| id
				 stringlengths 3 7 | revid
				 stringlengths 1 8 | url
				 stringlengths 39 43 | title
				 stringlengths 1 182 | text
				 stringlengths 140 247k | 
|---|---|---|---|---|
| 
	1163390 | 
	500019 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163390 | 
	สการ์เล็ต เน็กซัส | 
	สการ์เล็ต เน็กซัส (SCARLET NEXUS) เป็นเกมแอ็กชันเล่นตามบทบาทที่กำลังจะวางจำหน่าย พัฒนาโดยบันไดนัมโกะสตูดิโอส์และโทเซะ จัดจำหน่ายโดยบันไดนัมโกะเอนเตอร์เทนเมนต์ มีกำหนดจำหน่ายในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564 สำหรับวินโดวส์, เพลย์สเตชัน 4, เพลย์สเตชัน 5, เอกซ์บอกซ์วัน และเอกซ์บอกซ์ซีรีส์เอกซ์และซีรีส์เอส
อนิเมะดัดแปลง.
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2564 ได้มีการประกาศดัดแปลงเกมเป็นซีรีส์อนิเมะโทรทัศน์ ผลิตโดยสตูดิโอซันไรส์ Funimation ถือครองลิขสิทธิ์เผยแพร่นอกทวีปเอเชียโดย เมเดียลิงก์ถือครองลิขสิทธิ์เผยแพร่ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮิโรยูกิ นิชิมูระเป็นผู้กำกับของซีรีส์ โยอิจิ คาโต, โทชิโซ เนโมโตะ และอากิโกะ อิโนอูเอะเป็นผู้เขียนบท ตัวนิชิมูระและยูจิ อิโตะเป็นผู้ออกแบบตัวละคร ฮิโรโนริ อานาซาวะรับผิดชอบดนตรีประกอบซีรีส์ ซีรีส์อนิเมะออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เพลงเปิดของซีรีส์อนิเมะคือเพลง "Red Criminal" โดยวง The Oral Cigarettes
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง 
#เปลี่ยนทาง | 
| 
	1163394 | 
	33113 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163394 | 
	พระเจ้าโอลาฟที่ 2 แห่งเดนมาร์ก | 
	พระเจ้าโอลาฟที่ 2 แห่งเดนมาร์ก (ธันวาคม ค.ศ. 1370 - 3 สิงหาคม ค.ศ. 1387) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก ในพระนาม กษัตริย์โอลาฟที่ 2 (บางครั้งทรงถูกเรียกเป็น "โอลาฟที่ 3") ตั้งแต่ปีค.ศ. 1376 และทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ ในพระนาม พระเจ้าโอลาฟที่ 4 แห่งนอร์เวย์ จนกระทั่งสวรรคต พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์เดียวในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 1 แห่งเดนมาร์กและพระเจ้าโฮกุนที่ 6 แห่งนอร์เวย์ และยังเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้ามักนุสที่ 4 แห่งสวีเดนและพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 4 แห่งเดนมาร์ก
รัชกาล.
เมื่อพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 4 แห่งเดนมาร์ก พระอัยกาฝ่ายพระมารดาเสด็จสวรรคต เจ้าชายโอลาฟยังทรงมีพระชนมายุ 5 พรรษา พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์กโดยสภาเดนฮอฟที่เมืองสลาเกลเซอในปีถัดมา พระราชมารดาของพระองค์คือ สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอแห่งนอร์เวย์ ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่ทรงพระเยาว์ พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็น "รัชทายาทที่แท้จริงแห่งสวีเดน" ซึ่งเป็นคำยืนกรานของพระราชมารดาของพระองค์ เนื่องจากพระเจ้ามักนุสที่ 4 แห่งสวีเดน พระอัยกาฝ่ายพระบิดาของพระองค์ถูกบีบบังคับให้สละราชสมบัติ กษัตริย์โอลาฟได้รับการสรรเสริญในฐานะกษัตริย์ที่แคว้นสคาเนีย รวมถึงเมืองที่ถูกยึดครองโดยสันนิบาตฮันเซอนับตั้งแต่สนธิสัญญาสตราลซุนด์ (ค.ศ. 1370) สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอทรงลงพระปรมาภิไธยในกฎบัตรฮานเฟสเนงแทนพระองค์กษัตริย์โอลาฟ ซึ่งยังทรงพระเยาว์เกินกว่าจะบรรลุนิติภาวะด้วยพระชนมายุ 15 พรรษา ในกฎบัตร กษัตริย์โอลาฟต้องทรงร่วมประชุมสภาเดนฮอฟอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และต้องส่งคืนทรัพย์สินที่กษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 4 สมเด็จตาของพระองค์ทรงยึดจากเหล่าขุนนางไปในช่วงรัชกาลก่อนหน้า
กษัตริย์โอลาฟที่ 2 แห่งเดนมาร์กได้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์หลังจากพระราชบิดาเสด็จวรรคตในปีค.ศ. 1380 เมื่อกษัตริย์โอลาฟทรงบรรลุนิติภาวะในปีค.ศ. 1385 พระราชมารดาก็ยังทรงปกครองประเทศผ่านพระองค์ ด้วยพระองค์ทรงครองราชบัลลังก์นอร์เวย์ เดนมาร์กและนอร์เวย์จึงรวมตัวกันเป็นสหภาพร่วมและปกครองโดยเดนมาร์ก เดนมาร์กและนอร์เวย์มีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกัน มีเพียงสมัยไร้กษัตริย์เป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น จนกระทั่งนอร์เวย์ประกาศเอกราชจากเดนมาร์กในปีค.ศ. 1814
สวรรคตและหลังจากนั้น.
กษัตริย์โอลาฟที่ 2 แห่งเดนมาร์กเสด็จสวรรคตอย่างไม่มีใครคาดคิดที่ปราสาทฟาสเตอโบ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1387 ด้วยพระชนมายุเพียง 16 พรรษา พระบรมศพถูกฝังที่โบสถ์ซอรือบนเกาะเชลลันด์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ฝังพระบรมศพของพระอัยกา และหลังจากนั้นมีการฝังพระบรมศพของพระราชมารดา ณ ที่แห่งนี้เช่นกัน มีข่าวลือหนาหูว่า กษัตริย์โอลาฟทรงถูกลอบวางยาพิษจนสวรรคต หลังจากนั้น สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอ พระราชมารดาของพระองค์ได้รวมสามราชอาณาจักรของสแกนดิเนเวียเป็นหนึ่งเดียวในฐานะรัฐร่วมประมุข หลังจากรัชสมัยกษัตริย์โอลาฟ ไม่มีพระมหากษัตริย์นอร์เวย์พระองค์อื่นใดที่ประสูติบนแผ่นดินนอร์เวย์มากว่า 500 ปี จนกระทั่งสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน ทรงประสูติบนแผ่นดินนอร์เวย์ในปีค.ศ. 1937 การสวรรคตของกษัตริย์โอลาฟที่ 2 ถือเป็นการสิ้นสุดทายาทสายบุรุษของราชวงศ์ยาลโบในสวีเดน
ในปีค.ศ. 1402 มีเรื่องราวของโอลาฟตัวปลอมเกิดขึ้น ซึ่งอ้างตนว่าเป็นพระองค์ ก่อนที่เขาจะถูกสั่งประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น | 
| 
	1163401 | 
	436717 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163401 | 
	มหายุทธศาสตร์ | 
	มหายุทธศาสตร์  คือแนวคิดในภาพรวมเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศหนึ่งหรือกลุ่มประเทศหนึ่งทั้งในยามปกติและในยามสงคราม เป็นการวางแผนในระยะยาวเกินกว่าสิบปี ครอบคลุมด้านความมั่นคง, ด้านการทหาร, ด้านเศรษฐกิจ และด้านการต่างประเทศ 
เซอร์แบซิล เฮนรี ลิดเดลล์ ฮาร์ต นักยุทธศาสตร์ทหารชาวอังกฤษเคยกล่าวถึงมหายุทธศาสตร์ไว้ว่า:
"มหายุทธศาสตร์เป็นการผสมผสานและกำหนดทิศทางต่อทรัพยากรทั้งปวงของประเทศหรือกลุ่มประเทศ เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองหรือการสงคราม"
"มหายุทธศาสตร์ควรจะมีทั้งการคำนวณและการพัฒนาพลังอำนาจทางเศรษฐกิจและพลังอำนาจแห่งชาติด้านประชากร เพื่อที่จะให้มีประชากรที่เพียงพอทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เพื่อนำไปใช้ในการสู้รบในสงคราม เช่นเดียวกันกับพลังอำนาจด้านขวัญกำลังใจในการสู้รบในอันที่จะกระตุ้นพลังอำนาจทางด้านจิตใจของประชาชนในชาติ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังอำนาจของชาติโดยรวม"
สหราชอาณาจักรนิยามคำว่ามหายุทธศาสตร์ว่ามีความหมายเดียวกับ ยุทธศาสตร์ชาติ (national strategy) สหรัฐอเมริกากำหนดให้มหายุทธศาสตร์เป็น ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ (national security strategy) และถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติในเวลาเดียวกัน
มหายุทธศาสตร์มีองค์ประกอบสำคัญห้าส่วน ได้แก่: เป้าหมาย (end), วิธีการ (way), ทรัพยากร (mean), การทดสอบยุทศาสตร์ (strategic test), การประเมินและจัดการความเสี่ยง (assessment/management) ดังนั้น การจะตั้งมหายุทธศาสตร์จำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายหรือความมุ่งประสงของชาติเสียก่อน | 
| 
	1163409 | 
	2746 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163409 | 
	สมุดภาพระบายสี | 
	สมุดภาพระบายสี  เป็นประเภทของสมุดที่มีภาพวาดลายเส้น มีจุดมุ่งหมายให้เพิ่มสีลงไปโดยใช้สีเทียน ดินสอสี ปากกาเคมี การทาสี หรืออื่น ๆ สมุดภาพระบายสีแบบดั้งเดิมจะพิมพ์ลงในกระดาษหรือการ์ด บางเล่มอาจมีปรุรู เพื่อให้สามารถแยกหน้านั้นออกจากสมุดภาพได้ นอกจากนี้บางเล่มอาจมีเรื่องเล่าเพิ่มเติมเข้ามาด้วย ในทุกวันนี้สมุดภาพระบายสีสำหรับเด็กจำนวนมากจะมีการนำตัวการ์ตูนที่เป็นที่นิยมเข้ามาภายในเล่ม ซึ่งสมุดภาพระบายสีเหล่านี้มักถูกใช้ในฐานะสินค้าส่งเสริมความนิยมของการ์ตูนเรื่องนั้น ๆ สมุดภาพระบายสีอาจรวมกิจกรรมอื่นเข้ามา เช่น การเชื่อมต่อจุด วงกต และปริศนาอื่น ๆ บางเล่มอาจมีการใช้สติกเกอร์ร่วมด้วย 
เดิมทีกิจกรรมการระบายสีลงในสมุดภาพเป็นกิจกรรมของชนชั้นขุนนางในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเริ่มแพร่หลายสำหรับเด็กเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์โดยใช้ภาพพิมพ์หิน ซึ่งเริ่มที่แรกในเยอรมนีในคริสต์ทศวรรษ 1790 | 
| 
	1163417 | 
	361321 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163417 | 
	สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา | 
	สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา มหากระษัตรี บรมบพิตร พระนามเดิม นักนางอี เป็นพระธิดาในสมเด็จพระแก้วฟ้า (นักองค์ด้วง) ประสูติแต่นักนางทา ต่อมารับราชการเป็นพระอัครมเหสีในพระนารายน์ราชารามาธิบดี มีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวคือนักองค์เภา บาทบริจาริกาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
พระประวัติ.
สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา เป็นพระธิดาในสมเด็จพระแก้วฟ้า (นักองค์ด้วง) ประสูติแต่นักนางทา ธิดาพระยากระลาโหม (เมี้ยน) และทรงมีเชื้อสายไทยจากพระอัยยิกาฝ่ายพระชนกชื่อนักนางรอด เป็นหญิงจากกรุงศรีอยุธยา มีพระอนุชาร่วมบิดามารดาชื่อนักองค์ธม และพระเชษฐาต่างมารดาไม่มีพระนามอีกพระองค์ เมื่อจำเริญชันษาขึ้นได้ถวายตัวเข้ารับราชการเป็นฝ่ายใน พระนารายน์ราชารามาธิบดีทรงยกนักนางอีขึ้นเป็นพระอัครมเหสีทรงพระนาม "สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา มหากระษัตรี บรมบพิตร" เมื่อ พ.ศ. 2311 คู่กับสมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี ซึ่งเป็นอัครมเหสีอีกพระองค์โปรดที่แต่งตั้งไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2308 หลังจากนั้นสมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดาประสูติการพระราชธิดาพระองค์เดียว มีพระนามว่านักองค์เภา และด้วยความที่พระองค์เป็นพระอัครมเหสี จึงมีฐานะเป็นพระมารดาเลี้ยงหรือสมเด็จพระท้าวของนักองค์เองด้วย
เมื่อกรุงกัมพูชาเกิดจลาจล พระยายมราช (แบน) และพระยากลาโหม (ปก) พาเจ้านายเขมรและเขมรเข้ารีตประมาณ 500 คน เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเมื่อ พ.ศ. 2325 เจ้านายเขมรที่เสด็จลี้ภัยในคราวนั้น ได้แก่ สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา, นักนางแม้น, นักองค์อี, นักองค์เภา และนักองค์เอง แต่นักองค์เม็ญป่วย ถึงแก่พิราลัยเสีย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกราบทูลขอนักองค์อีและนักองค์เภาไปเป็นพระสนมเอกในวังหน้าสองพระองค์ ส่วนนักองค์เอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงชุบเลี้ยงเป็นพระราชโอรสบุญธรรม เข้าใจว่าสมเด็จพระภัควดีคงประทับอยู่ร่วมกับนักองค์เองในวังเจ้าเขมรหรือในวังหน้าร่วมกับนักองค์เภา ส่วนนักนางแม้นบวชเป็นชีที่วัดหลวงชี (ปัจจุบันคือวัดบวรสถานสุทธาวาส) ในวังหน้า
"ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา" ระบุว่า สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา และนักองค์เภา เดินทางออกจากสยามเข้ากัมพูชาทางเมืองพระตะบอง แล้วเดินทางออกจากพระตะบองพร้อมกับเจ้าพระยาอภัยธิเบศร์ (แบน) เสด็จไปประทับที่พระตำหนักตำบลโพธิกำโบ (แปลว่า "โพธิปูน") ตั้งแต่ พ.ศ. 2349 และ พ.ศ. 2350 สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี ตรัสใช้พระองค์แก้ว (ด้วง) และออกญาจักรี (แกบ) นำเครื่องราชบรรณาการไปถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่กรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับสมเด็จพระปิตุจฉาคือนักองค์อีและนักองค์เภาที่ประทับอยู่กรุงสยามกลับคืนกรุงกัมพูชา เอกสารไทยระบุว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไม่โปรดพระราชทาน เพราะ "มีพระองค์เจ้าอยู่ จะให้ออกไปมิได้มารดากับบุตรจะพลัดกัน" กล่าวคือมิทรงอนุญาตให้ทั้งนักองค์อีและนักองค์เภากลับกรุงกัมพูชา ขณะที่เอกสารเขมรระบุว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าพระราชทานให้ นักองค์เม็ญ นักองค์เภา และสมเด็จพระภัควดีพระเอกกระษัตรี (น่าจะเป็น สมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา) กลับคืนเมืองเขมร เว้นแต่นักองค์อีที่คงให้อยู่กรุงเทพมหานครทั้งมารดาและพระราชบุตร | 
| 
	1163420 | 
	12043 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163420 | 
	สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี | 
	สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี ศรีจักรพรรดิราช วรลักษณ อรรคกัลยาณี วุฒิอุดมบรมบพิตร พระนามเดิม วงษ์ เป็นพระอัครมเหสีในพระนารายน์ราชารามาธิบดี มีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวคือนักองค์เม็ญ
พระประวัติ.
สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี มีพระชนม์ชีพช่วงต้นอย่างไรไม่เป็นที่ปรากฏ ทราบเพียงว่ามีพระนามเดิมว่า วงษ์ เป็นหญิงสามัญชนที่เข้ารับราชการเป็นบาทบริจาริกาตำแหน่งพระสนมโทในพระนารายน์ราชารามาธิบดี ทรงพระเมตตานักนางวงษ์มาก จึงโปรดเกล้าพระราชทานนามให้ใหม่ว่า "นักนางบุบผาวดี" เมื่อ พ.ศ. 2303 ในช่วงเวลานั้นพระศรีไชยเชษฐ์ (กวัน) เจ้าลาวเมืองสตึงแตรงถวายนางแก้วประทุมามารับราชการฝ่ายในได้สามเดือน ก็ไม่โปรดปรานส่งนางแก้วประทุมาคืนเมืองลาว
หลังนักนางบุบผาวดีตั้งพระหน่อเจ้าได้สิบเดือน จึงประสูติการพระราชธิดา มีพระนามว่า นักองค์เม็ญ (หรือมิน) เมื่อ พ.ศ. 2308 พระนารายน์ราชารามาธิบดีปีติโสมนัสมาก ทรงโปรดเกล้าสถาปนานักนางบุบผาวดีขึ้นเป็น "สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรี ศรีจักรพรรดิราช วรลักษณ อรรคกัลยาณี วุฒิอุดมบรมบพิตร" เป็นพระอัครมเหสี ขุนนางทั้งหลายให้เพ็ดทูลขานรับว่า "พระกรุณาพิเศษ" ส่วนคุณหญิงและข้าราชการฝ่ายในให้เพ็ดทูลขานรับว่า "แม่" ต่อมาพระนารายน์ราชารามาธิบดี ทรงโปรดเกล้าสถาปนานักนางอี ขึ้นเป็นสมเด็จพระภัควดี พระศรีสุชาดา เป็นอัครมเหสีอีกพระองค์คู่กันใน พ.ศ. 2311 และด้วยความที่พระองค์เป็นพระอัครมเหสี จึงมีฐานะเป็นพระมารดาเลี้ยงหรือสมเด็จพระท้าวของนักองค์เองด้วย
เมื่อกรุงกัมพูชาเกิดจลาจลใน พ.ศ. 2325 สมเด็จพระภัควดี พระเอกกระษัตรีไม่ได้เสด็จลี้ภัยไปสยามพร้อมกับพระบรมวงศานุวงศ์อื่น ๆ ด้วย ส่วนนักองค์เม็ญ พระราชธิดา สิ้นพระชนม์ขณะเสด็จลี้ภัยไปกรุงสยาม | 
| 
	1163425 | 
	450917 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163425 | 
	วัดช้าง (อำเภอเมืองอ่างทอง) | 
	วัดช้าง วัดโบราณประเภทวัดราษฎร์ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
วัดแห่งนี้สร้างในสมัย กรุงสุโขทัย เป็นราชธานีเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1845 ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาใน ยุทธการที่ทุ่งบางแก้ว เมื่อปี พ.ศ. 2128 สมเด็จพระนเรศวรโปรดเกล้าฯ ให้ พระราชมนู เป็นแม่ทัพหน้าซึ่งพระราชมนูได้ใช้วัดช้างซึ่งขณะนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาหรือเป็นวัดร้างเป็นที่ตั้งทัพทหารจำนวน 10,000 นาย
หลังจากมีชัยชนะเหนือกองทัพพม่าสมเด็จพระนเรศวรก็โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดจนกระทั่งสิ้นรัชสมัยของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชมนูซึ่งขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี ที่สมุหพระกลาโหมได้ลาออกจากราชการและออกบวชจนสิ้นอายุขัยโดยได้สร้างพระวิหารเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและได้มีการสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏหลักฐานอีก จนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยาจึงถูกทิ้งเป็นวัดร้าง
ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์จึงได้มีการฟื้นฟูวัดช้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งโดยวัดช้างได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2403 
ลำดับเจ้าอาวาสเท่าที่ปรากฏหลักฐาน.
