrative Council) เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1974 และล้มล้างการปกครองของจักรวรรดิเอธิโอเปียรวมถึงจักรพรรดิฮายิเล เซลาสซีขณะเกิดการประท้วงใหญ่ เดร์กได้ทำการยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ในเอธิโอเปียและก่อตั้งรัฐมากซิสต์-เลนนินนิสต์แบบหนึ่งพรรคการเมือง โดยมีคณะล้มล้างการปกครองเป็นพรรคแนวหน้าภายใต้รัฐบาลชั่วคราว การล้มล้างระบอบฟิวดัล, เพิ่มอัตราการรู้หนังสือ, โอนย้ายกิจการต่าง ๆ มาเป็นของรัฐ และการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการจัดสรรนิคมใหม่และการทำเป็นหมู่บ้านจากที่สูงเอธิโอเปียเป็นประเด็นสำคัญของรัฐบาล ต่อมาในปี ค.ศ. 1977 เมินกึสทู ฮัยเลอ มารียัม ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานและเริ่มแคมเปญการกดขี่ทางการเมือง เรดแทเรอร์ ("Qey Shibir") เพื่อกำจัดคู่ตรงข้ามทางการเมือง ส่งผลให้มีผู้ถูกจองจำและประหารชีวิตโดยไม่ผ่านการตัดสินคดีทางกฎหมายหลายหมื่นราย กระทั่งช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 ซึ่งเอธิโอเปียเผชิญปัญหาหลายประการ ทั้งการฟื้นตัวจากความพยายามบุกรุกดินแดนจากโซมาเลีย, ฤดูแล้ง, การเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ และ ทุพิกขภัยใหญ่ปี 1983–1985 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหลายล้านคน นำไปสู่การพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างชาติอย่างหนักและการปะทุขึ้นใหม่ของความขัดแย้งในประเทศ โดยเฉพาะการต่อสู้เรียกร้องเอกราชของเอริเทรีย และสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพซึ่งเป็นรัฐบาลเอง กลุ่มกบฏ และกองกำลังตามชายแดน ในปี ค.ศ. 1987 เมนกิสทูยุบเลิกเดร์กและก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเอธิโอเปีย ภายใต้การนำของพรรคแรงงาน และรัฐบาลพลเรือนใหม่แต่ยังคงเต็มไปด้วยสมาชิกจากเดร์ก ทั้งฮายิเล เซลาสซี และเดร์ก ได้ย้ายชาวอามาราไปทางใต้ของประเทศเพื่อจัดการและตั้งศูนย์กลางที่นั่น ในระหว่างนั้นก็ได้ทำการกำจัดวัฒนธรรมและภาษาโอโรโมในท้องถิ่น และแทนที่ด้วยอามารา
1162320
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162320
ลาลีเบอลา
ลาลีเบอลา เป็นเมืองในอำเภอลาสทาในโวลโลโซเนเหนือ รัฐอามารา ของประเทศเอธิโอเปีย เป็นที่รู้จักจากโบสถ์โมโนลิธเจาะหิน ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกภายใต้ชื่อหมู่โบสถ์คริสต์ที่สลักเข้าไปในหินแห่งลาลีเบอลา ลาลีเบอลาเป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคโบราณของเอธิโอเปีย และสำหรับชาวคริสต์ ลาลีเบอลาเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดรองจากอักซุม
1162322
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162322
โบสถ์นักบุญจอร์จ (ลาลีเบลา)
โบสถ์นักบุญจอร์จ เป็นหนึ่งในสิบเอ็ดโบสถ์โมโนลิธที่เจาะเข้าไปในหินในเมืองลาลีเบลา ภูมิภาคอามฮารา ประเทศเอธิโอเปีย โบสถ์เกิดขึ้นจากการแกะสลักลงล่างเข้าไปในทัฟฟ์ภูเขาไฟ ระบุอายุการก่อสร้างอยู่ที่ราวศตวรรษที่ 12 หรือต้นศตวรรษที่ 13 เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิลาลีเบลา โบสถ์มักได้รับการเรียกขานให้เป็น "สิ่งมหัสจรรย์ของโลกลำดับที่แปด" จักรพรรดิลาลีเบลามีพระราชประสงค์จะสร้างเยรูซาเลมขึ้นมาใหม่ซึ่งแสดงออกผ่านทางการออกแบบสร้างของบรรดาโบสถ์เจาะหินในเมืองลาลีเบลาโดยมีโบสถ์สร้างอยู่เป็นสองกระจุก สู่ถึงเยรูซาเลมบนโลกและเยรูซาเลมในสวรรค์ ตรงกลางมีร่องที่ขุดไว้เป็นทางเพื่อแทนแม่น้ำจอร์แดน โบสถ์นักบุญจอร์จมีขนาด 25 เมตร ต่อ 25 เมตร ต่อ 30 เมตร ในประวัติศาสตร์เชิงวัฒนธรรมของเอธิโอเปียระบุว่าโบสถ์นี้สร้างขึ้นหลังจักรพรรดิลาลีเบลาแห่งซากเวทรงมีนิมิตให้สร้างโบสถ์ขึ้นจากนักบุญจอร์จ และพระเป็นเจ้า ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้มอบวิธีการสร้างโบสถ์ให้แก่จักรพรรดิลาลีเบลา ลาลีเบลาเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้แสวงบุญชาวเอธิโอเปียนออร์ทอดอกซ์ ส่วนโบสถ์นักบุญจอร์จและโบสถ์เจาะหินในลาลีเบลาได้รับสถานะแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกภายใต้ชื่อ "หมู่โบสถ์คริสต์ที่สลักเข้าไปในหินที่ลาลีเบลา"
1162329
12043
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162329
นโรดม เจนณา
นโรดม เจนณา (เกิด 11 มีนาคม พ.ศ. 2554) เป็นนักแสดง นักร้อง นางแบบ นักเต้น และทูตตราสินค้าชาวเขมร เป็นพระธิดาในพระองค์เจ้านโรดม บุบผารี และเป็นพระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ประวัติ. นโรดม เจนณา เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นพระธิดาคนที่สองของพระองค์เจ้านโรดม บุบผารี เกิดแต่บิดาชาวฝรั่งเศสไม่ปรากฏนาม เธอเป็นพระนัดดาในสมเด็จพระมหิสสรานโรดม จักรพงศ์ และเป็นพระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ เธอไม่มีมีฐานันดรศักดิ์ในราชสำนักแม้มีมารดาเป็นเจ้านายกัมพูชา แต่เจนณาเป็นที่รู้จักในสมัญญา "เจ้าหญิงน้อย" พ.ศ. 2558 ขณะอายุ 3 ปี ครอบครัวของเธอย้ายกลับประเทศกัมพูชา นโรดม เจนณา สามารถพูดได้ห้าภาษา คือ ภาษาเขมร อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน และไทย รวมทั้งมีความสามารถด้านการขับร้องที่ผ่านการฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยได้ห้าภาษา นโรดม เจนณาเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงใน พ.ศ. 2561 มีผลงานแสดงเรื่อง "เทพธิดาผกาทกลเมียะฮ์" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่น นโรดม เจนณาได้รับการจัดการและบริหารโดยสเปซครีเอทีฟมาร์เกติง (Space Creative Marketing)
1162340
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162340
วัดสีเมือง
วัดสีเมือง หรือ วัดศรีเมือง เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาธิราช ในนครหลวงเวียงจันทน์ ถือเป็น 1 ใน ศรี 5 ประกอบด้วย ศรีเมือง ศรีพูล ศรีฐาน ศรีบัวบาน ศรีหอม ในสมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับการทำพิธีสำคัญของกษัตริย์โบราณ เช่น การราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ จะต้องนำน้ำพุทธมนต์จาก วัด 5 ศรี ทั้งหมดมาประกอบพิธีพุทธาภิเษก วัดสีเมืองสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วัดนี้เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมือง มีคำบอกเล่าเก่าแก่ว่าเกี่ยวข้องกับสาวชื่อ ศรี เป็นหญิงท้องแก่ ยอมสละชีวิตพร้อมลูกในท้องพร้อมกับม้าอีกหนึ่งตัว เป็นผีอารักษ์เสาหลักเมืองเวียงจันทน์ จึงนำเอาชื่อสาวสีมาตั้งเป็นชื่อวัดว่า "วัดศรีเมือง" ชาวเวียงจันทน์ได้เรียกสาวศรีว่า "ย่าแม่ศรีเมือง" ทุกปีก่อนจะมีบุญนมัสการที่พระธาตุหลวงจะต้องมีการจัดพิธีกรรมทำบุญอยู่ที่วัดสีเมืองก่อน ธาตุวัดสีเมือง เป็นธาตุที่สร้างด้วยศิลาแลงซึ่งแตกต่างไปจากธาตุที่สร้างด้วยอิฐในระยะร่วมสมัย เท่าที่เหลืออยู่ปรากฏเป็นฐานบัวที่มีบัวคว่ำและท้องไม้ขนาดใหญ่ที่คาดด้วยลูกแก้วอกไก่ ภายในวัดมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่งที่ชำรุดไปแล้วบางส่วนตั้งประดิษฐานอยู่ ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากไม่ว่าใครมาขอพรก็จะสมดังใจ
1162343
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162343
เจเนอรัลเคออส
เจเนอรัลเคออส เป็นวิดีโอเกม ค.ศ. 1993 ที่พัฒนาโดยเกมเรฟิวจ์ อิงค์. และเผยแพร่โดยอิเล็กทรอนิก อาตส์ สำหรับเซกา เมกาไดรฟ์ ซึ่ง"เจเนอรัลเคออส"เป็นเกมอาร์เคด/กลยุทธ์เชิงเสียดสี โครงเรื่อง. นับตั้งแต่พวกเขายังเป็นทารก พี่น้องเคออสและฮาวอคได้สนุกกับการเล่นเกมสงครามซึ่งกันและกัน รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นเรียน และเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับยุทธวิธีทางทหารของพวกเขา อยู่มาวันหนึ่ง เคออสค้นพบหนังสือการ์ตูนหายากที่มีค่ามากกว่าหนังสือเล่มใดในห้องสมุดที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และแสดงให้ฮาวอคดู น่าเสียดาย ที่สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดพลาด เพียงการมองเห็นของมันทำให้เขาเกิดด้านที่ละโมบและทรยศออกมา ฮาวอคพยายามที่จะเอาหนังสือเล่มนี้ไปเป็นของตัวเอง แต่มันกลับต้องฉีกขาดจากการชักเย่อ หลังจากนี้ สองพี่น้องก็ต่อว่าต่อขานกันและกัน แล้วแยกทางกัน ซึ่งหลายปีต่อมา ทั้งคู่กลายเป็นเผด็จการทหารของประเทศโมโรนิกา (เคออส) และวิเซเรีย (ฮาวอค) โดยที่นายพลทั้งสองทำสงครามกันเป็นเวลาหลายสิบปี แต่สำหรับการยุทธ์ที่เดือดดาลทั่วทั้งแผ่นดิน พวกเขาไม่สามารถบรรลุชัยชนะได้ หลังจากผ่านการพิจารณามาหลายวัน พวกเขาก็ตัดสินใจใช้กองทัพที่เล็กกว่า และเร็วกว่าของทหารที่เชี่ยวชาญในอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่ง เพื่อตัดสินแพ้ชนะอย่างถาวร