1. หลวงพ่อเพชร (พระราชมนู)
2. หลวงปู่รอด
3. หลวงพ่อพ่วง
4. หลวงพ่อเพ็ง (ลำดับที่ 2-4 เป็นพ่อลูกกัน)
หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏนามเจ้าอาวาสอีกจนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยา
5. พระพ่วง
6. พระเปรื่อง
7. พระโห (พ.ศ. 2466) รักษาการเจ้าอาวาส
- พระรอด (พ.ศ. 2478) รักษาการเจ้าอาวาส
8. พระเฉื่อย
9. พระนา
10. พระศิริ (พิทักษ์สาลี)
11. พระฮวด
12. พระปุ่น (อนนท์พันธ์)
13. พระกลั่น (วัฒนศิริ)
14. พระใบฎีกาช้อย วิสารโท (เขม้นจันทร์) 2509-2534
15. พระครูสุวัฒน์วรกิจ (สุพจน์ สุวจฺจโน) 2534-ปัจจุบัน | 
| 
	1163428 | 
	415442 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163428 | 
	มาดามญู | 
	เจิ่น เหละ ซวน (22 สิงหาคม ค.ศ. 1924 – 24 เมษายน ค.ศ. 2011) เป็นที่รู้จักในนาม มาดามญู เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง "โดยพฤตินัย" ของเวียดนามใต้ช่วง ค.ศ. 1955–1963 เป็นภรรยาของโง ดิ่ญ ญู น้องชายและหัวหน้าที่ปรึกษาของโง ดิ่ญ เสี่ยม ประธานาธิบดีประเทศเวียดนามใต้
เจิ่น เหละ ซวน เกิดในครอบครัวชนชั้นสูงในฮานอย ในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ปู่ของเธอทำงานใกล้ชิดกับผู้ปกครองอาณานิคม ส่วนบิดาชื่อเจิ่น วัน เจือง สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากฝรั่งเศส และดำรงตำแหน่งเลขานุการต่างประเทศคนแรกของดินแดนอินโดจีนในอาณัติของญี่ปุ่น ส่วนมารดาชื่อเทิน ถิ นาม เจิน เป็นเชื้อพระวงศ์ เธอเข้าเรียนที่วิทยาลัยอาลแบร์ ซาร์โร ซึ่งเป็นโรงเรียนภาษาฝรั่งเศสในฮานอย เธอสนใจในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ชอบการขับร้องเพลงบรรยายธรรมชาติป่าเขาของฝรั่งเศส ต่อมาเธอตั้งเป้าประสงค์ในการเรียนนี้เพื่อขจัดความเป็นเวียดนามและทำให้ตนเป็นหญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่เพรียบพร้อม ซึ่งนโยบายของโรงเรียนฝรั่งเศสในเวียดนามคือการอ้างตัวเป็นผู้เจริญแล้ว (คือเป็นอารยะ) มาพัฒนาคนเวียดนามให้เป็น "คนฝรั่งเศสผิวเหลือง" เพราะการเป็นคนเวียดนามนั้นเป็น "อนารยชน" หลังเธอหยุดเรียนและออกจากโรงเรียน เหละ ซวนพูดภาษาฝรั่งเศสในบ้านและเขียนภาษาเวียดนามไม่ได้เลย จนเธอโตขึ้นจึงเริ่มร่างสุนทรพจน์ฝรั่งเศสและแปลออกเป็นภาษาเวียดนาม
ครั้นจำเริญวัยขึ้น มารดาก็แนะนำชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติดีหลายคนแก่เธอ แต่เหละ ซวนชอบโง ดิ่ญ ญู ชายผู้มีอายุมากกว่าเธอ 14 ปี และเรียกเธอว่า "หลานสาว" ตามธรรมเนียมเวียดนาม ทั้งสองหมั้นหมายกันใน ค.ศ. 1940 และสมรสกันใน ค.ศ. 1943 เมื่ออายุได้ 18 ปี เดิมเคยนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ก่อนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหลังการสมรสกับสามี เธอมีบทบาททางการเมืองอยู่เนือง ๆ หลังโง ดิ่ญ เสี่ยม ขึ้นเป็นประธานาธิบดีซึ่งครองโสด และรายล้อมไปด้วยองครักษ์ "มีแต่คนหล่อ ๆ รอบตัวเขา" เหละ ซวน หรือมาดามญูในฐานะน้องสะใภ้ผู้มีทักษะทางสังคมต่ำ จึงดำรงตำแหน่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอย่างไม่เป็นทางการ เธอมักผสานความเชื่อคาทอลิกที่เธอนับถือกับลัทธิพื้นบ้านเพื่อสร้างเรื่องราวแก่ตนเอง เช่น เธออ้างตัวว่าเป็นพี่น้องตระกูลจึง ซึ่งเป็นวีรสตรีเวียดนามผู้ต่อต้านการรุกรานของจีน กลับชาติมาเกิด และโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตศาสนาพุทธ มาดามญูเป็นที่รู้จักจากการแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงและไม่เหมาะสมกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดยกลุ่มชาวพุทธหลายครั้ง เช่น "หากพระรูปไหนทำบาร์บีคิวให้เห็นอีก ฉันจะปรบมือให้ พร้อมถวายไฟแช็กและน้ำมันให้" ที่กล่าวถึงกรณีพระทิก กว๋าง ดึ๊ก และ "ช่างน่าอายเสียเหลือเกินที่เห็นคน [ผู้นำชาวพุทธ] ไร้มารยาท อ้างตัวว่าจะเป็นผู้นำ" แต่หลังโง ดิ่ญ ญู สามี และโง ดิ่ญ เสี่ยม พี่เขย ถูกลอบสังหารใน ค.ศ. 1963 เธอจึงลี้ภัยไปประเทศฝรั่งเศส และเสียชีวิตที่ประเทศอิตาลี | 
| 
	1163438 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163438 | 
	มาลีเอโตอา | 
	มาลีเอโตอา ("Mālietoa") เป็นราชวงศ์ของรัฐและหนึ่งในสี่ตำแหน่งประมุขที่ยิ่งใหญ่แห่งประเทศซามัว แปลตรงตัวเป็น "นักรบผู้ยิ่งใหญ่" ต้นกำเนิดของชื่อตำแหน่งมาจากประโยคสุดท้ายของนักรบชาวตองงาขณะหนีจากชายหาดไปที่เรือของพวกเขาว่า "มาลีเอโตอา, มาโลเอตาอู..." ("นักรบผู้ยิ่งใหญ่ ขอบคุณสำหรับสงคราม)
ปัจจุบัน ผู้ดำรงตำแหน่งนี้คือ มาลีเอโตอา ฟาอามาอูซีลี โมลี ผู้ถูกมอบให้ด้วยพระเกียรติแห่งมาลีเอในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เสด็จขึ้นครองราชย์หลังมาลีเอโตอา ตานูมาฟีลีที่ 2 พระราชบิดาสวรรคตในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2007
พงศาวลี.
ต่อไปนี้คือรายนามมาลีเอตัวที่รวบรวม นอกจากนี้ยังมีการบันทึกในฉบับอื่น ๆ อีกเล็กน้อย; อย่างไรก็ตาม ความสอดคล้องโดยรวมของลำดับเหตุการณ์และการตั้งชื่อนั้น เมื่อพิจารณาจากคำบอกเล่ามุขปาฐะของลำดับวงศ์ตระกูลของซามัว
ดูเพิ่ม.
 <ns>10</ns>
 <id>311477</id>
 <redirect title="แม่แบบ:คอมมอนส์-หมวดหมู่" />
 <revision>
 <id>4294190</id>
 <parentid>2467571</parentid>
 <timestamp>2012-09-23T09:50:13Z</timestamp>
 <contributor>
 <username>Octahedron80</username>
 <id>1803</id>
 </contributor>
 <comment>เปลี่ยนทางไปที่ </comment>
 <origin>4294190</origin>
 <model>wikitext</model>
 <format>text/x-wiki</format> | 
| 
	1163443 | 
	92808 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163443 | 
	กองภารกิจพิเศษที่ 707 | 
	กองภารกิจพิเศษที่ 707 (ฮันจา: 第707特殊任務團) เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายชั้นยอด ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี
แหล่งข้อมูลอื่น.
 <ns>10</ns>
 <id>311477</id>
 <redirect title="แม่แบบ:คอมมอนส์-หมวดหมู่" />
 <revision>
 <id>4294190</id>
 <parentid>2467571</parentid>
 <timestamp>2012-09-23T09:50:13Z</timestamp>
 <contributor>
 <username>Octahedron80</username>
 <id>1803</id>
 </contributor>
 <comment>เปลี่ยนทางไปที่ </comment>
 <origin>4294190</origin>
 <model>wikitext</model>
 <format>text/x-wiki</format> | 
| 
	1163445 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163445 | 
	ยุคทองของอิสลาม | 
	ยุคทองของอิสลาม  เป็นยุครุ่งเรืองทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และวิทยาศาสตร์ในประวัติศาสตร์อิสลาม ตามธรรมเนียมถือว่าเริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 และเป็นที่เข้าใจกันว่าเริ่มขึ้นในรัชสมัยของเคาะลีฟะฮ์ฮารูน อัรเราะชีด (ค.ศ. 786–809) แห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์ ด้วยการเปิดบัยตุลฮิกมะฮ์ในแบกแดด เมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น ที่นั่น นักวิชาการอิสลามและผู้รู้รอบด้านจากทั่วสารทิศซึ่งมีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้รับคำสั่งให้รวบรวมและแปลความรู้สมัยคลาสสิกของโลกเป็นภาษาซีรีแอกและภาษาอาหรับ
ตามธรรมเนียมถือกันว่ายุคทองของอิสลามสิ้นสุดลงพร้อมกับการล่มสลายของรัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์เนื่องจากการโจมตีของชาวมองโกลและการล้อมแบกแดดใน ค.ศ. 1258 นักวิชาการจำนวนหนึ่งกำหนดจุดสิ้นสุดของยุคทองไว้ในราว ค.ศ. 1350 โดยเชื่อมกับสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของตีมูร์ ในขณะที่นักประวัติศาสตร์และนักวิชาการสมัยใหม่จำนวนมากกำหนดจุดสิ้นสุดของยุคทองไว้ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ต่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยเชื่อมกับสมัยดินปืนอิสลาม (สมัยกลางของอิสลามอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกับยุคทองของอิสลาม โดยแหล่งข้อมูลหนึ่งกำหนดระยะเวลาไว้ระหว่าง ค.ศ. 900–1300) | 
| 
	1163446 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163446 | 
	ท่าอากาศยานอาคือเรย์รี | 
	ท่าอากาศยานอาคือเรย์รี  (IATA: AEY, ICAO: BIAR) เป็นท่าอากาศยานทางวิ่งเดียวในเมืองอาคือเรย์รี ประเทศไอซ์แลนด์ อยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ | 
| 
	1163457 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163457 | 
	อำเภอเราะดาอ์ | 
	เราะดาอ์  เป็นอำเภอของเขตผู้ว่าการอัลบัยฎออ์ ประเทศเยเมน ใน ค.ศ. 2003 อำเภอนี้มีประชากร 56,382 คน โดยมีเมืองเราะดาอ์เป็นเมืองใหญ่ที่สุด อยู่ห่างจากเมืองษะมารไปทางตะวันออก ตัวเมืองเป็นที่รู้จักจากมัสยิดและมัดเราะซะฮ์อัลอามิรียะฮ์ซึ่งสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 | 
| 
	1163472 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163472 | 
	โฟกัส (อีพี) | 
	Focus เป็นอีพีเปิดตัวของศิลปินดูโอจากประเทศเกาหลีใต้ จัสทู ถูกเผยแพร่โดย เจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2019 โดยมีเพลง "Focus On Me" เป็นเพลงไตเติ้ล และอัลบั้มในภาษาญี่ปุ่นเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2019
รายชื่อเพลง.
เครดิตดัดแปลงมาจาก Naver Music
มิวสิกวิดีโอ.
มิวสิกวิดีโอสำหรับเพลงไตเติ้ลถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2019 โดยภายใน 24 ชั่วโมงหลังเผยแพร่ มิวสิกวิดีโอมีจำนวนผู้เข้าชมมากกว่า 8 ล้านคนบนยูทูบ และมีมากกว่า 32 ล้านคน 0.7 ล้านคนถูกใจในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ยังมี 4 ล้านสตรีมบนสปอทิฟาย
ในวันที่ 8 มีนาคม วิดีโอการซ้อมเต้นของเพลง "Focus On Me" ได้ถูกเผยแพร่ในช่องยูทูบทางการของก็อตเซเวน หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายน วิดีโอซ้อมเต้นมียอดผู้ชมมากกว่า 0.5 ล้านคน
ชาร์ต.