รูปแบบการเล่น. เกมดังกล่าวเป็นการต่อสู้ที่รวดเร็วและสกปรก (หรือโหมดการทัพที่ยาวกว่า ซึ่งเป็นชุดลำดับที่ต่อสู้กันบนแผนที่เชิงกลยุทธ์แบบพลวัต) ระหว่างสองนายพล ได้แก่ "นายพลเคออส" และ "นายพลฮาวอค" โดยมีวัตถุประสงค์ของเกมคือการเข้ายึดเมืองหลวงของศัตรู ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องเลือกหนึ่งใน 4 ทีมโดย 3 ในนั้นมีทหาร 5 คน (มีอาวุธให้เลือกต่างกัน) ในขณะที่ทีมหนึ่งมี "คอมมานโด" 2 ตัว และใช้ระบบควบคุมที่แตกต่างกันเพื่อให้สามารถควบคุมได้มากขึ้น ผู้เล่นมองปฏิบัติการจากมุมมองไอโซเมตริก รวมถึงดูการ์ตูนทหารยุกยิกในสนามรบ โดยเกมดังกล่าวมีความสมดุลระหว่างปฏิบัติการและยุทธศาสตร์ ตัวอย่างเช่น เมื่อใดก็ตามที่ทหารสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้ามาใกล้เพียงพอ การต่อสู้ระยะประชิดก็จะตามมา ทหารสามารถต่อย, เตะ หรือบล็อกการโจมตีได้ หากชายคนหนึ่งของผู้เล่นเสียแต้มพลังทั้งหมด เขาจะล้มลงกับพื้น เพื่อช่วยทหารที่ล้มลง ผู้เล่นต้องเลื่อนเคอร์เซอร์ หรือทหารคนอื่นในกรณีของหน่วยคอมมานโด ใกล้กับทหารที่บาดเจ็บและเรียกเมดิค (เสนารักษ์) ให้ชุบชีวิตเขา อย่างไรก็ตาม มีการจำกัดจำนวนครั้งในการเรียกเมดิค นอกจากนี้ยังมีไอเทมจำนวนมากที่ให้แต้มในสนามรบซึ่งให้หยิบขึ้นมา เกมนี้สามารถเล่นปะทะกับคอมพิวเตอร์ในโหมดการทัพด้วยอะแดปเตอร์หลายผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดสี่คน นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถต่อสู้กับผู้เล่นที่เป็นมนุษย์คนอื่นโดยไม่ต้องร่วมมือกัน ส่วนคุณสมบัติอื่นของเกม คือโหมดการสอนที่เรียกว่า “ค่ายฝึก” จำพวก. กันเนอร์: ใช้ปืนกลมือเป็นอาวุธ หน่วยซึ่งมีความสามารถหลายด้านที่มีการโจมตีระยะกลางและอัตราการยิงสูงแม้ว่าปืนของเขาอาจขัดลำกล้อง พลประเภทนี้ใช้สำหรับโจมตีเป็นหลัก และตัวละครนี้มีทรงผมแบบบัซคัต ลอนเชอร์: ใช้เครื่องยิงจรวดแบบพกพาเป็นอาวุธ ในขณะที่เกมนี้ไม่มีตัวละคร "พลซุ่มยิง" พลยิงเครื่องยิงจรวดจึงมีจุดประสงค์ในส่วนเดียวกับอาวุธที่ทรงพลัง, ยิงช้า และพิสัยไกล การโจมตีของพลยิงเครื่องยิงจรวดสามารถหยุดได้โดยกำบัง แต่อาจส่งผลให้พลรบฝ่ายตรงข้าม "เสียชีวิตทันที" แบบสุ่ม (เหลือโครงกระดูกและไม่สามารถเรียกเมดิคได้) พลประเภทนี้สามารถทำลายเป้าหมายโบนัสได้ และตัวละครนี้สวมหมวกเหล็ก ชัคเกอร์: ระเบิดมือเป็นอาวุธของประเภทนี้ การโจมตีของพวกเขามีอัตราการปาที่ต่ำ และสามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย แต่ระเบิดมือครอบคลุม สามารถสร้างความเสียหายหลายหน่วย และมีระยะที่ดี สามารถทำลายเป้าหมายโบนัสได้ ชื่อและรูปลักษณ์ของยูนิตนี้ (ชายผมบลอนด์ ที่มีหนวดเครา และมีที่คาดผมสไตล์แรมโบ้) เป็นการอ้างอิงที่ชัดเจนสำหรับชัค นอร์ริส สคอเชอร์: อาจเป็นหน่วยที่อันตรายที่สุดในเกม ทหารเหล่านี้ใช้เครื่องพ่นไฟเพื่อสร้างความเสียหาย ซึ่งถึงแม้จะมีระยะที่สั้นที่สุด แต่ก็สามารถโจมตีทหารได้หลายคนและเป็นอาวุธที่เร็วที่สุด เมื่อผู้ทำให้ไหม้เกรียมอยู่เหนือยูนิตอื่นแล้ว ก็ยากที่จะเอาชีวิตรอด ด้วยความสามารถนี้ พวกเขาจึงสร้างหน่วยขนาบข้างและคุ้มกันที่ยอดเยี่ยม การโจมตีแบบสุ่มอาจส่งผลให้พลรบฝ่ายตรงข้าม "เสียชีวิตทันที" (เหลือกองขี้เถ้าและไม่สามารถเรียกเมดิคได้) หากสคอเชอร์ลงไปในน้ำ อาวุธของเขาจะไร้ความสามารถชั่วคราว (ทำให้รู้ด้วยฟองอากาศที่ถูกยิงออกไปแทนการพ่นไฟ) ทั้งนี้ เขาสวมแว่นดำ บลาสเตอร์: ถือเป็นหน่วยที่อ่อนแอที่สุดในเกมและจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง บลาสเตอร์นั้นคล้ายกับชัคเกอร์ แทนที่จะใช้ระเบิด พวกเขาโยนแท่งไดนาไมต์จำนวนหนึ่งซึ่งทะลุที่กำบังและสร้างความเสียหายอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม พวกเขามีอัตราการโยนที่ช้ามากและระยะการโจมตีที่สั้นที่สุดเป็นอันดับสอง ดังนั้น พวกเขาจึงเหมือนกับไม่มีประโยชน์ การโจมตีแบบสุ่มอาจส่งผลให้พลรบฝ่ายตรงข้าม "เสียชีวิตทันที" (เหลือโครงกระดูกและไม่สามารถเรียกเมดิคได้) สามารถทำลายเป้าหมายโบนัสได้ ตัวละครนี้สวมผ้าปิดตา มีหนวดเครา และรอยยิ้มของเขาขาดฟันบางซี่ แคมเปญคิกสตาร์เตอร์. เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2013 ไบรอัน เอฟ. โคลิน ได้เริ่มแคมเปญคิกสตาร์เตอร์เพื่อหาทุนสร้างภาคต่อ ทว่าแคมเปญดังกล่าวสะดุดล้มมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งไม่ถึงเป้าหมาย การตอบรับ. "เจเนอรัลเคออส"ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกโดยทั่วไป ซึ่งนิตยสาร"อิเล็กทรอนิกส์เกมมิงมันทลี"ให้คะแนน 8 เต็ม 10 โดยเรียกได้ว่าเป็น "สุดยอดเกม "ต่อสู้" แบบตัวต่อตัว!" พวกเขายกย่องความตลกขบขัน, ตัวเลือกจำนวนมาก และโหมดผู้เล่นสี่คน ส่วนนิตยสาร"เกมโปร"ยังยกย่องความตลกขบขัน และโหมดผู้เล่นสี่คน เช่นเดียวกับปัญญาประดิษฐ์ของศัตรู และสรุปได้ว่า ""เจเนอรัลเคออส"ผสมผสานกลยุทธ์ในสนามรบที่บีบสมอง, กลยุทธ์ของทีมที่ท้าทาย และการรบแบบกดปุ่มเรียลไทม์พร้อมกราฟิกการ์ตูนตลกขบขัน"
1162349
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162349
วัดสุราษฎร์รังสรรค์
วัดสุราษฎร์รังสรรค์ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีที่ดินที่ตั้งวัดเนื้อที่ 7 ไร่ 14 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 319 ที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา โฉนดเลขที่ 320 วัดสุราษฎร์รังสรรค์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2375 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นใครเป็นผู้สร้าง ต่อมามีนางเต่า ผลมะขาม นายไข่ อุ้มญาติ นางโหมด ทองอ่อน ได้สร้างหอสวดมนต์ถวาย ต่อมานางแจ๋ว ภู่ห้อง ได้ถวายเรือนไม้สักทรงไทย คนละ 9 หลัง กับนายไข่ อุ้มญาติ วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493 ได้ดำเนินการผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 ด้านการศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2482 เสนาสนะภายในวัด ได้แก่ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ ศาลาบำเพ็ญกุศล ศาลาท่าน้ำ กุฏิเสร็จแล้ว 10 หลัง หอระฆัง หลัง ห้องน้ำ 9 ห้อง ห้องสุขา 32 ห้อง และฌาปนสถาน 1 หลัง
1162358
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162358
วัดกลางเหนือ
วัดกลางเหนือ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม วัดกลางเหนือตั้งเป็นวัดเมือ พ.ศ. 2303 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ที่เชื่อได้ว่าเดิมกุฎิสงฆ์ปลูกไว้รอยพระอุโบสถโดยปลูกไว้ในสระเป็นหลัง ๆ ปัจจุบันกุฎิได้ย้ายมาที่ตั้งในปัจจุบัน มีหลักฐานในพระราชพงศาวดารพระเจ้ากรุงธนบุรี กล่าวว่า "หลวงยกกระบัตร (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) ได้ล่องเรือจากราชบุรีมาตามลำน้ำแม่กลองผ่านวัดกลาง..." ยังมีวัดกลางใต้ซึ่งอยู่ถัดลงไปนั้น ปัจจุบันได้ร้างไปแล้วและเป็นธรณีสงฆ์ของวัดกลางเหนือ วัดนี้เป็นแหล่งศึกษามาแต่โบราณ มีพระเป็นครูสอน ทำการสอนทั้งหนังสือ และวิชาการอย่างอื่น เรียนกันตัวต่อตัว ต่อมาได้สร้างโรงเรียนปริยัติธรรมขึ้น และสร้างโรงเรียนวิชาภาษาไทยขึ้นในสมัยพระครูสกลวิสุทธิ (เหมือน รตฺนสุวณฺโณ) เป็นเจ้าอาวาส ได้จัดตั้งโรงเรียนภาษาไทยขึ้นเป็นแห่งแรกในอำเภอบางคนที เมื่อ พ.ศ. 2456 โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และทรงประทานชื่อให้ว่า "โรงเรียนตัวอย่างวัดกลางเหนือ อำเภอบางคนที" ในปี พ.ศ. 2458 ทางราชการรับเป็นโรงเรียนของรัฐขยายการศึกษาเปิดสอนตั้งแต่ประถมปีที่ 1–4 และมัธยมศึกษาปีที่ 1– 3 ต่อมา พ.ศ. 2481 ทางราชการได้ตัดชั้นประถมศึกษาออกทั้งหมด คงไว้แต่มัธยมศึกษาและขยายออกไปจนถึงมัธยมบริบูรณ์ ปัจจุบันโรงเรียนสกลวิสุทธิ์เปิดสอนแผนกอาชีวศึกษาด้วย วัดกลางเหนือได้มีการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซม และสร้างใหม่ตลอดมาโดยตลอด พุทธศาสนิกชนให้ความร่วมมือ บริจาคสินทรัพย์เป็นจำนวนมากทำให้วัดกลางเหนือมีศาสนสถานและศาสนวัตถุที่มั่นคงถาวร ตั้งแต่อุโบสถ ศาลาการเปรียญทรงไทย กุฏิสงฆ์ทรงไทย และสมัยใหม่ ศาลาท่าน้ำ หอฉัน ตลอดจนอาคารเรียน ฯลฯ อุโบสถสร้างใหม่ ก่ออิฐถือปูน งดงามมาก ผนังอุโบสถเป็นรูปเทพนม เรื่องรามเกียรติ์ เหนือผนังอุโบสถสร้างเป็นวิมาน พระประธานในอุโบสถสร้างด้วยศิลาแดง ปางมารวิชัยแบบสุโขทัยคู่มากับวัด และเจดีย์ใหญ่หน้าบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ยอดเจดีย์ ปัจจุบัน พระสมุทรธรรมคณี (จำลอง อาสโภ) น.ธ.เอก, ป.ธ.๕ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันและดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าหน้าจังหวัดสมุทรสงครามอีกด้วย
1162364
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162364
วัดบึงบาประภาสะวัต