<templatestyles src="Col-begin/styles.css"/> | 
| 
	1163488 | 
	372246 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163488 | 
	วัดช้าง (ตำบลหันตรา) | 
	วัดช้าง โบราณสถานประเภทวัดร้างที่ตั้งอยู่ที่ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยตั้งอยู่ทางใต้ของ วัดมเหยงคณ์
สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นโดยมีเจดีย์ช้างล้อมเป็นประธานของวัด มีการสร้างเจดีย์รายประจำที่มุมทั้งสี่โดยรอบเจดีย์ประธาน และทำกำแพงวัดล้อมรอบ อุโบสถอยู่ถัดออกมาทางด้านหน้าของเจดีย์ ยังพบหลักฐานประติมากรรมรูปช้างปูนปั้นจำนวนมาก
สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในช่วงการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดครั้งที่ 2 ประมาณรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เฉกเช่นเดียวกันกับวัดมเหยงคณ์ที่ สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชของพระองค์ที่ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ไปก่อนแล้ว | 
| 
	1163496 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163496 | 
	ฮาโตะ โนะ คิวจิตสึ | 
	ฮาโตะ โนะ คิวจิตสึ ("วันหยุดของนกพิราบ") เป็นวีดีทัศน์อัตลักษณ์ประจำสถานีของนิปปอนทีวีที่ใช้ในช่วงเปิดสถานีและปิดสถานีตั้งแต่ ค.ศ. 1953 จนถึง ค.ศ. 2001
ประวัติ.
อัตลักษณ์ชุดนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1953 โดยออกอากาศในระบบขาวดำ ต่อมาเริ่มออกอากาศในระบบสีมาโดยตลอดตั้งแต่ ค.ศ. 1972 จนเลิกใช้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2001
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2008 ทางสถานีได้นำอัตลักษณ์ชุดนี้มาสร้างในรูปแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก แล้วนำกลับมาออกอากาศอีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบก่อตั้ง 55 ปีของสถานี
ลักษณะ.
ยุคแรก (ระบบขาวดำ).
อัตลักษณ์ชุดนี้เริ่มด้วยภาพที่ปรากฏตัวอักษร N ตัวใหญ่พร้อมกับตัวอักษร T และ V อยู่ทั้งสองด้านของตัวอักษร N ด้านล่างปรากฏตัวอักษรคำว่า JOAX-TV ซึ่งเป็นสัญญาณเรียกขานของสถานีในขณะนั้น จากนั้นปรากฏภาพบ้านและนกพิราบ 3 ตัว โดย 2 ตัวบินออกไปทางด้านซ้ายและด้านขวา ส่วนอีกตัวหนึ่งบินเข้ามาจนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นฉากหลังเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว แล้วปรากฏตัวอักษร NTV สีดำ ซึ่งเป็นชื่อย่อของสถานี จากนั้น ปรากฏตัวอักษรวิ่งคำว่า 日本テレビ放送網 (แปลว่า เครือข่ายโทรทัศน์นิปปอนทีวี) พร้อมกันนั้นตัวอักษร NTV ก็จางหายไป จากนั้นปรากฏข้อความแสดงคลื่นความถี่ภาพและเสียงของสถานี โดยพร้อมกันนั้นก็มีเสียงบรรยายด้วย จากนั้น ปรากฏตัวอักษรคำว่า JOAX-TV ด้านบน ตรงกลางเป็นตัวอักษร NTV อยู่ในวงกลม ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของสถานีในขณะนั้น และด้านล่างเป็นคำว่า 東京 (โตเกียว) (ในรุ่นเอ็นทีวีนิปปงเทเลวิด้านล่างจะปรากฏคำว่า 日本テレビ (นิปปงเทเลวิ) แทน)
ภาพสี.
อัตลักษณ์ชุดนี้เป็นชุดที่นำมาปรับปรุงใหม่สำหรับออกอากาศในระบบสี ซึ่งมีลักษณะต่างจากยุคแรก คือ หลังจากที่นกตัวสุดท้ายบินเข้ามาจนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว จะปรากฏภาพดวงดาวรวมตัวกันเป็นวงกลมก่อน แล้วจึงปรากฏตัวอักษร NTV และปรากฏตัวอักษรวิ่งคำว่า 日本テレビ แทน จากนั้น ปรากฏภาพกระเบื้องสีขาวและสีส้ม มีคำว่า JOAX-TV จากนั้นเปลี่ยนเป็นภาพกระเบื้องสีขาวและสีฟ้า มีคำว่า 4チャンネル (ช่อง 4) และสุดท้ายเป็นภาพกระเบื้องสีขาว สีส้ม และสีฟ้า มีคำว่า 日本テレビ แล้วปรากฏภาพตราสัญลักษณ์ของสถานี โดยตราสัญลักษณ์เดิม ฉากหลังจะเป็นสีน้ำเงิน ปรากฏตัวอักษรคำว่า JOAX-TV สีขาวอยู่บริเวณมุมบนซ้าย ตรงกลางเป็นตัวอักษร NTV อยู่ในสี่เหลี่ยมมุมมน ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของสถานีในขณะนั้น โดยตัวอักษร N จะเป็นสีฟ้า T จะเป็นสีแดง และ V จะเป็นสีเขียว และบริเวณมุมล่างขวาจะปรากฏคำว่า 日本テレビ (ส่วนตราสัญลักษณ์ใหม่ ฉากหลังจะเป็นสีขาว ตัวอักษรคำว่า JOAX-TV สีขาวที่อยู่บริเวณมุมบนซ้ายจะเป็นสีแดง ตราสัญลักษณ์เป็นตัวอักษร 日 สีม่วงที่ดัดแปลงเป็นรูปลูกโลกแทน และคำว่า 日本テレビ ที่อยู่บริเวณมุมล่างขวาจะเป็นสีเทา) โดยในช่วงท้ายของวิดีทัศน์จะมีเสียงบรรยายด้วย
ต่อมาทางสถานีเริ่มออกอากาศในระบบมัลติเพล็กซ์ด้วย จึงใช้อัตลักษณ์ชุดนี้เรื่อยมา โดยจะต่างกับรุ่นเดิมเพียงคำบรรยายเท่านั้น ซึ่งจะประกาศด้วยว่าออกอากาศในระบบมัลติเพล็กซ์ โดยใช้จนถึงวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2001
ต่อมา ในวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 2000 ทางสถานีเริ่มออกอากาศรายการข่าวชื่อ NNN24 ก่อน แล้วจึงปิดสถานีโดยตามด้วยอัตลักษณ์ชุดนี้ ส่วนในวันอาทิตย์นั้นจะไม่มีการออกอากาศรายการข่าว โดยจะแสดงภาพบรรยากาศภายในสถานีพร้อมกับข้อความว่า 本日の放送は終了致しました Good Night (การออกอากาศของวันนี้จบแล้ว ราตรีสวัสดิ์) พร้อมกับเพลงชื่อ "Goodnite, Sweetheart, Goodnite" ของ "The Spaniels" เป็นเพลงประกอบ แล้วจึงปิดสถานี
อัตลักษณ์ชุดใหม่พร้อมตราสัญลักษณ์ใหม่ของสถานีเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2001 และไม่ได้นำอัตลักษณ์ชุดเก่ามาออกอากาศอีก
ฉบับใหม่.
ต่อมา ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2008 เป็นวันครบรอบ 55 ปีของสถานี ทางสถานีจึงนำอัตลักษณ์ชุดเก่ามาปรับปรุงใหม่ในรูปแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก แล้วนำกลับมาออกอากาศอีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบก่อตั้ง 55 ปีของสถานี โดยมีระยะเวลาเพียง 15 วินาที และใช้มาตลอดจนถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013
จากนั้นในปี ค.ศ. 2014 เป็นโอกาสครบรอบ 60 ปีของสถานี ทางสถานีจึงเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์และตราสัญลักษณ์ใหม่ทั้งหมด พร้อมกับมีคำขวัญใหม่ว่า 見たい、が世界を変えていく (ดูเพื่อเปลี่ยนโลก)
การนำอัตลักษณ์ชุดเดิมกลับมาใช้ใหม่ในช่วงยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อก.
ในช่วงก่อนเที่ยงคืนวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ซึ่งเป็นวันยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อกในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ก่อนยุติการออกอากาศ ทางสถานีได้นำอัตลักษณ์ชุดเดิมที่เคยออกอากาศในระบบสีซึ่งมีตราสัญลักษณ์เดิมในขณะนั้นมาออกอากาศ โดยในภาพสุดท้ายที่เป็นภาพตราสัญลักษณ์ของสถานีจะปรากฏคำว่า 58年間ありがとうございました (ขอบคุณที่รับชมมาตลอด 58 ปี) จากนั้นจึงยุติการออกอากาศ | 
| 
	1163504 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163504 | 
	แอ็กเซียม | 
	คาร์ลอส รุยซ์ (Carlos Ruiz; 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1997) เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวสเปนที่รู้จักในนาม แอ็กเซียม (Axiom) หรือชื่อเดิม เอ-คิด (A-Kid) เซ็นสัญญากับ WWE เป็นแชมป์ NXT UK Heritage Cup Champion คนแรกใน NXT UK เขาเคยแข่งขันในสมาคมอิสระของอเมริกาและยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ Pro Wrestling Guerrilla (PWG), Progress Wrestling, Chikara, Defiant Wrestling และ White Wolf Wrestling (Triple W) ในเดือนเมษายน 2018, เขากลายเป็นชาวสเปนคนแรกและเมื่ออายุ 20 ปีเป็นนักมวยปล้ำที่อายุน้อยที่สุดที่เคยแข่งขันในการแข่งขันเดี่ยวที่ได้รับการจัดอันดับห้าดาวโดย the Wrestling Observer Newsletter | 
| 
	1163508 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163508 | 
	วิกทอเรีย คอเริน มิตเชลล์ | 
	วิกทอเรีย เอลิซาเบธ คอเริน มิตเชลล์ ("#เปลี่ยนทาง" คอเริน; เกิด 18 ค.ศ. 1972(1972--)) เป็นนักเขียน, ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ และนักเล่นโป๊กเกอร์อาชีพ เธอเป็นที่รู้จักจากการดำเนินรายการตอบคำถามทางช่องบีบีซีโฟร์ "ออนลีคอนเน็กต์" ตั้งแต่ปี 2008
เธอเกิดในย่านฮัมเมอสมิธในเวสท์ลอนดอน และเป็นลูกสาวคนเดียวของนักข่าวและตลกอาชีพ อลัน คอเริน กับภรรยา แอน คัสเรียล (Anne Kasriel) เธอมีพี่ชายหนึ่งคนคือ นักข่าว ไกลส์ คอเริน และเธอเป็นญาติกับนักข่าวชาวแคนาดา ไมเคิล คอเริน | 
| 
	1163517 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163517 | 
	ติมอร์ของโปรตุเกส | 
	ติมอร์ของโปรตุเกส  หมายถึงช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ของประเทศติมอร์ตะวันออก ขณะเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ระหว่าง ค.ศ. 1702 ถึง ค.ศ. 1975 ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของยุคสมัยนี้ เกาะติมอร์ ถูกแบ่งระหว่างโปรตุเกสและหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์
ชาวโปรตุเกสถือเป็นชนชาติยุโรปกลุ่มแรกในบริเวณนี้ โดยเดินทางมาถึงใน ค.ศ. 1515 นักบวชคณะดอมินิกัน เดินทางมาถึงเกาะติมอร์ใน ค.ศ. 1556 และตัวเกาะก็ถูกประกาศเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสใน ค.ศ. 1702 ภายหลังจากการปฏิวัติคาร์เนชัน (ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการปลดปล่อยอาณานิคมโดยรัฐบาลลิสบอน) ใน ค.ศ. 1975 ติมอร์ตะวันออกถูกบุกครองโดยอินโดนีเซีย กระนั้น การบุกครองดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกยอมรับว่าชอบด้วยกฎหมายจากสหประชาชาติ ซึ่งยังคงรับรองว่าติมอร์ตะวันออกยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส ท้ายที่สุดแล้วติมอร์ตะวันออกจึงได้รับเอกราชใน ค.ศ. 2002 หลังจากอยู่ภายใต้ การบริหารช่วงเปลี่ยนผ่านโดยสหประชาชาติ | 
| 
	1163528 | 
	184218 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1163528 | 
	วัดสีกุก | 
	วัดสีกุก เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ในตำบลน้ำเต้า อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณค่ายสีกุก
วัดสีกุกสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อปี พ.ศ. 2240 ตรงกับรัชสมัยของ สมเด็จพระเพทราชา และมาปรากฏชื่อในพระราชพงศาวดารว่าเป็นที่ตั้งค่ายของมังมหานรธา แม่ทัพฝ่ายใต้ของพม่าในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เพื่อใช้โจมตีกรุงศรีอยุธยา จึงไม่ได้รับความเสียหายซึ่งมังมหานรธาได้ล้มป่วยและถึงแก่กรรมที่วัดนี้ก่อนกรุงจะแตกเพียงไม่กี่เดือน โดยปัจจุบันได้มีการขุดค้นพบแนวกำแพงค่ายของพม่าบริเวณวัดสีกุก กล่าวกันว่า ศพของมังมหานรธา ได้ทำการฝังและมีการสร้างเจดีย์ไว้ที่วัดสีกุก ค่ายสีกุกที่สร้างนั้นเป็นกำแพงอิฐและดิน สันนิษฐานว่าได้รื้ออิฐมาจากวัดสีกุกและวัดใกล้เคียงเพื่อมาสร้างค่ายทัพพม่า
หลังจากนั้นวัดสีกุกก็ได้ปรากฏชื่ออีกครั้งเมื่อคราวที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นครั้งที่ 2 พร้อมเชื้อพระวงศ์และขุนนางข้าราชบริพารผู้ตามเสด็จมาถึงวัดสีกุกในช่วงบ่ายถึงเย็นของวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2449 โดยพระองค์ได้พักเสวยพระกระยาหารที่ใต้ต้นสะตืออายุกว่า 300 ปีของวัดและได้ประทับพักค้างแรมก่อนจะเสด็จออกจากวัดสีกุกในเช้าวันรุ่งขึ้น
สิ่งก่อสร้างภายในวัด.
เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 2 องค์สภาพหักพังซึ่งสันนิษฐานว่า 1 ในนั้นเป็นพระเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของมังมหานรธา ศาลแม่ทัพมังมหานรธา ซึ่งตั้งติดกับพระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ริมแม่น้ำน้อย | 
| 
	1314117 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314117 | 
	ถนนตากสิน | 
	ถนนตากสิน หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3493 "สายคลองทราย – จันทบุรี" เป็นทางหลวงแผ่นดินในจังหวัดจันทบุรี เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิท และถนนท่าแฉลบ ในอำเภอเมืองจันทบุรีและอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
ประวัติ.
ถนนตากสิน เป็นถนนที่สร้างขึ้นโดยความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีการรวมตัวกันในรูปแบบของคณะกรรมการและมีการบริจาคที่ดินเพื่อสร้างเป็นสายทางของถนนตากสิน ซึ่งหนึ่งในคณะกรรมการและผู้ร่วมบริจาคที่ดินคือ นายประสิทธิ์ ธนพัฒนากุล บริจาคที่ดินตั้งแต่บริเวณป่ายางข้างโรงเรียนตากสินศึกษา ยาวไปจนถึงบริเวณแยกตากสินในปัจจุบัน ให้สร้างถนนความกว้าง 40 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจรเชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระยาตรังในระยะแรก
ถนนตากสิน แต่เดิมเคยใช้ชื่อว่า ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ระบุไว้บนแผนที่เขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ไม่ระบุปี ส่วนหลักฐานที่ระบุปีได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในเอกสารราชการเมื่อปี พ.ศ. 2534 บนผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี โดยกำหนดให้ถนนตากสินช่วงตั้งแต่ถนนสุขุมวิทถึงแยกตากสิน ถนนพระยาตรังป็นถนนแบบ จ1 เขตทางกว้าง 30 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจร มีเกาะกลางกว้าง 4 เมตร และถนนช่วงตั้งแต่แยกตากสินถึงถนนท่าแฉลบเป็นถนนแบบ ข4 เขตทางกว้าง 20 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร เดินรถสวนทางกันในปี พ.ศ. 2544 ได้มีการประกาศเวนคืนเนื้อที่จากกึ่งกลางเขตทางออกไปด้านข้างทั้งสองข้าง รวมเป็นความกว้าง 200 เมตรตลอดแนวเขตทาง เพื่อขยายเส้นทางของถนนตากสินให้รองรับการจราจรที่สูงขึ้น และอำนวยความสะดวกในการขนส่งในกิจการสาธารณูปโภค เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 รวมถึงมีการประกาศกำหนดหมายเลขทางหลวงแผ่นดินให้กับถนนตากสินเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3493 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2544
ในปี พ.ศ. 2565 แขวงทางหลวงจันทบุรี กรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อสร้างขยายเขตทางจากเดิม 2 ช่องจราจร ขึ้นเป็น 4 ช่องจราจรแบบมีเกาะกลาง ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 5+300 ถึงกิโลเมตรที่ 8+430 (ตั้งแต่ถนนพระยาตรัง ถึงถนนท่าแฉลบ) เพิ่อเชื่อมต่อกับแนวถนนของเทศบาลเมืองจันทบุรี ขนาด 6 ช่องจราจร
รายละเอียดเส้นทาง.
ถนนตากสิน อยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ประกอบไปด้วยถนนขนาด 4 ช่องจราจร และขนาด 2 ช่องจราจรสวนกัน ระยะทาง 8.770 กิโลเมตร พื้นผิวแอสฟัลต์คอนกรีต และพื้นผิวคอนกรีตเสริมแรงบริเวณทางแยก เป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิท ตัดผ่านถนนพระยาตรัง และสิ้นสุดที่ถนนท่าแฉลบ (อดีตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3146) มีความสำคัญในแง่ของการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางสัญจรระหว่างถนนสุขุมวิท และเทศบาลเมืองจันทบุรี ในการขนส่งสินค้าต่าง ๆ เกี่ยวกับสาธารณูปโภค และเดินทางคมนาคมถึงกันถนนตากสินเป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วม ในกรณีที่มีฝนตกหนัก บริเวณสะพานคลองน้ำใส ข้างสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำ โดยองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการขุดลอกเส้นทางระบายน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวในฤดูฝนและฤดูน้ำหลาก
ถนนตากสิน อยู่ภายใต้การดูแลของ 2 หน่วยงาน คือ | 
| 
	1314124 | 
	251527 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314124 | 
	ครีดบรอเธอส์ | 
	ครีดบรอเธอส์ (The Creed Brothers) เป็นแท็กทีมมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันที่ประกอบด้วยพี่น้อง Brutus Creed (ดรูว์ แคสเปอร์; เกิด 13 พฤษภาคม 1996) และ Julius Creed (เจคอบ แคสเปอร์; เกิด 3 ตุลาคม 1994) ปัจจุบันพวกเขากำลังทำงานเพื่อส่งเสริมมวยปล้ำอาชีพ WWE สังกัด NXT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Diamond Mine | 
| 
	1314130 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314130 | 
	คอรา เจด | 
	บรีแอนนา โคดา (Brianna Coda; เกิด 14 มกราคม 2544) เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันที่เซ็นสัญญากับ WWE สังกัด NXT ภายใต้ชื่อ คอรา เจด (Cora Jade) ซึ่งเธอเป็นอดีตแชมป์แท็กทีมหญิง NXT
ก่อนเซ็นสัญญากับ WWE เธอเคยปล้ำในสมาคมอิสระภายใต้ชื่อ Elayna Black และได้ปรากฏตัวใน All Elite Wrestling (AEW) และ Impact Wrestling | 
| 
	1314144 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314144 | 
	คาเฟ่แมว | 
	คาเฟ่แมว  เป็นธีมคาเฟ่ที่มีจุดขายคึอแมวที่สามารถดูและเล่นด้วยได้ โดยทั่วไปผู้ใช้บริการจ่ายค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ดังนั้นคาเฟ่แมวจึงอาจถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้เช่าสัตว์เลี้ยงในร่มภายใต้การกำกับดูแล คำว่า "cat café" (คาเฟ่แมว) ได้รับการบรรจุอย่างเป็นทางการใน พจนานุกรมออกฟอร์ดภาษาอังกฤษ ฉบับออนไลน์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558
ประวัติ.
คาเฟ่แมวแห่งแรกของโลกชื่อว่า "เมาฮฺวา-ยฺเหวียน" (貓花園) แปลว่า "สวนดอกไม้แมว" เปิดในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ในปี พ.ศ. 2541 และในที่สุดก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แนวคิดการทำคาเฟ่แมวกลายเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น โดยคาเฟ่แห่งแรกมีชื่อว่า "เนโกะ โนะ จิกัง" (แปลว่า "เวลาของแมว") เปิดในนครโอซากะ ในปี พ.ศ. 2547 เนื่องจากขนาดที่ดินและจำนวนประชากรของประเทศญี่ปุ่น ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากจึงอาศัยอยู่ในห้องอยู่อาศัยหรืออาคารชุดขนาดเล็กซึ่งไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ทำให้คาเฟ่แมวเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ที่มองหาเพื่อนเล่นและความสะดวกสบาย คาเฟ่แมวแห่งแรกในกรุงโตเกียวชื่อ "เนโกะ โนะ มิเซะ" (แปลว่า "ร้านแมว") เปิดในปี พ.ศ. 2548 หลังจากนั้นความนิยมของคาเฟ่แมวก็แพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2553 มีร้านคาเฟ่แมว 79 แห่งทั่วประเทศ | 
| 
	1314154 | 
	251527 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314154 | 
	ไอลา ดอว์น | 
	คอร์ทนีย์ ฟลอเรนซ์ สจ๊วร์ต (Courtney Florence Stewart; เกิด 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994) เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวสก็อตที่รู้จักดีกับ WWE ภายใต้ชื่อ ไอลา ดอว์น (Isla Dawn) | 
| 
	1314162 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314162 | 
	ต้นฉบับทางเศรษฐศาสตร์และปรัชญาจากปี 1844 | 
	ต้นฉบับทางเศรษฐศาสตร์และปรัชญาจากปี 1844  หรือเรียกในอีกชื่อว่า Paris Manuscripts ("" หรือต้นฉบับปารีส) หรือ 1844 Manuscripts (ต้นฉบับ ค.ศ. 1844) เป็นบันทึกชุดหนึ่งที่คาร์ล มาคส์ เขียนขึ้นระหว่างเดือนเมษายนและสิงหาคม ค.ศ. 1844 และตีพิมพ์ออกมาใน ค.ศ. 1932 ภายหลังเขาเสียชีวิต
นักวิจัยจากสถาบันมาคส์-เอ็งเงิลส์-เลนิน (Marx–Engels–Lenin Institute) ที่มอสโก สหภาพโซเวียต ได้รวบรวมสมุดบันทึกต้นฉบับภาษาเยอรมันเล่มนี้ขึ้นหลายสิบปีหลังมาคส์เสียชีวิต โดยเผยแพร่ออกมาเป็นครั้งแรกที่เบอร์ลินใน ค.ศ. 1932 และตามมาด้วยการเผยแพร่งานชิ้นนี้อีกครั้งภายในสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1933 (มอสโกและเลนินกราด) เป็นภาษาเยอรมันเช่นกัน การเผยแพร่งานชิ้นนี้ทำให้การตอบรับต่อมาคส์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ด้วยการวางชิ้นงานของเขาอยู่ภายในโครงสร้างทางทฤษฎีที่จวบจนขณะนั้นผู้ที่ติดตามเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
บริบท.