วัดบึงบาประภาสะวัต เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ พระครูสุจิตรัตนากร ดร. เจ้าคณะอำเภอหนองเสือ วัดบึงบาประภาสะวัต สร้างเมื่อ พ.ศ. 2464 โดยมี ขุนนรพัฒนพิศาล (พริ้ง ประภาสะวัต) นายอำเภอหนองเสือ ร่วมกับประชาชนชาวหนองเสือ เป็นผู้ถวายที่ดิน และดำเนินการสร้างวัดและได้ขนานนามว่า "วัดบึงบาประภาสะวัต" หรือ วัดบึงบา ประวัติ. คำว่า "บึงบา" เป็นชื่อของตำบลที่ตั้ง และคำว่า "ประภาสะวัต" เป็นนามสกุลพระราชทานของขุนนรพัฒนพิศาล (พริ้ง ประภาสะวัต) จึงได้นำมารวมกันตั้งเป็นชื่อวัดดังกล่าว วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร เมื่อปี พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2531 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร อาคารเสนาสนะ ได้แก่ อุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2471 และก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2531 มีพระประธานในอุโบสถนามว่า "หลวงพ่อเพชร" เป็นหลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง "หลวงพ่อเมตตาประชานิมิต" ในอุโบสถหลังใหม่ มีหอระฆัง หอฉัน ศาลาการเปรียญหลังใหม่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2530 วิหารมีลักษณะเป็นทรงไทยแบบจัตุรมุข ใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อจำลองพระพุทธปฏิมากรพระพุทธชินราช และหลวงพ่อโสธร ในบริเวณวัดมีโรงเรียนมัธยมศึกษา 60 ไร่ รายนามเจ้าอาวาส. พ.ศ. 2490 - 2564 พระครูสุจิตรัตนากร ดร. พ.ศ.2564 - ปัจจุบัน
1162366
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162366
เขตอัครบิดรสากล
เขตอัครบิดรสากล เป็นเขตปกครองของอัครบิดรแห่งคอนสแตนติโนเปิลและเป็นศูนย์กลางคริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ทั่วโลก เขตอัครบิดรสากลมีหน้าที่อภิบาลและเผยแผ่ความเชื่อดั้งเดิมของคริสตจักรโดยไม่จำกัดชาติและภูมิภาค เชื้อชาติและภาษา คริสตชนออร์ทอดอกซ์ที่ไม่ได้สังกัดคริสตจักรย่อมถือว่าอยู่ในสังกัดเขตอัครบิดรสากล ประวัติ. คริสตชนออร์ทอดอกซ์เชื่อว่านักบุญอันดรูว์เป็นผู้ก่อตั้งคริสตจักรขึ้นในเมืองนี้ ต่อมาจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชสถาปนาบริเวณนี้ขึ้นเป็นนครคอนสแตนติโนเปิล ให้เป็นราชธานีแห่งใหม่ของจักรวรรดิโรมันแทนกรุงโรม ทำให้บิชอปแห่งคอนสแตนติโนเปิลเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากขึ้นและยกสถานะเป็นอาร์ชบิชอป ในปี ค.ศ. 381 สภาสังคายนาคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่หนึ่งกำหนดให้บิชอปแห่งคอนสแตนติโนเปิลมีศักดิ์รองจากบิชอปแห่งโรม ต่อมาในปี ค.ศ. 451 สภาสังคายนาแคลซีดันจึงกำหนดให้บิชอปแห่งโรมและบิชอปแห่งคอนสแตนติโนเปิลมีศักดิ์เสมอกัน จนกระทั่งราวปี ค.ศ. 587-8 จักรพรรดิเมาริกิอุสจึงพระราชทานสมัญญา "อัครบิดรสากล" แก่อาร์ชบิชอปยอห์นที่ 4 แห่งคอนสแตนติโนเปิลเป็นองค์แรก
1162367
392109
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162367
วัดราษฎร์บูรณะ (จังหวัดสมุทรสงคราม)
วัดราษฎร์บูรณะ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมคลองแควอ้อม ในตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม วัดราษฎร์บูรณะสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2300 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมานายสุข และนางเงิน พร้อมด้วยน้องสาว ได้บริจาคทรัพย์ที่ดินให้สร้างวัดขึ้นใหม่ พร้อมด้วยสังฆารามต่าง ๆ จึงได้เรียกชื่อวัดว่า วัดใหม่ยายเงิน ตามนามของผู้บริจาค อุโบสถเดิมของวัดเป็นไม้สักทรงผ่ากระดาน ศาลาการเปรียญ ตลอดจนกุฏิสงฆ์ เป็นเรือนไม้สักทรงไทยทั้งสิ้น ต่อมาได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จนในสมัยของหลวงพ่อสุข เป็นเจ้าอาวาสได้ทำการสร้างอุโบสถใหม่เป็นอุโบสถคอนกรีตก่ออิฐถือปูน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2499 พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า "วัดราษฎร์บูรณะ" สิ่งสำคัญของวัด ได้แก่ พระประธานในอุโบสถ และหน้าบันของอุโบสถ เป็นรูปหน้ากาล ซึ่งแปลกกว่าวัดอื่น ๆ กุฏิ หอฉัน หอสวดมนต์ ทรงไทยโบราณทั้งสิ้น ต้นตะเคียนใหญ่ และต้นพิกุล อายุ 300 ปี หลวงพ่อสุขท่านได้ออกวัตถุมงคล เช่น ตะกรุดโทนเนื้อฝาบาตร เชือกคาดเอว และพิรอดแขน โดยท่านทำแจกลูกศิษย์มาเรื่อย ๆ พุทธคุณ กันเขี้ยวงาสารพัด เป็นที่เลื่องลือ
1162369
12099761
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162369
มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์ (ชื่อย่อ: ม.มหิดล นครสวรรค์ / MUNA) เป็นโครงการจัดตั้งวิทยาเขตในสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
1162377
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162377
หมู่โบสถ์คริสต์ที่สลักเข้าไปในหินแห่งลาลีเบลา
หมู่โบสถ์คริสต์ที่สลักเข้าไปในหินแห่งลาลีเบลา เป็นกลุ่มโบสถ์คริสต์มอนอลิธิกในที่สูงทางตะวันตกของเอธิโอเปีย บริเวณเมืองลาลีเบลา เมืองซึ่งตั้งชื่อตามจักรพรรดิผู้ครองราชย์ระหว่างปลายศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 13 จักรพรรดิลาลีเบลาแห่งจักรวรรดิซากเว ผู้มีพระราชดำริให้ก่อสร้างโบสถ์ที่สลักเข้าไปในหินจำนวน 11 แห่ง เพื่อสร้างนครศักดิ์สิทธิ์ เยรูซาเลม ขึ้นมาในอาณาจักรของตน ปัจจุบันหมู่โบสถ์เหล่านี้ยังคงใช้งานโดยคริสตจักรออร์ทอดอกซ์เอธิโอเปียเรื่อยมาตั้งแต่อดีตและคงความสำคัญอย่างมากต่อศาสนิกชนในเอธิโอเปีย หมู่โบราณสถานประกอบด้วย 3 ส่วน: หมู่โบสถ์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ, หมู่โบสถ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ และ โบสถ์จอร์จิส
1162385
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162385
อักซุม
อักซุม "Ak̠ʷsəm"; "Ak̠sum") เป็นเมืองในภูมิภาคติกรายของเอธิโอเปีย มีประชากรราว 66,800 คนในปี 2015 อักซุมเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจนกระทั่งเกิดสงครามติกรายในปี 2020 อักซุมเป็นที่ตั้งของราชธานีในอดีต ของจักรวรรดิอักซุม ซึ่งร่ำรวยและเรืองอำนาจจากการควบคุมการค้าทางทะเล และมีอำนาจในภูมิภาคระหว่าง 400 ปีก่อนคริสต์กาลจนถึงศตวรรษที่ 10 ยูเนสโกประกาศให้แหล่งโบราณสถานต่าง ๆ แห่งอักซุมเป็นแหล่งมรดกโลกในปี 1980 ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
1162394
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162394
ศอลิฮ์
ศอเลียะห์ เป็นนบีที่ถูกกล่าวในอัลกุรอานกับคัมภีร์ศาสนาบาไฮ ซึ่งเผยแผ่หลักคำสอนแก่ชนเผ่าษะมูดในอาระเบียโบราณก่อนช่วงชีวิตของศาสดามุฮัมมัด เรื่องราวของศอเลียะห์ถูกเชื่อมโยงกับเรื่องราวของอูฐตัวเมียของอัลลอฮ์ ซึ่งอัลลอฮ์ประทานเป็นของขวัญให้กับชาวษะมูด เมื่อพวกเขาต้องการปาฏิหาริย์เพื่อพิสูจน์ว่าศอเลียะห์เป็นศาสดาจริง ๆ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์. ษะมูดเป็นสมาพันธ์ชนเผ่าทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอาหรับ ถูกกล่าวถึงในข้อมูลของชาวอัสซีเรียในสมัยของซาร์กอนที่ 2 ชื่อเผ่ายังคงปรากฏในเอกสารมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 4 แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 พวกเขาถูกระบุว่าเป็นกลุ่มที่สูญหายไปเมื่อนานมาแล้ว#เปลี่ยนทาง รายงานจากอัลกุรอาน เมืองที่ศอเลียะห์เดินทางไปนั้นคืออัลฮิจญร์ ซึ่งตรงกับเมืองเฮกราของชาวแนบาเทีย ตัวเมืองได้ชื่อเสียงในช่วงคริสต์ศตวรรษแรก เพราะเป็นสถานที่สำคัญในการค้าขายด้วยคาราวานระดับภูมิภาค สิ่งก่อสร้างที่อยู่ติดกับเมืองคือสุสานที่ตกแต่งบนหินขนาดใหญ่ ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่มสมาชิกทางศาสนาหลายกลุ่ม#เปลี่ยนทาง ต่อมาสถานที่นี้ถูกทอดทิ้งไปในช่วงหนึ่งของสมัยโบราณ แล้วค่อยแทนที่ด้วยอัลอุลา สถานที่นี้เป็นที่รู้จักในชื่อมะดาอินศอเลียะห์มาตั้งแต่สมัยมุฮัมมัด โดยนำชื่อมาจากนบีศอเลียะห์ นอกจากศาสนาอิสลามกับบาไฮแล้ว ศอเลียะห์ไม่ได้รับการกล่าวถึงในคัมภีร์อื่น ๆ ของศาสนาอับราฮัมหรือประวัติศาสตร์ร่วมสมัยอื่นอีกเลย แต่รายงานการทำลายล้างของษะมูดอาจเป็นที่รู้จักในอาระเบียโบราณ ชื่อเผ่าถูกใช้ในกวีอาหรับโบราณในเชิงอุปมัยว่า "ความไม่คงทนของทุกสิ่ง"#เปลี่ยนทาง ในศาสนาอิสลาม. กุรอาน. ชีวิตของศอเลียะห์ในสังคมของเขามีความชอบธรรมมากจนชาวษะมูดต้องพึ่งพาสนับสนุนเขา พระผู้เป็นเจ้าเลือกเขาเป็นศาสนทูตและส่งไปให้คำสอนต่อพวกคนรวยที่ขี้เหนียวและประนามการทำ "ชิรก์" (การบูชาเทวรูปหรือพหุเทวนิยม) ถึงแม้ว่าศอเลียะห์ให้คำสั่งสอนไประยะหนึ่งแล้ว ชาวษะมูดไม่ยอมฟังคำเตือนและเริ่มเรียกร้องให้ศอเลียะห์แสดงปาฏิหาริย์ ศอเลียะห์เตือนพวกเขาด้วยปราสาทและพระราชวังหลายแห่งที่สร้างด้วยหิน และความเหนือกว่าทางเทคโนโลยีต่อชุมชนใกล้เคียง ที่มากไปกว่านั้น ท่านกล่าวถึงบรรพบุรุษของพวกเขา เผ่าอ๊าด ซึ่งถูกทำลายด้วยบาปของตนเอง ชาวษะมูดบางส่วนเชื่อคำพูดของศอเลียะห์ แต่หัวหน้าเผ่าไม่ยอมฟังและยังคงต้องการให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์เพื่อพิสูจน์ว่าตนคือศาสดาจริง ๆ เพื่อเป็นการตอบรับ พระผู้เป็นเจ้าจึงประทานอูฐตัวเมียศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้ในการดำรงชีพและบททดสอบ ชนเผ่าต้องอนุญาตให้อูฐกินหญ้าอย่างสงบและห้ามทำร้ายมันเด็ดขาด แต่เพื่อเป็นการท้าคำเตือนของศอเลียะห์ พวกเขาจึงฆ่าอูฐเสีย ศอเลียะห์เตือนว่า พวกเขามีเวลาแค่ 3 วันก่อที่ความพิโรธของพระเจ้าจะลงมายังพวกเขา พวกเขาสำนึกผิด แต่ไม่ยอมอภัยต่อความผิดของตน และผู้ปฏิเสธศรัทธาทุกคนในเมืองถูกแผ่นดินไหวฆ่าตาย นับแต่นั้น อัลฮิจญร์จึงไม่มีผู้อาศัยและกลายเป็นซากปรักหักพังตลอดกาล คงเหลือเพียงศอเลียะห์กับผู้ศรัทธาเพียงไม่กี่คนที่รอดมาได้ มีการขยายเรื่องนี้ในซูเราะฮ์อันนัมล์ ขณะที่อูฐเพศเมียไม่ได้กล่าวถึงโดยตรง มีรายงานถึงชาย 9 คนวางแผนฆ่าศอเลียะห์กับครอบครัวทั้งหมด ทำให้พวกเขาถูกพระผู้เป็นเจ้าลงโทษใน 3 วันต่อมา ธรรมเนียมของฮะดีษ. นักเขียนมุสลิมได้อธิบายเรื่องศอเลียะห์กับอูฐตัวเมียอย่างละเอียด ธรรมเนียมอิสลามตอนต้นมักให้อูฐออกจากหินอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งมักตามมาด้วยลูกอูฐ และนมในตัวอูฐเอง อัฏเฏาะบารีกล่าวว่า ศอเลียะห์เรียกผู้คนมาที่ภูเขา โดยเห็นหินเปิดอย่างน่าอัศจรรย์ เผยให้เห็นอูฐตัวเมียกับลูกของมัน ศอเลียะห์กล่าวว่า อูฐวัยแก่จะดื่มน้ำจากแหล่งน้ำของพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งวัน และพวกเขาสามารถดื่มน้ำได้ในวันถัดมา ในวันที่พวกเขาดื่มน้ำไม่ได้ อูฐจะผลิตนมให้ แต่พระเจ้าตรัสแก่ศอเลียะห์ว่า ในไม่ช้าจะมีเด็กชาย ผู้จะเฉือนขาอูฐ เกิดมาในเผ่านี้ และเด็กคนนั้นชั่วช้าและโตเร็วผิดปกติ อูฐตัวนั้นถูกฆ่า และลูกของมันร้องไห้สามครั้ง เป็นสัญญาณว่าพวกษะมูดจะถูกทำลายในเวลา 3 วัน ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีเหลือง แดง แล้วดำ และพวกเขาตายในวันที่สาม นักวิชาการอิสลามบางส่วนรายงานว่า ฮะญัร แม่ของอิสมาอีล เป็นหลานสาวของนบีศอเลียะห์ ธรรมเนียมคล้ายกันพบในคำวิจารณ์ศาสนาอิสลามในคริสต์ศตวรรษที่ 8 โดยยอห์นแห่งดามัสกัส และถูกกล่าวถึงในผลงานของอิบน์กะษีร
1162408
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162408
อาบูนาเยมาทากูห์
อาบูนา เยมาทา กูห์ (Abuna Yemata Guh}}) เป็นโบสถ์มอนอลิธิก ตั้งอยู่ในเมืองฮาวเซน อำเภอโวเรดา ในภูมิภาคทีกราย ประเทศเอธิโอเปีย โบสถ์น้อยนี้ตั้งอยู่ที่ความสูง และสามารถเข้าถึงได้ผ่านการปีนบันไดทางเท้าเท่านั้น โบสถ์นี้เป็นที่รู้จักจากภาพเขียนและโบราณวัตถุที่มีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 5 และสถาปัตยกรรมอันแปลกตา โบสถ์นี้สร้างขึ้นจากการแกะสลักเข้าไปในหินใหญ่ในทะเลทรายที่เกิดจากการกัดกร่อนและก่อตัวของหินทรายจนมีลักษณะคล้ายหอคอยโดยธรรมชาติ โบสถ์เป็นหนึ่งในหมู่ 35 โบสถ์สลักเข้าไปในหินของเอธิโอเปีย การเข้าถึงตัวโบสถ์ต้องผ่านบันไดและร่องสำหรับปีนป่ายซึ่งสร้างเข้าไปในหินและมีความอันตรายและความชันสูง รวมถึงสะพานไม้แคบ ๆ
1162412
289551
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162412
สมเด็จพระราชาธิบดีมิซูซูลู ซูลู
สมเด็จพระราชาธิบดีมิซูซูลู ซิโงบิเล กากาซเวเลตินี (พระราชสมภพ: 23 กันยายน พ.ศ. 2517) เป็นพระมหากษัตริย์ซูลู พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระราชาธิบดีกูดวิลล์ ซเวเลตินี กาเบกูซูลู และรัชทายาทของซูลูตั้งแต่การสวรรคตของพระราชบิดาเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2564 พระองค์ขึ่นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาของพระองค์หลังงานพระบรมศพของพระราชมารดาเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 สมเด็จพระราชาธิบดีมิซูซูลูไม่ทรงอภิเษกสมรสและทรงมีพระราชโอรส 1 พระองค์ ขึ้นครองบัลลังก์. พระราชมารดาของพระองค์คือสมเด็จพระราชินีมันต์ฟอมบี ดลามินีแห่งซูลู เป็นเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระราชาธิบดีกูดวิลล์ ซเวเลตินี กาเบกูซูลู ซึ่งหมายความว่าพระราชโอรสของพระราชินีจะได้รับความชอบธรรมในการสืบทอดตำแหน่งก่อนจากพระราชโอรสในพระมเหสีพระองค์อื่น ๆ ของกษัตริย์ สมเด็จพระราชินีมันต์ฟอมบีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการชั่วคราวของอาณาจักรซูลูหลังจากที่กษัตริย์สวรรคตและพระองค์มีหน้าที่รับผิดชอบในการแต่งตั้งกษัตริย์ซูลูองค์ต่อไปอย่างเป็นทางการในแง่ของพระประสงค์ของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ อย่างไรก็ตามสมเด็จพระราชินีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สวรรคตหนึ่งเดือนหลังจากกษัตริย์ก่อนที่จะแต่งตั้งผู้สืบทอด ต่อมามีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากราชวงศ์ซูลูแห่งสถานะของสมเด็จพระราชาธิบดีมิซูซูลูในฐานะรัชทายาทในบ่ายวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 หลังจากการอ่านพระราชประสงค์ของสมเด็จพระราชินีมันท์ฟอมบีโดยสมาชิกบางพระองค์ในราชวงศ์เรียกว่าการอภิปรายเรื่องผู้สืบทอดก่อนวัยอันควร ในพิธีพระบรมศพ พระขนิษฐาในพระมหากษัตริย์เจ้าหญิงเทมบิ นดโลวูระบุว่าพระราชวงศ์ยังไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป และจะเป็นบุคคลที่จะได้รับการ "เลือกโดยพระเจ้า" ในอดีตการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ของกษัตริย์มิซูซูลูจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ตอนนี้อาณาจักรซูลูถือว่าตัวเองเป็นระบอบรัฐธรรมนูญซึ่งผู้นำจำเป็นที่จะต้องได้รับการแต่งตั้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าในที่สุดกษัตริย์มิซูซูลูจะได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นครองราชย์ ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2564 เจ้าชายแมนโกซูตู บูเธเลซี ได้ออกแถลงการณ์ในนามของราชวงศ์ซูลูโดยระบุว่ากษัตริย์องค์ใหม่จะได้รับการประกาศหลังจากช่วงเวลาไว้ทุกข์สามเดือนสำหรับกษัตริย์ผู้ล่วงลับ หลังจากการจากไปของทั้งกษัตริย์และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราวมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะสูญญากาศของผู้นำในอาณาจักรซูลู ข้อพิพาททางกฎหมาย. เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 รายงานของสื่อเปิดเผยว่าเอกสารของศาลได้ถูกยื่นฟ้องต่อศาลสูงปีเตอร์มาริตซ์เบิร์กซึ่งท้าทายความถูกต้องในเจตจำนงของสมเด็จพระราชาธิบดีกูดวิลล์ ซเวเลตินี ความท้าทายในศาลเริ่มโดยพระมเหสีพระองค์แรกของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ สมเด็จพระราชินีซิโบงิเล วินิเฟรด ดลามินี และพระราชธิดาอีกสองพระองค์เจ้าหญิงนทานโดเยนโกซีและเจ้าหญิงนทอมบิโซซูตู โดยทรงพยายามที่จะให้เจตจำนงของกษัตริย์ที่ประกาศออกมานั้นไม่ถูกต้องและกันไว้บนพื้นฐานของสิ่งที่ทรงอ้างว่าเป็นพระปรมาภิไธยปลอม ในฐานะมาตรการชั่วคราว ทั้งสามพระองค์ยังยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ขัดขวางการแต่งตั้งกษัตริย์หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ใหม่โดยรอการพิจารณาคดีของศาลเกี่ยวกับความถูกต้องของพระประสงค์ของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ พระมเหสีพระองค์แรกของกษัตริย์นั้นต่างกับพระอัครมเหสีของกษัตริย์ซึ่งทรงเป็นพระมเหสีพระองค์ที่สาม แต่เป็นผู้ที่มีความสำคัญเหนือพระมเหสีพระองค์อื่น ๆ ทั้งหมดเนื่องจากทรงมาจากราชวงศ์โดยประสูติ ทรงเป็นสมาชิกของราชวงศ์เอสวาตินี กษัตริย์ผู้ล่วงลับได้อภิเษกสมรสกับพระมเหสีพระองค์แรกตามกฎหมายการแต่งงานทางแพ่งของแอฟริกาใต้ แต่การอภเษกสมรสกับพระมเหสีพระองค์ต่อไปเป็นไปตามธรรมเนียมของซูลูเท่านั้น เนื่องจากกฎหมายของแอฟริกาใต้ยอมรับการแต่งงานแบบมีภรรยาหลายคนโดยประเพณี แต่ไม่ใช่การแต่งงานแบบมีภรรยาหลายคนตามกฎหมาย ความท้าทายของศาลวนเวียนอยู่กับความถูกต้องของการอภิเษกสมรสตามจารีตประเพณีหลังจากการอภิเษกสมรสครั้งแรกเช่นเดียวกับข้อกล่าวหาว่ารายพระปรมาภิไธยในพระประสงค์ของกษัตริย์ผู้ล่วงลับถูกปลอมแปลง เรื่องนี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อพิจารณาคดีในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 [18]อย่างไรก็ตามการฟ้องร้องถูกถอนออกไป ชีวิตส่วนพระองค์และการศึกษา. ชีวิตส่วนพระองค์ของเจ้าชายไม่ค่อยได้รับการเปิดเผย นอกเหนือจากนั้นพระองค์ทรงศึกษามัธยมปลายที่วิทยาลัยเซนต์ชาร์ลส์ ปีเตอร์มาริตซ์เบิร์กและยังไม่ได้อภิเษกสมรสและมีพระโอรส 1 พระองค์ แหล่งข้อมูลบางแห่งอ้างว่าทรงสำเร็จการศึกษาระดับนานาชาติ ในขณะที่คนอื่น ๆ ระบุว่าพระองค์ยังทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาในแจ็กสันวิลล์รัฐฟลอริดา
1162441
198741
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162441