"ต้นฉบับฯ" ถูกเขียนขึ้นในฤดูร้อน ค.ศ. 1844 ขณะมาคส์อายุ 25 หรือ 26 ปี มาคส์ในขณะนั้นอาศัยอยู่ที่ปารีส เมืองศูนย์กลางทางความคิดของสังคมนิยมในยุคสมัยนั้น สมาชิกหลายคนในกลุ่มปรัชญาที่เขาอยู่ด้วย กล่าวคือกลุ่มนิยมเฮเกิลรุ่นใหม่ (Young Hegelians) ได้ย้ายมาอยู่ที่ปารีสเมื่อปีก่อนเพื่อก่อตั้งวารสารฉบับหนึ่ง นามว่า"ด็อยทช์-ฟรันท์เซอซิชเชอ ยาร์บือเชอร์" (Deutsch–Französische Jahrbücher) ("หนังสือรายปีเยอรมัน-ฝรั่งเศส") มาคส์อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 38 ถนนรูว์ วาโน (Rue Vaneau) ที่ฝั่งซ้าย (Rive Gauche) ของเมืองในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1843 ที่ปารีส เขาได้พบกับช่างฝีมือปฏิวัติชาวเยอรมัน (artisan) และเข้าร่วมประชุมลับของสมาคมกรรมาชีพในฝรั่งเศส ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ มาคส์ได้รู้จักกับปีแยร์-โฌแซ็ฟ พรูดง (Pierre-Joseph Proudhon), หลุยส์ บล็อง (Louis Blanc), ไฮน์ริช ไฮเนอ (Heinrich Heine), เกออร์ค แฮร์เวค (Georg Herwegh), มีฮาอิล บาคูนิน, ปีแยร์ เลอรู (Pierre Leroux) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟรีดริช เอ็งเงิลส์
"ต้นฉบับฯ" พัฒนามาจากข้อเสนอของมาคส์ในหนังสือรายปีว่าจะเขียนจุลสารแยกต่างหากเพื่อวิจารณ์แนวคิดต่าง ๆ ในนิติปรัชญาของเกออร์ค วิลเฮ็ล์ม ฟรีดริช เฮเกิล กล่าวคือกฎหมาย จริยธรรม การเมือง ฯลฯ และจบด้วยศาสตรนิพนธ์ทั่วไปที่จะแสดงถึงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างพวกมัน บันทึกเหล่านั้นเป็นงานเขียนที่กระจัดกระจายไม่ครบถ้วน ซึ่งมีตั้งแต่ข้อความคัดลอกจากหนังสือต่าง ๆ และข้อคิดเห็น บันทึกและข้อความไตร่ตรองถึงหัวข้อต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันอย่างหลวม ๆ จนถึงงานเขียนประเมินปรัชญาของเฮเกิลอย่างเบ็ดเสร็จ งานชิ้นนี้เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากการแสดงการให้เหตุผลของมาคส์ที่กล่าวว่าสภาวะของสังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ส่งผลให้เกิดความแปลกแยก (Marx's theory of alienation) ของคนงานรับจ้างจากผลผลิตของตน จากงานของตน และเหตุนั้น จากตนเองและจากผู้อื่น
งานเขียนชิ้นนี้เป็นการปรากฏตัวด้วยกันครั้งแรกของสิ่งที่เอ็งเงิลส์กล่าวว่าเป็นองค์ประกอบสามประการในแนวคิดของมาคส์: ปรัชญาจิตนิยมเยอรมัน (German idealism) สังคมนิยมฝรั่งเศส และเศรษฐศาสตร์อังกฤษ นอกจากเฮเกิลแล้ว มาคส์ยังได้กล่าวถึงงานของนักเขียนสังคมนิยมหลายคน และงานของบรรดาบิดาแห่งเศรษฐศาสตร์การเมือง: ฟร็องซัว แกแน (Francois Quesnay), อดัม สมิธ, เดวิด ริคาร์โด (David Ricardo), ฌ็อง-บาติสต์ แซ (Jean-Baptiste Say) และเจมส์ มิลล์ (James Mill) อีกแหล่งสำคัญคือ "Die Bewegung der Produktion" ของฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม ชุลทซ์ (Friedrich Wilhelm Schulz) แนวคิดมนุษยนิยมของลูทวิช ฟ็อยเออร์บัค เป็นหนึ่งในอิทธิพลซึ่งเป็นฐานค้ำยันของบันทึกทั้งหมดของมาคส์
เพราะงานเขียน"ต้นฉบับฯ" แสดงถึงแนวคิดของมาคส์เมื่อแรกเริ่ม การตีพิมพ์ออกมาในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้ส่งผลอย่างมากต่องานวิเคราะห์เกี่ยวกับมาคส์และลัทธิมากซ์ ในช่วงที่ตีพิมพ์ออกมาเป็นครั้งแรก ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือความแตกต่างจากปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธี (dialectical materialism) ทางการของสหภาพโซเวียตกับพรรคคอมมิวนิสต์ในยุโรป "ต้นฉบับฯ" เป็นงานวิเคราะห์เฮเกิลที่แหลมคมที่ยากและซับซ้อนกว่าของเอ็งเงิลส์ ซึ่งกล่าวถึงเรื่องอย่างเช่นความแปลกแยก ซึ่งไม่มีอยู่ในงานของเอ็งเงิลส์ เปลฮานอฟ (Georgi Plekhanov) หรือเลนิน
คำศัพท์.
อิชตวาน เมซาโรช (István Mészáros (philosopher)) กล่าวว่าภาษาและคำศัพท์ของ"ต้นฉบับฯ" เป็นหนึ่งในความยากหลัก ๆ ของชิ้นงานนี้ เขากล่าวว่าศัพท์ที่สำคัญอย่าง "Aufhebung" สามารถแปลจากภาษาเยอรมันเป็นภาษาอังกฤษได้ทั้งคำว่า "transcendence" (การอยู่เหนือ/อุตรภาพ) "suppression" (การกำจัด/การปราบ) "preserving" (การรักษา/การสงวนไว้) และ "overcoming" (การก้าวข้าม) คริสโตเฟอร์ เจ. อาร์เธอร์ (Christopher J. Arthur) ให้ความเห็นว่าคำศัพท์นั้น ซึ่งปรากฏในงาน "Science of Logic" ของเฮเกิล มีความหมายสองแง่ในภาษาทั่วไปทั้ง "การยกเลิก" และ "การสงวนไว้" อาร์เธอร์แปลศัพท์คำนี้เป็นภาษาอังกฤษว่า "supersede" เมื่อเน้นการยกเลิกมากกว่า และแปลเป็นคำว่า "sublate" เมื่อเน้นการสงวนไว้มากกว่า เกรกอรี เบนตัน (Gregory Benton) แปลศัพท์คำนี้เป็นภาษาอังกฤษว่า "transcendence" กับ "supersession" และกล่าวว่าแนวคิดเรื่อง "critique" ของมาคส์เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนไหวคู่แบบนี้
ความยากลำบากในการแปลคำศัพท์กรณีที่สองคือคำว่า ""Entäusserung" และ "Entfremdung"" แม้ว่าทั้งสองแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "alienation" เหมือนกัน แต่ "Entfremdung" มักแปลเป็นคำว่า "estrangement" (ความเหินห่าง) และ "Entäusserung" เป็นคำว่า "alienation" (ความแปลกแยก) เพื่อแยกแยะระหว่างแนวคิดทั้งสอง คริสโตเฟอร์ เจ. อาร์เธอร์ กล่าวว่า "Entäusserung" เป็นศัพท์ภาษาเยอรมันที่แปลกอีกคำหนึ่งที่สามารถแปลได้เป็นทั้งคำว่า "renunciation" (การสละ), "parting with" (การจาก), "relinquishment" (การปลดเปลื้อง), "externalization" (การผันสู่ภายนอก), "divestiture" (การถอดถอนสิทธิ์ในทรัพย์สิน) และ "surrender" (การยอมแพ้) เขาเชื่อว่า "externalization" เป็นคำแปลที่ใกล้เคียงที่สุด แต่เขาเลี่ยงไม่ใช้คำนี้เพราะอาจสับสนได้กับอีกคำหนึ่งที่มาคส์ใช้ในที่อื่น: "Vergegenständlichung" หรือ "objectification" (การทำให้เป็นวัตถุ) อาร์เธอร์กล่าวว่า "Entfremdung" เป็นแนวคิดที่แคบกว่า "Entäusserung" ในแง่ที่ใช้ได้ในกรณีของความเหินห่างระหว่างบุคคลเท่านั้น เขามองว่าความเหินห่างเป็นสถานะ ในขณะที่ความแปลกแยกเป็นกระบวนการ
โครงสร้างวิภาษวิธีของทฤษฎีของมาคส์เป็นอีกความยากหนึ่งของงานเขียน และผู้ที่ศึกษาในธรรมเนียมปรัชญาแบบปฏิฐานนิยมและประจักษนิยมอาจทำความเข้าใจในนิยามของแนวคิดที่สำคัญบางประการได้อย่างยากลำบาก นอกจากนั้น มาคส์มักเปลี่ยนความหมายของคำบางคำซึ่งยืมมาจากผู้อื่นในยุคสมัยเดียวกันเวลานำมาใช้
ใจความ.
ใน"ต้นฉบับฯ" มาคส์เชื่อมโยงระหว่างหมวดหมู่ทางเศรษฐศาสตร์ต่าง ๆ กับการตีความทางปรัชญาถึงตำแหน่งแห่งหนของมนุษย์ในธรรมชาติ บันทึกของมาคส์แสดงการวิเคราะห์เชิงปรัชญาโดยทั่วไปเกี่ยวกับมโนทัศน์พื้นฐานต่าง ๆ ของเศรษฐศาสตร์การเมือง ประกอบด้วยทุน, ค่าเช่า (Economic rent), แรงงาน (labor economics), ทรัพย์สิน, เงินตรา, โภคภัณฑ์ (commodity), ความต้องการ และค่าจ้าง มโนทัศน์ที่สำคัญของพวกมันปรากฏเมื่อมาคส์ใช้ศัพท์เชิงปรัชญาในการรุดหน้าการวิพากษ์สังคมทุนนิยมบนฐานของแนวคิดเรื่อง "ความแปลกแยก" ทฤษฎีของมาคส์เป็นการปรับและดัดแปลงมาจากงานเขียนของเฮเกิล "The Phenomenology of Spirit" (1807) กับฟ็อยเออร์บัค "The Essence of Christianity" (1841) ความแปลกแยกดังกล่าวไม่ใช่มโนทัศน์ที่ใช้บรรยายอย่างเดียว แต่เป็นการเรียกร้องให้ลดความแปลกแยกด้วยการเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมูลวิวัติ
แรงงานแปลกแยก.