ทุพภิกขภัยในประเทศเอธิโอเปีย พ.ศ. 2526–2528
ทุพภิกขภัยในประเทศเอธิโอเปียในปี 1983 ถึง 1985 เป็นทุพภิกขภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1.2 ล้านคน และมีผู้อพยพหนีออกจากประเทศอีกราวสี่แสนคน และ 2.5 ล้านคนต้องสูญเสียที่อยู่ภายในประเทศ และเด็กมากกว่า 200,000 คนถูกทิ้งกำพร้า ข้อมูลจากฮิวแมนไรตส์วอตช์ระบุว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของการเสียชีวิตนี้สามารถระบุได้ว่าเกิดจาก "การกระทำอันขัดต่อสิทธิมนุษยชนที่ทำให้ทุพภิกขภัยเกิดเร็วขึ้น หนักขึ้น และยาวนานขึ้นมากกว่าที่ควรจะรับมือได้" ทุพภิกขภัยปี 1983–1985 มักมีการให้เหตุผลว่าเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของฤดูแล้ง อย่างไรก็ตาม ฮิวแมนไรตส์วอตช์ระบุว่าทุพิกขภัยจากฤดูแล้งเพียงลำพังจะดำเนินไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ทั้งฮิวแมนไรตส์วอตช์และออกซแฟมยูเคระบุว่าทุพภิกขภัยนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1961 โดยเหตุการณ์ระหว่างปี 1983–1985 เกิดขึ้นโดยจงใจจากนโยบายของรัฐบาลในฐานะส่วนหนึ่งของยุทธวิธีเพื่อปราบความไม่สงบโดยเฉพาะเพื่อลดทอนกำลังทหารของกองกำลังปลดแอกทีกราย และเพื่อ "ปฏิรูปสังคม" ในพื้นที่ที่มีความสงบปกติ (นอกทีกรายและเวโล)
1162455
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162455
วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์ยุโรป 2021
วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์ยุโรป 2021 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 32 ของวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์ยุโรป จัดขึ้นโดยสมาพันธ์วอลเลย์บอลยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลวอลเลย์บอลของทวีปยุโรป เป็นครั้งที่สองที่จะมีการแข่งขันในสี่ประเทศ คือ เซอร์เบีย บัลแกเรีย โครเอเชียและโรมาเนีย
1162456
284562
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162456
วรรณะที่ถูกกำหนดและชนเผ่าที่ถูกกำหนด
วรรณะที่ถูกกำหนด หรือ ผู้ด้อยโอกาสทางวรรณะ (ย่อว่า SC) และ ชนเผ่าที่ถูกกำหนด (ย่อว่า ST) เป็นกลุ่มคนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศอินเดีย ทั้งสองคำปรากฏในรัฐธรรมนูญอินเดีย และในสมัยเจ้าอาณานิคมอังกฤษ กลุ่มคนเหล่านี้ถูกเรียกว่า ชนชั้นระดับล่าง ในวรรณกรรมยุคใหม่ "ชนชั้นที่ถูกกำหนด" บางครั้งถูกเรียกแทนด้วยคำว่า ทลิต อันแปลว่า "ผู้แตกหัก" ในภาษามราฐี การใช้คำนี้ถูกทำให้เป็นที่นิยมโดยชายชาวทลิต บี อาร์ อัมเพทกร (1891–1956) นักเศรษฐศาสตร์, นักปฏิรูป และประธานร่างรัฐธรรมนูญอินเดีย ผู้นำทลิตในยุคต่อสู้เพื่อเอกราช อัมเพทกรเลือกใช้คำว่าทลิตแทนที่จะใช้คำที่มหาตมะ คานธีใช้ หริชน อันแปลว่า "คนของหริ" (หริในที่นี้หมายถึงพระวิษณุและอาจหมายถึงพระเจ้าโดยรวม) วรรณะที่ถูกกำหนดและชนเผ่าที่ถูกกำหนดคิดเป็นประชากร 16.6% และ 8.6% ของประเทศอินเดียตามลำดับ (ข้อมูลจากสำมะโนปี 2011) ในรัฐบัญญัติฉบับแรกที่ว่าด้วยวรรณะและชนเผ่ากำหนดในปี 1950 ระบุวรรณะไว้ 1,108 วรรณะ และชนเผ่า 744 ชนเผ่า นับตั้งแต่การได้รับเอกราช ทั้งสองกลุ่มชนได้รับสถานะรีเซิร์ฟพิเศษตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งยืนยันการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้กับกลุ่มชนเหล่านี้
1162467
361203
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162467
เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ 2020
เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ ฤดูกาล 2020 เป็นการแข่งขันฟุตบอลเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพครั้งที่ 11 ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลประจำปีระหว่างทีมชนะเลิศบุนเดิสลีกาและเดเอ็ฟเบ-โพคาลในฤดูกาลก่อนหน้า ไบเอิร์นมิวนิกพบกับโบรุสซีอาดอร์ทมุนด์ รองแชมป์บุนเดิสลีกา แข่งขันกันในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2020 การแข่งขันมีกำหนดเดิมที่จะแข่งขันในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ก่อนเปิดฤดูกาลบุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2020–21 แต่การระบาดทั่วของโควิด-19 ทำให้บุนเดิสลีกาถูกเลื่อนไปเปิดฤดูกาลในเดือนกันยายน ค.ศ. 2020 ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 การแข่งขันนัดนี้จึงไม่มีผู้เข้าชมในสนามอัลลีอันทซ์อาเรนา เมืองมิวนิก ไบเอิร์นมิวนิกได้เข้าแข่งขันจากการคว้าแชมป์บุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2019–20 และเดเอ็ฟเบ-โพคาล ฤดูกาล 2019–20 เนื่องด้วยไบเอิร์นชนะเลิศทั้งสองรายการ ทำให้ โบรุสซีอาดอร์ทมุนด์ได้เข้าแข่งขันแทนในฐานะรองแชมป์บุนเดิสลีกา การแข่งขันนัดนี้มีบีบีอานา ชไตน์เฮาส์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ตัดสินหญิงได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ในการแข่งขัน และยังเป็นการตัดสินครั้งสุดท้ายในอาชีพของเขาอีกด้วย ไบเอิร์นมิวนิกชนะการแข่งขันในนัดนี้ด้วยคะแนน 3–2 นับเป็นแชมป์ซูเปอร์คัพครั้งที่แปดของสโมสร ทีม. "ในตารางนี้ ห้วข้อ การเข้ารอบก่อนหน้านี้ หมายถึงเฉพาะการเข้าแข่งขันภายใต้ชื่อ เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ เท่านั้น" สนามแข่งขัน. การแข่งขันเกิดขึ้นที่สนามอัลลีอันทซ์อาเรนาซึ่งเป็นสนามเหย้าของไบเอิร์นมิวนิก เป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงกติกาโดยให้แชมป์บุนเดสลีกาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแทนแชมป์เดเอ็ฟเบ-โพคาลหรือทีมรองชนะเลิศจากบุนเดสลีกาในกรณีที่อีกทีมหนึ่งชนะเลิศทั้งสองรายการ โดยเป็นครั้งที่สองที่จัดที่สนามแห่งนี้ โดยก่อนหน้านี้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 2012) และเป็นครั้งที่สามที่แข่งขันในเมืองมิวนิก (นอกจากนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1994 ที่โอลึมพีอาชตาดีอ็อน) การแข่งขัน. รายละเอียด. <onlyinclude></onlyinclude> บันทึก. <templatestyles src="รายการอ้างอิง/styles.css" />
1162475
316710
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162475
มาริยะ ทาเกอูจิ
มาริยะ ทาเกอูจิ (; โรมาจิ: "Takeuchi Mariya"; เกิด 20 มีนาคม ค.ศ. 1955) เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงหญิงชาวญี่ปุ่น ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในแนวเพลงซิตีป็อป และเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายดีที่สุดตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่น โดยมียอดขายถึง 16 ล้านแผ่นและได้รับรางวัลมากมาย ทาเกอูจิเกิดที่เมืองไทชะ เขตฮิกาวะ โดยปัจจุบันคือเมืองอิซูโมะ จังหวัดชิมาเนะ และศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคโอ เธอเซ็นสัญญาเป็นนักร้องกับค่ายเพลงอาร์ซีเอใน ค.ศ. 1978 ด้วยอัลบั้มเปิดตัว "บีกินนิง" โดยอัลบั้มดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในออริคอนชาร์ต อันดับที่ 17 ต่อมา เธอออกอัลบั้มทั้งหมดสี่ชุดระหว่าง ค.ศ. 1979 ถึง 1981 โดยอัลบั้มทั้งสี่ชุดประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอัลบั้ม "เลิฟซองส์" กลายเป็นผลงานแรกของเธอที่ขึ้นอันดับที่ 1 ในออริคอนชาร์ต ทาเกอูจิประกาศว่าเธอจะหยุดพักชั่วคราวใน ค.ศ.1981 โดยยุติสัญญากับอาร์ซีเอ สามปีต่อมา ทาเกอูจิกับสามีของเธอ ทัตสึโระ ยามาชิตะ เซ็นสัญญาค่ายเพลงมูน และเธอก็กลับมาด้วยสตูดิโออัลบั้มที่หกของเธอ "วาไรตี" ใน ค.ศ. 1984 โดยได้วางจำหน่ายในระดับสากลและส่งให้เธอให้ประสบความสำเร็จในกระแสหลัก และขึ้นอันดับที่ 1 ในออริคอนชาร์ต ซิงเกิลเพลง"พลาสติกเลิฟ" ซึ่งวางจำหน่ายใน ค.ศ. 1985 กลายเป็นเรื่องประหลาดใจนอกประเทศญี่ปุ่นใน ค.ศ. 2017 หลังจากการอัปโหลดเพลงบนยูทูบกลายเป็นไวรัล เพลงนี้ก่อให้เกิดลัทธิตามมาและถูกมองว่าเป็นแก่นของการฟื้นฟูความสนใจในแนวเพลงซิตีป็อปในช่วงปลายทศวรรษ 2010 หลังจากอัลบั้มของเธอประสบความสำเร็จตลอดช่วงปลายทศวรรษ 1970 และ 1980 ทาเกอูจิเริ่มออกอัลบั้มน้อยลง โดยอัลบั้มล่าสุดวางจำหน่ายเมื่อ ค.ศ. 2014 ขณะที่เธอเปลี่ยนไปมุ่งเน้นในการทำงานและปล่อยซิงเกิลเดี่ยว ตั้งแต่ ค.ศ. 1981 ทุกซิงเกิลที่เธอออก ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในออริคอนชาร์ต เธอยังสังกัดอยู่กับค่ายเพลงมูน โดยทำงานกับสังกัดย่อยต่าง ๆ ตั้งแต่เซ็นสัญญาใน ค.ศ. 1984 และตั้งแต่ ค.ศ. 1998 เธอเซ็นสัญญากับวอร์เนอร์มิวสิกเจแปน และปล่อยซิงเกิล "อิโนะจิโนะอูตะ" ใน ค.ศ. 2012 (ซึ่งเธอได้บันทึกเสียงใหม่ใน ค.ศ. 2020) โดยเพลงดังกล่าวขึ้นอันดับที่ 1 ในออริคอนชาร์ต ทำให้เธอเป็นนักร้องที่อายุมากที่สุดที่ซิงเกิลได้รับการจัดอันดับที่ 1
1162481
438914
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162481
โปรเฟสชันนอลเดเวลอปเมนต์ลีก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ฤดูกาล 2020–21
โปรเฟสชันนอลเดเวลลอปเมนต์ลีก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ฤดูกาล 2020–21 เป็นฤดูกาลที่ 9 ของระบบการแข่งขัน โปรเฟสชันแนลเดเวลลอปเมนต์ลีก. เบิร์นลีย์, คริสตัลพาเลซ และ ลีดส์ยูไนเต็ด เข้าร่วมพรีเมียร์ลีก 2 สำหรับฤดูกาล 2020–21 หลังจากได้รับสถานะอะคาเดมี่ระดับหนึ่ง. ก่อนจะเริ่มต้นฤดูกาล สวอนซีซิตี ออกจากลีกหลังจากลดระดับอะคาเดมี่ของพวกเขาไปสู่ประเภทที่สอง. "ณ วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2021"
1162485
510125
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162485
พลาสติกเลิฟ
พลาสติกเลิฟ (อังกฤษ: "Plastic Love" #เปลี่ยนทาง) เป็นเพลงโดยนักร้องชาวญี่ปุ่น มาริยะ ทาเกอูจิ ในอัลบั้มยอดนิยมที่สุดของเธอ "วาไรที" รวมถึงได้ปล่อยในรูปซิงเกิลแยกในเวลาถัดมา ซิงเกิลมีลักษณะดนตรีแบบซิทีป็อป และได้รับการตอบรับกลาง ๆ ด้วยยอดจำหน่ายราว 10,000 ฉบับ ในปี 2017 เพลงได้รับการนิยมขึ้นมากในระดับนานาชาติหลังฉบับรีมิกซ์ ความยาว 6 นาทีได้ถูกอัปโหลดขึ้นบนยูทูบ และมียอดเข้าชมถึง 24,000,000 ครั้งในเวลาอันสั้น ก่อนที่จะถูกนำออกด้วยปัญหาลิขสิทธิ์ วิดีโอถูกแก้ไขปัญหาลิขสิทธิ์เสร็จสิ้นในปี 2019 และมียอดเข้าชมสะสมมากกว่า 60 ล้านครั้ง การผลิตและเผยแพร่. "พลาสติกเลิฟ" แต่งและขับร้องโดยทาเคอูจิ และโปรดิวซ์โดยสามีของเธอ ทัตซูโระ ยามาชิตะ ในบทสัมภาษณ์หนึ่งกับ "เดอะเจแปนไทมส์" ทาเคอูจิระบุว่า: "ฉันอยากแต่งเพลงที่เต้นไปด้วยได้ (danceable) บางอย่างที่มีความเป็นซิตีป็อป ... [เนื้อเพลง] บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่สูญเสียชายคนที่เธอรักจริงไป" การบรรเลงกีตาร์ในเพลงเป็นของยามาชิตะ ส่วนยาซูฮารุ นากานิชิ (Yasuharu Nakanishi) บรรเลงเปียโนไฟฟ้า, โคกิ อิโต (Kōki Itō) บรรเลงกีตาร์เบส และจูน อาโอยามะ (Jūn Aoyama) บรรเลงกลอง เพลงปล่อยออกมาครั้งแรกในอัลบั้มยอดฮิตอันดับหนึ่งของทาเคอูจิ "วาไรที" (1984) และต่อมาปล่อยในรูปแบบซิงเกิลเดี่ยว นับเป็นซิงเกิลลำดับที่สิบสองของเธอ ซิงเกิลสิบสองนิ้ว. เพลงฉบับซิงเกิลสิบสองนิ้วถูกปล่อยเมื่อ 15 มีนาคม 1985 ซึ่งมี "เวอร์ชันคลับมิกซ์" (extended club mix) และ "รีมิกซ์ใหม่" (new re-mix) ของเพลง ซิงเกิลนี้ขึ้นสู่อันดับสูงสุดอยู่ที่ที่ 86 บนโอริกอนซิงเกิลส์ชาร์ตเท่านั้น ความนิยมระลอกใหม่. ในัวนที่ 5 กรกฎาคม 2017 รีมิกซ์ความยาว 8 นาทีซึ่งรีมิกซ์โดยแฟนคลับ ในชื่อวิดีโอ "Plastic Love" อัปโหลดขึ้นบนยูทูบ โดยผู้ใช้ชื่อ "Plastic Lover" ภาพในวิดีโอเป็นภาพที่ครอบตัดของเธอจากอัลบั้ม "Sweetest Music" ถ่ายโดยช่างภาพชาวลอสแอนเจลิส แอลัน เลเวนสัน (Alan Levenson) เพลงนี้ประจวบเหมาะกับกระแสความนิยมในเวเพอร์เวฟ ทำให้วิดีโอเพลงนี้กลายเป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากระบบการแนะนำวิดีโอของอัลกอริธึมยูทูบ การแพร่กระจายของเพลงนี้ยังมีส่วนมาจากอินเทอร์เน็ตมีม, การพูดคุยบนเรดดิท และภาพแฟนอาร์ทภาพของมาริยะจากที่ปรากฏในวิดีโอเผยแพร่ตามสื่ออย่างดีเวียนต์อาร์ต วิดีโอมียอดเข้าชม 24 ครั้ง ก่อนจะถูกนำออกจากเว็บด้วยปัญหาลิขสิทธิ์กับเลเวนสัน แต่ภายหลังแก้ไขปัญหาลิขสิทธิ์เสร็จสิ้นในปี 2019 วิดีโอได้ถูกนำขึ้นบนเว็บไซต์อีกครั้งพร้อมการระบุที่มาของภาพจากเลเวนสัน ไรอัน แบสซิล (Ryan Bassil) จาก "ไวซ์" เรียกขานเพลงนี้ว่าเป็น "เพลงป็อปที่ดีที่สุดในโลก" เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2019 เวอร์ชันสั้นของมิวสิกวิดีโอทางการ ผลงานโปรดิวซ์โดยเคียวทาโร ฮายาชิ (Kyōtaro Hayashi) ได้ถูกอัปโหลดขึ้นบนยูทูบด้วยความยาว 90 วินาที ส่วนฉบับเต็มซึ่งยาวประมาณ 5 นาที ซึ่งมีรวมไว้ในดีวีดีและบลูเรย์ของ "Souvenir the Movie" ปล่อยในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2020 เวอร์ชันคัฟเวอร์จำนวนมากของ "พลาสติกเลิฟ" มีปรากฏอยู่เช่นกัน รวมทั้งโดยโทฟูบีทส์, ไฟรเดย์ไนท์แพลนส์ และ ชาย
1162520
179988
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162520
สนธิสัญญาสันติภาพสำหรับอิตาลี ค.ศ. 1947
สนธิสัญญาสันติภาพสำหรับอิตาลี (หนึ่งในสนธิสัญญาสันติภาพปารีส) เป็นสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามระหว่างอิตาลีกับประเทศฝ่ายพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง
1162526
469463
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162526
ชูศรี มีสมมนต์
ชูศรี มีสมมนต์ (26 มกราคม พ.ศ. 2472 – 4 ธันวาคม พ.ศ. 2535) นักแสดงหญิงชื่อดังในอดีต เจ้าของฉายา "ราชินีแห่งบทตลก" คู่ขวัญคู่ฮากับล้อต๊อก มีผลงานการแสดงทางด้านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มากมายหลายเรื่อง ประวัติ. ชูศรี มีสมมนต์ เกิดวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2472 ณ บ้านพระญาณเวช ผู้เป็นตา ตั้งอยู่หลังกำแพงวัดรังษีสุทธาวาส (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร) เจ้าตัวเคยเล่าว่าพื้นเพดั้งเดิมมาจากภาคอีสาน สำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนนาฏศิลป์ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 5 และต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนขัตติยานีผดุง โดยทางครอบครัวอยากให้เรียนพยาบาลแต่เธอรักการร้องรำทำเพลงมากกว่า ชูศรีเคยสมรสกับบุคคลร่วมวงการ คือ เชิด โรจนประดิษฐ์ ซึ่งรักกันมาตั้งแต่อายุ 17 ก่อนจะหย่าร้างกัน และกลับมาใช้นามสกุลมีสมมนต์เหมือนเดิม เข้าสู่วงการ. ชูศรีเริ่มเข้าสู่วงการเมื่อ อ.ลัดดา สารตายนต์ แห่งโรงเรียนนาฏศิลป์ได้ตั้งขณะละครเวทีขึ้นแสดงที่โรงละครแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2484 โดยเรื่องแรกที่ทำคือ ผกาวลี มีอุโฆษ จันทร์เรืองเป็นพระเอก ชูศรีเป็นตัวตามนางเอก โดยผู้สอนบทบาทการแสดงให้เธอคืออบ บุญติด ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากจนอ.ลัดดา นำชื่อละครเรื่องนี้มาตั้งเป็นชื่อคณะละครว่า"คณะผกาวลี" ชูศรีมีชื่อเสียงมากในช่วงปี พ.ศ. 2484 - พ.ศ. 2497 มีโอกาสร่วมแสดงละครเวทีกับคณะที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น เช่น คณะเทพศิลป์การละคร คณะศิวารมณ์, คณะอัศวินการละคร, คณะวิจิตรเกษม, คณะชื่นชุมนุมศิลปิน และคณะลูกไทย เป็นต้น และยังเป็นนักร้องบันทึกเสียงเพลงหลายเพลงด้วยกัน โดยในช่วงหลังเธอเป็นนักร้องรับเชิญให้วงเชาว์ แคล่วคล่อง วงพยงค์ มุกดา เป็นต้น ชูศรีมีชื่อเสียงรุ่นเดียวกันกับ ส.อาสนจินดา, ดอกดิน กัญญามาลย์, ล้อต๊อก, ท้วม ทรนง, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, สมควร กระจ่างศาสตร์, ก๊กเฮง, สมพงษ์ พงษ์มิตร, กัณฑรีย์ นาคประภา, สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต เป็นต้น หลังจากละครเวทีเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงชูศรีหันมารับงานแสดงจอเงินแทนโดยแสดงเรื่องแรกคือเรื่องแม่ค้าหาบเร่ซึ่งเธออำนวยการสร้าง มีเติม โมรากุล และกรองจิตต์ เตมีย์ศิลปินเป็นนางเอก ต่อมาเธอมีงานการแสดงภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากมีผลงานการแสดงมากกว่า 500 เรื่อง ในยุคมิตร - เพชราเธอเป็นนักแสดงคิวทองอีกคนที่มีผลงานทั้งทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ ชูศรี เคยสร้างภาพยนตร์โดยใช้ชื่อผู้สร้างว่า"สองสาวภาพยนตร์" เรื่องแรกคือแม่ค้าหาบเร่ เรื่องถัดมาคือในฝูงหงส์โดยจับรวงทอง ทองลั่นธม นักร้องดังมาประกบกับมิตร ชัยบัญชา แต่หนังก็ได้เงินน้อย แต่ชูศรีก็ไม่ละความพยายามมีผลงานต่อมาคือสามเกลอเจอล่องหน โดยจับมิตร-เพชรา ประกบกันแต่ก็เจ๊งตามเคย แต่เธอก็ยังมีผลงานอำนวยการสร้างต่อมาอีกหลายเรื่อง โดยเธอเคยผลิตรายการชูศรีจู๋จี๋และศาลาชวนหัวทางโทรทัศน์อีกด้วย เสียชีวิต. ชูศรีป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีกทางฝั่งซ้าย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 โดยไปไหนก็ต้องใช้ไม้เท้าหรือนั่งรถเข็นแต่ยังทำงานไม่หยุดพัก ในช่วงบั้นปลายเธอยังมีการรับการแสดงช่วงกลางคืนในคาเฟ่อีกด้วย ในวันที่เสียชีวิตชูศรีกำลังเดินทางไปถ่ายทำละครเรื่อง "เจ้าจอม" โดยมีหลานเป็นผู้ขับรถไปให้ชูศรีเกิดอาการหมดสติขณะอยู่บนรถ หลานปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นจึงนำชูศรีส่งโรงพยาบาล ทางแพทย์พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตชูศรีไว้ได้ ชูศรีได้เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ที่โรงพยาบาลนนทเวช มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2536 ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
1162527
396583
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162527