เอกสารต้นฉบับชิ้นแรกของมาคส์ส่วนมากประกอบด้วยข้อความที่คัดลอกหรือถอดความจากงานเขียนของนักเศรษฐศาสตร์คลาสสิก (Classical economics) แต่ละคนที่มาคส์อ่านอยู่ขณะที่เขียน"ต้นฉบับฯ" ขึ้นมา เช่นอดัม สมิธ ในส่วนนี้ มาคส์แสดงข้อวิจารณ์หลายข้อถึงเศรษฐศาสตร์การเมืองคลาสสิก เขากล่าวว่ามโนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์ไม่ปฏิบัติกับผู้คนในฐานะมนุษย์ แต่ทำเหมือนอย่างที่ทำกับบ้านกับสินค้าโภคภัณฑ์ คือการลดทอนให้มนุษยชาติส่วนใหญ่กลายเป็นแรงงานนามธรรม มาคส์ใช้นิยามของทุนแบบเดียวกับสมิธว่าทุนเป็นอำนาจที่บังคับบัญชาแรงงานและผลผลิตของแรงงาน แต่เขาเห็นต่างจากสมิธว่าเจ้าของที่ดิน (landlord) กับนายทุนไม่มีความแตกต่างกัน โดยอ้างว่าลักษณะของอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนไปจากยุคสมัยเจ้าขุนมูลนายแล้ว สังคมจึงแบ่งออกได้เป็นสองชนชั้นเท่านั้น กล่าวคือคนงานและนายทุน มาคส์วิจารณ์มโนทัศน์เกี่ยวกับแรงงานของนักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกว่าตื้นเขินและเป็นนามธรรม มาคส์กล่าวว่านักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกเริ่มต้นการให้เหตุผลด้วยสภาวะเริ่มแรกที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ที่มองว่าแนวคิดประเภททรัพย์สินส่วนบุคคล การแลกเปลี่ยน และการแข่งขันเสมือนเป็นข้อเท็จจริง โดยไม่สนใจที่จะอธิบายพวกมันเลย มาคส์เชื่อว่าเขาได้ให้คำอธิบายที่เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าซึ่งอธิบายความเชื่อมโยงกันและประวัติศาสตร์ของปัจจัยเหล่านั้น
มาคส์อ้างว่าทุนนิยมทำให้มนุษย์แปลกแยกจากธรรมชาติของตน (human nature) คุณลักษณะพื้นฐานของมนุษย์คือแรงงาน หรือการแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับธรรมชาติ ในสังคมยุคก่อน มนุษย์สามารถพึ่งพาธรรมชาติเพื่อสนอง "ความต้องการตามธรรมชาติ" ได้ แต่ในสังคมสมัยใหม่ เมื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินตกอยู่ใต้กฎของเศรษฐกิจระบบตลาด เงินตราเป็นหนทางเดียวในการเอาชีวิตรอด แรงงานและผลผลิตของคนงานแปลกแยกจากตัวคนงาน พลังการผลิตของเขากลายเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันที่ราคาตลาดเหมือนสินค้าชนิดอื่น ๆ ซึ่งกำหนดด้วยต้นทุนในการบำรุงรักษาขั้นต่ำ กรรมกรมานะบากบั่นใช่เพื่อสนองความจำเป็นต้องทำงานแต่ทำไปเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น: "เขาได้รับวัตถุของแรงงาน กล่าวคือในการที่เขาได้รับงาน และประการที่สอง ในการที่เขาได้รับปัจจัยการยังชีพ เหล่านี้ทำให้เขาดำรงอยู่ได้ ประการแรกในฐานะกรรมกร และในประการที่สองในฐานะกัตตาทางกายภาพ จุดสูงสุดของภาวะทาสเช่นนี้คือการที่เขาจะคงอยู่ในฐานะกัตตาทางกายภาพได้ด้วยการเป็นกรรมกรเท่านั้น และเขาจะเป็นกรรมกรได้ด้วยการเป็นกัตตาทางกายภาพเท่านั้น" แม้ว่างานของกรรมกรผลิตความมั่งคั่งให้กับชนชั้นนายทุน แต่ตัวเขาเองกลับถูกลดทอนอยู่ในระดับเดียวกับสัตว์ เมื่อความมั่งคั่งของสังคมลดลง ก็เป็นกรรมกรที่ต้องทนทุกข์มากที่สุด แต่หากมันกำลังเพิ่มขึ้น ทุนก็จะเพิ่มขึ้น แล้วผลผลิตของแรงงานก็จะแปลกแยกจากกรรมกรยิ่งขึ้น
กระบวนการผลิตสมัยใหม่ไม่ส่งเสริมการพัฒนาและแสดงขีดความสามารถขั้นสารัตถะของมนุษย์ ประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์ปัจเจกจึงไร้ซึ่งความหมายและความเติมเต็ม มนุษย์รู้สึก "แปลกแยก" หรือไม่สุขสบายท่ามกลางโลกสังคมสมัยใหม่ มาคส์ระบุถึงความแปลกแยก 4 ชนิดที่เกิดขึ้นกับกรรมกร อันได้แก่:
ความสัมพันธ์ระหว่าง"วัตถุ" (object (philosophy)) ของการผลิตของกรรมกรกับตัวเขาเองเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความยากแค้นและการลดทอนความเป็นมนุษย์ "วัตถุ"ที่แรงงานของกรรมกรผลิตขึ้นมาปรากฏเป็นสิ่งที่แปลกแยก เป็นอำนาจที่เป็นอิสระจากผู้ที่ผลิตมันขึ้นมา ยิ่งกรรมกรผลิตเท่าใด เขายิ่งเข้าใกล้การเสียการงานและความอดอยากปากแห้งแต่เพียงเท่านั้น มนุษย์ไม่ใช่ผู้ริเริ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างโลกภายนอกกับตัวเขาอีกต่อไป เขาเสียการควบคุมการวิวัฒนาการของตัวเอง มาคส์วางแนวเทียบกับศาสนาว่าในศาสนา พระเป็นเจ้าเป็น"กัตตา" (subject (philosophy)) ของกระบวนการทางประวัติศาสตร์ และมนุษย์ตกอยู่ในสภาวะพึ่งพา ยิ่งมนุษย์ให้สิทธิ์แก่พระเจ้าเท่าใด สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในตัวเขายิ่งน้อยลงเท่านั้น ในทางเดียวกัน เมื่อกรรมกรแปลกแยกชีวิตของเขาลงใน"วัตถุ"ชิ้นหนึ่ง ชีวิตของเขาก็จะตกเป็นของวัตถุนั้น ไม่ใช่ของตัวเอง วัตถุชิ้นนั้นจึงปรากฏต่อเขาเหมือนเป็นสิ่งที่เป็นปรปักษ์และแปลกแยก ธรรมชาติของเขาตกเป็นสิทธิ์ของบุคคลอื่นหรือสิ่งอื่น
กิจในการผลิตวัตถุเป็นมิติของความแปลกแยกชนิดที่สอง แรงงานเป็นแบบบังคับไม่ใช่สมัครใจ แรงงานไปอยู่ภายนอกกรรมกรและไม่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของเขา กิจกรรมของกรรมกรตกเป็นของผู้อื่น เป็นเหตุให้สูญเสียตัวตนของเขาไป คนงานได้ผ่อนคลายในภารกิจสัตว์ของเขาเท่านั้น คือการกิน ดื่ม และร่วมเพศ แต่ในภารกิจมนุษย์ที่ชัดเจน เขาถูกทำให้รู้สึกเหมือนเป็นสัตว์
มิติที่สามของความแปลกแยกที่มาคส์กล่าวคือความแปลกแยกของมนุษย์จาก"สปีชีส์"ของเขา มาคส์ใช้ศัพท์แบบฟ็อยเออร์บัคที่บรรยายว่ามนุษย์เป็น "สารัตถะสปีชีส์" ("Gattungswesen")
มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความสำนึกรู้ตน (Self-consciousness) ที่สามารถใช้ธรรมชาติอนินทรีย์ทั้งมวลเพื่อประโยชน์ของตน แม้ว่าสัตว์ชนิดอื่นจะผลิตเหมือนกัน แต่พวกมันผลิตสิ่งที่จำเป็นเฉพาะหน้าเท่านั้น ทว่ามนุษย์ผลิตโดยสากลและอย่างเสรี เขาสามารถผลิตตามมาตรฐานของสปีชีส์ใดก็ได้ และรู้เสมอที่จะใช้มาตรฐานจากภายในตัวเขากับวัตถุนั้น ดังนั้น มนุษย์สรรค์สร้างตามกฎแห่งความงาม การแปลงสภาพธรรมชาติอนินทรีย์เช่นนี้เป็นสิ่งที่มาคส์เรียกว่า "กิจกรรมชีวิต" ("Lebenstätigkeit") ของมนุษย์ และเป็นสารัตถะของมนุษย์ มนุษย์สูญเสียสารัตถะสปีชีส์ไปเพราะกิจกรรมชีวิตของเขาถูกเปลี่ยนให้เป็นเพียงปัจจัยเพื่อการดำรงอยู่เท่านั้น
มิติที่สี่และประการสุดท้ายของความแปลกแยกดึงเอามาจากทั้งสามมิติก่อนหน้านี้ มาคส์เชื่อว่ามนุษย์แปลกแยกจากมนุษย์ตนอื่น มาคส์กล่าวว่าผลผลิตของแรงงานของกรรมกรคนหนึ่งแปลกแยกและกลายเป็นของคนอื่น กิจกรรมการผลิตของกรรมกรเป็นความทรมานของกรรมกร และมันจึงต้องเป็นความสุขของคนอื่น มาคส์ตั้งคำถามว่าคนอื่นนี้เป็นใคร ในเมื่อผลผลิตของแรงงานมนุษย์ไม่ได้ตกเป็นของธรรมชาติหรือของทวยเทพ ข้อเท็จจริงทั้งสองจึงชี้ไปที่มนุษย์อีกพวกหนึ่งซึ่งควบคุมผลผลิตและกิจกรรมของมนุษย์อยู่
จากบทวิเคราะห์เรื่องความแปลกแยก มาคส์ตั้งข้อสรุปว่ากรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากแรงงานแปลกแยก ไม่ใช่ในทางตรงกันข้าม ความสัมพันธ์ระหว่างกรรมกรกับแรงงานของเขาคือสิ่งที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างนายทุนกับแรงงาน มาคส์จึงพยายามเสนอว่าแรงงานทางสังคมนั่นเองเป็นแหล่งกำเนิดของมูลค่าทั้งมวลและการกระจายความมั่งคั่ง เขากล่าวว่าในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกจัดให้แรงงานเป็นรากฐานของการผลิต แต่พวกเขากลับไม่ให้อะไรกับแรงงานแต่ให้ทุกอย่างกับกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล สำหรับมาคส์ ค่าจ้างและกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลเป็นสิ่งเดียวกัน เพราะทั้งสองเป็นผลพวงจากความแปลกแยกของแรงงาน การเพิ่มค่าจ้างจึงไม่ได้คืนความหมายและนัยแบบมนุษย์กลับสู่แรงงาน การปลดปล่อยกรรมกรจึงจะเป็นการบรรลุซึ่งการปลดปล่อยมนุษย์โดยสากล เพราะความเป็นทาสของมนุษย์ทั้งมวลมีส่วนในความสัมพันธ์ระหว่างกรรมกรกับการผลิต
ลัทธิคอมมิวนิสต์.