รางวัลละครเกาหลี
รางวัลละครเกาหลี เป็นงานประกาศรางวัลสำหรับความเป็นเลิศทางโทรทัศน์ในประเทศเกาหลีใต้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 และจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนตุลาคมที่เมืองจินจู จังหวัดคยองซังใต้ โดยเป็นกิจกรรมหลักอย่างเป็นทางการของเทศกาลละครเกาหลีประจำปี (ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว) ระยะเวลาที่มีสิทธิ์เข้าชิงคือตุลาคมของปีก่อนหน้าถึงกันยายนของปีปัจจุบัน ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะได้รับเลือกจากละครเกาหลีที่ออกอากาศทางเครือข่ายการแพร่ภาพใหญ่ 3 แห่ง (เคบีเอส, เอ็มบีซี และ เอสบีเอส) และช่องเคเบิล ในปี 2552 พิธีนี้ถูกยกเลิกเนื่องจากการระบาดของการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
1162531
79882
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162531
โจวานา เปรโควิช
โจวานา เปรโควิช (อักษรโรมัน: Jovana Preković; 20 มกราคม ค.ศ. 1996 –) เป็นนักกีฬาคาราเต้ชาวเซอร์เบีย ที่แข่งในรายการคูมิเตะรุ่นน้ำหนัก 61 กก. (ค.ศ. 2018 และ 2021) และแชมป์โอลิมปิก ค.ศ. 2020 ในการปรากฏตัวเดี่ยวของคาราเต้ในรายการการแข่งกีฬาโอลิมปิก
1162546
292898
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162546
ฟุตบอลลีกเพลย์ออฟ ฤดูกาล 2021
การแข่งขัน ฟุตบอลลีกเพลย์ออฟ ของ ฤดูกาล 2020–21 จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021 กับรอบชิงชนะเลิศทั้งหมดจัดขึ้นที่สนาม เวมบลีย์ ใน ลอนดอน รอบเพลย์ออฟเริ่มต้นที่รอบรองชนะเลิศกับรอบรองชนะเลิศทั้งหมดจะลงเล่นสองนัด ทีมที่เข้าร่วมมาจากทีมอันดับที่ 3, 4, 5 และ 6 ใน แชมเปียนชิป และ ลีกวัน และทีมอันดับที่ 4, 5, 6 และ 7 ในตารางคะแนน ลีกทู เมื่อจบฤดูกาล 2020–21 ทีมชนะเลิศของรอบรองชนะเลิศจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ผู้ชนะของรอบชิงชนะเลิศจะได้เลื่อนชั้นในฤดูกาลถัดไป กฏประตูทีมเยือน ไม่ได้รับการอนุมัติในรอบรองชนะเลิศเพลย์ออฟต่อมาตรฐานดั้งเดิมได้ ภูมิหลัง. ฟุตบอลลีกเพลย์ออฟได้จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987. พวกเขาใช้พื้นที่สำหรับแต่ละดิวิชันตามแต่ข้อสรุปของฤดูกาลปกติและได้เข้ารับการเข้าร่วมโดยสี่สโมสรที่เสร็จสิ้น ด้านล่างตามการเลื่อนชั้นอัตโนมัติ. ลีกแชมเปียนชิป. เลกที่สอง. "รวมผลสองนัด เบรนต์ฟอร์ด ชนะ 3–2." "รวมผลสองนัด สวอนซีซิตี ชนะ 2–1." ลีกวัน. เลกแรก เลกที่สอง "รวมผลสองนัด แบล็กพูล ชนะ 6–3." "รวมผลสองนัด ลินคอล์นซิตี ชนะ 3–2." ลีกทู. เลกแรก เลกที่สอง
1162550
43396
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162550
วัดเตว็ด
วัดเตว็ด โบราณสถานประเภทวัดร้างที่ตั้งอยู่ริมคลองปทาคูจาม ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเหลือตัวอาคารมีเพียงผนังสกัดหน้า เหลืออยู่เพียงด้านเดียว ลักษณะเป็นอาคารสองชั้นก่ออิฐถือปูน ยกพื้นมีใต้ถุนสูง เจาะช่องประตูเป็นรูปวงโค้ง ใช้ระบบผนังรับน้ำหนักหลังคา วัดเตว็ดถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นอยุธยาในสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือหลังจากนั้น เพราะอุโบสถของวัดเตว็ดถูกสร้างในรูปแบบคล้าย ๆ กับโบสถ์คริสต์ตามสไตล์ตะวันตก มีหน้าบันที่ประดับปูนปั้นลายพรรณพฤกษา ลายก้านขดอิทธิพลศิลปะตะวันตกและรูปหน้าชาวตะวันตก ขนาดอาคารประมาณกว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร นอกจากนั้นยังได้พบฐานใบเสมาหนึ่งแห่ง ขนาดอุโบสถกว้าง 17 เมตร ยาว 32 เมตร เคยผ่านการบูรณะหลายสมัย กรมศิลปากรดำเนินการทางโบราณคดี ได้มีการขุดค้นและขุดแต่งโบราณสถานในบริเวณวัด ได้แก่ เจดีย์ อุโบสถ มณฑปและวิหาร มีการแบ่งเขตสังฆาวาสและพุทธาวาส ต่อมาได้พบแนวอิฐที่ถูกเรียงในลักษณะเป็นทางเดินจากอาคารของวัดมุ่งสู่ "คลองคูจาม" ซึ่งปัจจุบันมีถนนที่ถูกสร้างขึ้นเลียบคลองในภายหลังคั่นอยู่ ชื่อของวัดปรากฏอยู่ในพงศาวดาร รวมถึงแผนที่ของพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ก็ระบุตำแหน่งวัดแห่งนี้ไว้ วัดเตว็ดอยู่ใกล้ชิดติดกับตำหนักของกรมหลวงโยธาเทพ พระราชธิดาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและพระอัครมเหสีฝ่ายขวานสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งได้เสด็จมาผนวชเป็นแม่ชี พร้อมกับตรัสน้อยผู้เป็นพระราชโอรสที่เสด็จมาบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้ วัดเตว็ดแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดท่าหอย ที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระอริยวงษญาณ (สุก ญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
1162555
12204377
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162555
พระธรรมราชาธิราชรามาธิบดีที่ 2
สมเด็จพระธรรมราชาธิราชรามาธิบดีที่ 2 (ព្រះបាទស្រីធម្មរាជាទី២,พ.ศ.2141 - 2177) บางทีรู้จักในฐานะ พญาตู (ពញាតូ) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชาซึ่งครองราชบัลลังก์ระหว่าง พ.ศ.2171 ถึง 2174 พญาตูเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ของ พระไชยเชษฐาที่ 2 พระองค์ขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดาในฐานะกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2171 เวลาเดียวกัน พระองค์สถาปนาพระเจ้าอาคือ พระอุไทย เป็นผู้สำเร็จราชการ ในตำแหน่ง พระมหาอุปโยราช (ឧភយោរាជ) ซึ่งมักจะเป็นพระอิสริยยศของกษัตริย์ที่สละราชบัลลังก์แล้ว แต่ยังคงพระราชอำนาจบริหารไว้ พญาตูทรงพอพระทัยนักองค์วาที พระขนิษฐาต่างพระมารดา และหมายที่จะให้ถวายตัวเป็นบาทบาจาริกาในพระองค์ อย่างไรก็ตามนักองค์วาทีได้ถวายตัวเป็นพระสนมของพระอุไทย ในปี พ.ศ. 2173 แต่พระองค์ได้ทรงตกหลุมรัก นักองค์วาที อย่างสุดซึ้งและแอบมีปฏิพัทธ์เสน่หากันแบบลับๆ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ได้ล่วงรู้ถึงพระอุไทย ทำให้พระอุไทยเกิดความเจ็บแค้นเป็นอันมาก โดยขณะที่พระศรีธรรมราชาที่ 2 เสด็จเยือน เมืองพระนคร พระองค์ถูกทหารรับจ้างต่างด้าวของพระอุไทยสังหารระหว่างหลบหนี เมื่อพระองค์ทิวงคตแล้วพระอุไทยจึงอัญเชิญนักองค์นูพระอนุชาของพระองค์ขึ้นสืบราชสมบัติแทนพระนามว่า พระองค์ทองราชา
1162562
512229
https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1162562
การทิ้งระเบิดจังหวัดพระนครในสงครามโลกครั้งที่สอง
กรุงเทพมหานคร (จังหวัดพระนครในขณะนั้น) เมืองหลวงของประเทศไทย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการโจมตีทางอากาศหลายครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2488 โดยเฉพาะในช่วงปลายของสงคราม กรุงเทพมหานครตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายสัมพันธมิตร เนื่องจากไทยได้ร่วมมือกับจักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายอักษะ การโจมตีครั้งสำคัญเริ่มรุนแรงขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2487 โดยในเดือนมิถุนายนของปีดังกล่าว ฝ่ายสัมพันธมิตรได้เริ่มใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ โบอิง บี-29 ซูเปอร์ฟอร์เทรส (Boeing B-29 Superfortress) ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น มีพิสัยการบินไกลและสามารถบรรทุกระเบิดจำนวนมาก การใช้ บี-29 ถือเป็นก้าวสำคัญในยุทธศาสตร์การโจมตีทางอากาศ โดยเป้าหมายหลักคือโครงสร้างพื้นฐานทางการทหาร การคมนาคม และสถานีรถไฟในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตรเห็นว่าเป็นศูนย์กลางสนับสนุนของญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การทิ้งระเบิดเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทั้งทรัพย์สินและชีวิตของพลเรือนจำนวนมาก หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครถูกทำลาย รวมถึงสถานีรถไฟ สะพาน และอาคารราชการบางส่วน ขณะเดียวกัน การโจมตียังมีผลต่อขวัญและกำลังใจของประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก แม้รัฐบาลไทยภายใต้การนำของจอมพล แปลก พิบูลสงครามจะพยายามควบคุมข้อมูลข่าวสาร แต่ความเสียหายก็ไม่อาจปกปิดได้ทั้งหมด เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่สองต่อประเทศไทยอย่างชัดเจน ภูมิหลัง. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยภายใต้การนำของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ได้ดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกฝ่ายอักษะ ภายหลังการรุกรานของญี่ปุ่นเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ไทยได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือทางทหารกับญี่ปุ่น และอนุญาตให้ญี่ปุ่นใช้ดินแดนไทยเป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพล เสบียง และยุทโธปกรณ์เพื่อใช้ในปฏิบัติการทางทหารในประเทศพม่าและประเทศอินเดีย นโยบายดังกล่าวนำไปสู่การวางรากฐานของประเทศไทยในฐานะพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อสถานการณ์ในยุทธการที่พม่าทวีความเข้มข้นในปลายปี พ.ศ. 2485 และฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มมีความได้เปรียบทางทหาร ญี่ปุ่นประเมินว่าประเทศไทยมีแนวโน้มจะตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตรผ่านพรมแดนด้านตะวันตก จึงได้จัดตั้งกองทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (Japanese Thailand Garrison Army) ขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 โดยมีภารกิจในการป้องกันประเทศไทยจากการรุกรานของฝ่ายสัมพันธมิตร การจัดตั้งกองกำลังดังกล่าวสะท้อนถึงการวางบทบาทของไทยในฐานะพื้นที่ยุทธศาสตร์และเสริมสร้างอิทธิพลของญี่ปุ่นภายในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม ในด้านยุทธศาสตร์การทิ้งระเบิดทางอากาศ ฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินการโจมตีเป้าหมายภายในกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่นในไทย โดยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2487 เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลแบบ โบอิง บี-29 ซูเปอร์ฟอร์เทรส (Boeing B-29 Superfortress) ได้ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการทางอากาศต่อกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นการใช้งานจริงของ บี-29 นอกหมู่เกาะญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเช่นกัน โดยแผนการปฏิบัติการนี้มีการหารือในระดับสูงระหว่างแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และวินสตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ซึ่งเสนอให้โจมตีเป้าหมายสำคัญ เช่น ทางรถไฟและท่าเรือ เพื่อจำกัดความสามารถของญี่ปุ่นในการใช้ไทยเป็นฐานเสบียง ภารกิจทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับการสนับสนุนอย่างสำคัญจากขบวนการเสรีไทย ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านการครอบงำของญี่ปุ่นภายในประเทศ ขบวนการเสรีไทยมีบทบาทสำคัญในการจัดหาข่าวกรองเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของฐานทัพญี่ปุ่น การเคลื่อนไหวของกองกำลัง และสภาพภูมิอากาศเหนือเป้าหมาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง ความร่วมมือระหว่างขบวนการเสรีไทยและฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่นำไปสู่การฟื้นฟูสถานะของประเทศไทยภายหลังสงคราม และการหลีกเลี่ยงบทลงโทษในฐานะประเทศที่เคยเป็นพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ เป้าหมาย. ในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะกองทัพสหรัฐอเมริกาและกองทัพสหราชอาณาจักร ได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อประเทศไทยซึ่งขณะนั้นอยู่ในฐานะพันธมิตรของจักรวรรดิญี่ปุ่น เป้าหมายหลักของการโจมตีคือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่มีบทบาทในทางยุทธศาสตร์ เพื่อขัดขวางการเคลื่อนกำลังพลและเสบียงของญี่ปุ่น ตลอดจนสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลไทยให้ยุติความร่วมมือกับฝ่ายอักษะ การโจมตีดังกล่าวครอบคลุมสะพาน สถานีรถไฟ โรงไฟฟ้า และเส้นทางคมนาคมหลัก โดยมีเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้ สะพานพระราม 6. เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2488 สะพานพระราม 6 ซึ่งเชื่อมระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร ได้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 ของสหรัฐอเมริกา ที่ปล่อยระเบิดจำนวน 4 ลูกลงยังโครงสร้างสะพานทั้งสองฝั่ง การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อทำลายเส้นทางคมนาคมสำคัญซึ่งญี่ปุ่นใช้ในการเคลื่อนกำลังทหารและอุปกรณ์ โดยสะพานพระราม 6 ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีจุดอื่น ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น สถานีรถไฟหัวลำโพง, สถานีรถไฟบางกอกน้อย และโรงไฟฟ้าวัดเลียบ เพื่อบ่อนทำลายความสามารถในการสนับสนุนของญี่ปุ่นจากภายในประเทศ โรงไฟฟ้าวัดเลียบ. เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2488 ฝ่ายอังกฤษได้ส่งเครื่องบินโจมตีเป้าหมายที่โรงไฟฟ้าวัดเลียบซึ่งเป็นโรงผลิตไฟฟ้าหลักของกรุงเทพมหานครในขณะนั้น การโจมตีประสบความสำเร็จในการทำลายโรงงานอย่างรุนแรง ส่งผลให้กรุงเทพมหานครขาดแคลนไฟฟ้าและน้ำประปานานกว่า 2 เดือนจนกว่าการซ่อมแซมจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ ยังมีการทิ้งระเบิดผิดเป้าหมายจำนวนหนึ่ง ทำให้วัดราชบุรณราชวรวิหารและจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่งได้รับความเสียหาย สะท้อนให้เห็นผลกระทบทางวัฒนธรรมและพลเรือนอันเป็นผลพลอยได้จากปฏิบัติการทางทหาร คลองภาษีเจริญ. ในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2488 ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ส่งเครื่องบิน Consolidated B-24 Liberator จากฝูงบินหมายเลข 356 Squadron เข้าโจมตีคลองภาษีเจริญและคลองดำเนินสะดวก โดยมุ่งเป้าไปที่ประตูน้ำและโครงสร้างควบคุมเส้นทางน้ำ รวมทั้งหมด 4 จุด ซึ่งจากข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นเส้นทางที่ทหารญี่ปุ่นใช้ในการลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ผ่านภาคกลางของไทย การโจมตีมีจุดเริ่มต้นจากแม่น้ำท่าจีน แล้วเคลื่อนเป้าเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ แต่สร้างความเสียหายต่อระบบสาธารณูปโภคและชุมชนโดยรอบในระดับหนึ่ง การต่อต้าน. ในช่วงที่กรุงเทพมหานครตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศจากฝ่ายสัมพันธมิตร กองทัพไทยและกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งประจำการอยู่ในประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ในระดับหนึ่ง แม้ประสิทธิภาพจะถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดด้านยุทโธปกรณ์และยุทธวิธี ฝ่ายไทย. กองทัพอากาศไทยในขณะนั้นได้รับเครื่องบินขับไล่รุ่น นากาจิมะ คิ-43 ฮายาบูซะ จากกองทัพบกญี่ปุ่นจำนวนทั้งสิ้น 24 ลำ ซึ่งเป็นการส่งมอบตามคำสั่งของพลเอก ฮิเดกิ โตโจ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยเครื่องบินเหล่านี้ถูกโอนมาจากเกาะชวา และฝ่ายไทยต้องเดินทางไปรับมอบ ณ เกาะโชนัน (ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์) ถึงแม้กองทัพอากาศไทยจะจัดกำลังเครื่องบินขับไล่ขึ้นต่อสู้เพื่อสกัดกั้นการโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ก็ประสบความล้มเหลวเนื่องจากข้อจำกัดด้านสมรรถนะของเครื่องบิน และความได้เปรียบทางยุทธวิธีของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเฉพาะในช่วงหลังของสงครามที่มีการนำเครื่องบินทิ้งระเบิด โบอิง บี-29 ซูเปอร์ฟอร์เทรส ซึ่งบินในระดับความสูงที่ปืนต่อสู้อากาศยานไม่สามารถยิงถึง ในด้านการป้องกันพลเรือน รัฐบาลไทยได้ประกาศมาตรการเตือนภัยล่วงหน้าผ่านเสียงสัญญาณ "หวอ" เพื่อให้ประชาชนมีเวลาหลบภัย ไม่ว่าจะในหลุมหลบภัยที่ขุดขึ้นเอง หรือในพื้นที่พรางแสงไฟ อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากเลือกที่จะอพยพออกจากกรุงเทพมหานครไปยังเขตชานเมืองหรือต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณถนนสุขุมวิทในเขตบางกะปิซึ่งในเวลานั้นยังเป็นพื้นที่กึ่งชนบท ทั้งนี้ ขบวนการอพยพของประชาชนมีลักษณะคล้ายขบวนคาราวาน โดยการเคลื่อนย้ายมักเกิดขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ตามเส้นทางถนนหลัก ฝ่ายญี่ปุ่น. กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยในขณะนั้นอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพลโท อาเกโตะ นากามูระ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการของ "กองทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทย" ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 เพื่อทำหน้าที่ป้องกันดินแดนไทยในกรณีที่ฝ่ายสัมพันธมิตรดำเนินการรุกรานเข้ามาจากฝั่งพม่า ในด้านการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพญี่ปุ่นได้ติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานในหลายจุดทั่วกรุงเทพมหานคร จุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งคือพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ซึ่งเป็นจุดสูงที่เหมาะแก่การยิงตอบโต้เครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างไรก็ดี การติดตั้งปืนใหญ่อยู่บนโครงสร้างของภูเขาทองดังกล่าวส่งผลให้ส่วนบนของพระบรมบรรพตได้รับความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนอย่างมากในระหว่างการยิง