มาคส์เขียนถึงแนวคิดลัทธิคอมมิวนิสต์ของเขาในเอกสารต้นฉบับชิ้นที่สาม ลัทธิคอมมิวนิสต์สำหรับมาคส์คือ "การแสดงออก "เชิงบวก"ของการยกเลิกกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล" ในส่วนนี้ มาคส์กล่าวว่านักเขียนสังคมนิยมหลายคนก่อนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการก้าวข้ามความแปลกแยกที่ไม่น่าพึงพอใจและไม่สมบูรณ์ มาคส์เขียนถึงพรูดงที่สนับสนุนให้ยกเลิกทุน ฟูรีเยที่สนับสนุนให้ย้อนกลับไปหาแรงงานเกษตรกรรม และแซ็ง-ซีมง (Henri de Saint-Simon) ที่สนับสนุนให้จัดระเบียบแรงงานอุตสาหกรรมในแบบที่ถูกต้อง มาคส์เขียนถึงลัทธิคอมมิวนิสต์สองแบบที่เขามองว่าไม่เพียงพอ แบบแรกคือ "ลัทธิคอมมิวนิสต์ดิบ" ("rohe Kommunismus") หรือการทำให้ทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นสากล ลัทธิคอมมิวนิสต์รูปแบบนี้ "ลบล้าง"ความเป็นบุคคล"ของมนุษย์โดยหมดสิ้น" เพราะมันไม่ได้ยกเลิกชนชั้นคนงาน แต่ขยายมันให้ครอบคลุมมนุษย์ทุกคนแทน และเป็น "การลบล้างเชิงนามธรรมของโลกทางวัฒนธรรมและอารยธรรมจนหมดสิ้น" ประชาคมหนึ่งเดียวที่คงเหลืออยู่มีเพียงประชาคมของแรงงาน (แปลกแยก) และความเท่าเทียมประการเดียวที่จะเกิดขึ้นคือความเท่าเทียมของค่าจ้างที่จ่ายโดยประชาคมในฐานะนายทุนสากล ลัทธิคอมมิวนิสต์แบบที่สองที่มาคส์มองว่าไม่สมบูรณ์มีอยู่สองประเภท: "(a) ยังเป็นแบบการเมือง ไม่ว่าประชาธิปไตยหรือเผด็จการ (b) มีการยกเลิกรัฐ แต่โดยหลักยังคงไม่สมบูรณ์และยังได้รับผลจากทรัพย์สินส่วนบุคคล กล่าวคือความแปลกแยกของมนุษย์" เดวิด แม็กเลลลัน (David McLellan (political scientist)) ตีความว่าประชาธิปไตยนั้นมาคส์หมายถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ยูโทเปียของเอตีแยน กาแบ (Etienne Cabet) ลัทธิคอมมิวนิสต์เผด็จการหมายถึงเผด็จการโดยชนกรรมาชีพ (dictatorship of the proletariat) ของผู้ติดตามของกรักคุส บาเบิฟ (Gracchus Babeuf) และการยกเลิกรัฐหมายถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ของเตออดอร์ เดซามี (Théodore Dézamy)
เมื่อกล่าวถึงลักษณะของ "ลัทธิคอมมิวนิสต์ดิบ" แล้ว มาคส์บรรยายถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ในความคิดของเขา:<templatestyles src="Template:Blockquote/styles.css" />"ลัทธิคอมมิวนิสต์"คือการยกเลิกเชิงบวกของ"กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล" ในฐานะที่เป็น"การแปลกแยกตัวเองของมนุษย์" และดังนั้นจึงเป็น"การถือเอา"สารัตถะของมนุษย์อย่างแท้จริงผ่านและเพื่อมนุษย์ การคืนสู่มนุษย์ทางสังคม กล่าวคือมนุษย์ที่เป็นมนุษย์ ภายในความอุดมสมบูรณ์ของพัฒนาการที่ผ่านมาทั้งหมดโดยเจตนาและโดยสมบูรณ์ของมนุษย์ด้วยตัวมันเอง ลัทธิคอมมิวนิสต์นี้เป็นมนุษยนิยมในแง่ที่เป็นธรรมชาตินิยมที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า และเป็นธรรมชาตินิยมในแง่ที่เป็นมนุษยนิยมที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า เป็นการแก้ปมปรปักษ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและกับมนุษย์"อย่างแท้จริง" เป็นการแก้ปมความขัดแย้งระหว่างการดำรงอยู่กับการเป็นอย่างแท้จริง ระหว่างการทำให้กลายเป็นวัตถุกับการยืนยันตนเอง ระหว่างเสรีภาพกับความจำเป็น ระหว่างปัจเจกกับสายพันธุ์ มันเป็นปริศนาของประวัติศาสตร์ที่ถูกไขแล้วและตระหนักรู้ว่าตนคือคำตอบนั้น
มาคส์เขียนถึงสามแง่มุมของลัทธิคอมมิวนิสต์ในความคิดของเขาลงในรายละเอียด เกี่ยวกับรากฐานทางประวัติศาสตร์ ลักษณะทางสังคม และว่าด้วยเรื่องของปัจเจก
ประการแรก มาคส์ชี้ถึงความแตกต่างระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์ของเขากับลัทธิคอมมิวนิสต์รูปแบบอื่น ๆ ที่ "ยังไม่พัฒนา" โดยยกตัวอย่างลัทธิคอมมิวนิสต์ของกาแบกับฟร็องซัว วีลการ์แดล (Francois Villegardelle) ว่ามันอาศัยรูปแบบต่าง ๆ ของประชาคมในประวัติศาสตร์ที่ต่อต้านทรัพย์สินส่วนบุคคลเพื่ออ้างตนเป็นลัทธิคอมมิวนิสต์ ในขณะที่ลัทธิคอมมิวนิสต์รูปแบบนี้อาศัยแง่มุมหรือยุคสมัยที่เป็นเอกเทศในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แต่มาคส์กล่าวว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ของตนมีพื้นฐานเป็น "ความเคลื่อนไหวของประวัติศาสตร์ทั้งปวง" โดยมี "พื้นฐานทางทฤษฎีและเชิงประจักษ์อยู่ในความเคลื่อนไหวของ"กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล" หรือกล่าวได้ว่าของเศรษฐกิจ" ความแปลกแยกขั้นพื้นฐานที่สุดของชีวิตมนุษย์แสดงออกเป็นการมีอยู่ของกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล และความแปลกแยกนี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงของมนุษย์ นั่นคือในเศรษฐกิจ ความแปลกแยกทางศาสนาเกิดขึ้นในพิชานของมนุษย์เท่านั้น การก้าวข้ามกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลจึงจะเป็นการก้าวข้ามความแปลกแยกทั้งปวง อาทิศาสนา ครอบครัว รัฐ ฯลฯ
ประการที่สอง มาคส์อ้างว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับตนเอง กับมนุษย์ตนอื่น กับสิ่งที่เขาผลิต ภายใต้สภาวะที่ไม่มีความแปลกแยก แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดของแรงงานคือคุณลักษณะเชิงสังคมของมัน มาคส์เชื่อว่ามนุษย์กับสังคมมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน สังคมเป็นผู้ผลิตมนุษย์และเป็นผลผลิตของมนุษย์ และเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างมนุษย์กับสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติก็เป็นเช่นนั้น มาคส์กล่าวว่า "ดังนั้น สังคมจึงเป็นเอกภาพสมบูรณ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เป็นการคืนชีพอย่างแท้จริงของธรรมชาติ เป็นธรรมชาตินิยมที่กลายเป็นจริงของมนุษย์ และเป็นมนุษยนิยมที่กลายเป็นจริงของธรรมชาติ" ความสามารถขั้นสารัตถะของมนุษย์เกิดขึ้นในปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เมื่อมนุษย์ทำงานเป็นเอกเทศ เขากระทำกิจทางสังคมโดยการดำรงอยู่ในฐานะมนุษย์ และแม้แต่การคิด ซึ่งใช้ภาษา ก็เป็นกิจกรรมทางสังคม
ประการที่สาม การเน้นย้ำในลักษณะทางสังคมของมนุษย์ไม่ได้ทำลายความเป็นปัจเจกของมนุษย์ "มนุษย์ ตราบเท่าใดที่เขาเป็นปัจเจก"จำเพาะ"หนึ่ง และด้วยความจำเพาะนี้เองทำให้เขาเป็นปัจเจกตนหนึ่ง และเป็นประชาคม"ปัจเจก"ที่แท้จริง เขาเป็น"องค์รวม"ตราบเท่านั้น เป็นองค์รวมของจิต เป็นการดำรงอยู่ทางอัตวิสัยของสังคมที่ถูกคิดและถูกรู้สึกโดยตัวมันเอง"
ส่วนที่เหลือของเอกสารต้นฉบับชิ้นที่สามของมาคส์อธิบายถึงมโนทัศน์เกี่ยวกับมนุษย์ที่ไม่แปลกแยก รอบด้าน และสมบูรณ์ มาคส์เชื่อว่าการก้าวข้ามกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลจะเป็นการปลดปล่อยสมรรถภาพมนุษย์ทั้งปวงโดยสมบูรณ์ การมอง การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การสัมผัส การคิด การสังเกต การรู้สึก การต้องการ การกระทำ และการรัก ล้วนแล้วจะกลายเป็นปัจจ้ยในการถือเอาความเป็นจริง มนุษย์ซึ่งแปลกแยกยากที่จะจินตนาการถึงสิ่งนี้ได้ เพราะกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลได้วางเงื่อนไขให้มนุษย์สามารถจินตนาการถึงการเป็นเจ้าของวัตถุชิ้นหนึ่งก็ต่อเมื่อเขาได้ใช้สอยมันจริง ๆ เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น วัตถุนั้นถูกใช้สอยในฐานะปัจจัยการยังชีพเพียงอย่างเดียว กล่าวคือที่ประกอบด้วยแรงงานและการสร้างทุน มาคส์เชื่อว่ามโนและกายสัมผัสทั้งปวงได้ถูกแทนที่ด้วยความแปลกแยกอันหนึ่งอันเดียว กล่าวคือ"การมี" มาคส์กล่าวว่า "การก้าวข้ามกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลจึงเป็นการปลดปล่อยสัมผัสและคุณลักษณะของมนุษย์โดยสมบูรณ์" และ "ความต้องการหรือการใช้สอยจึงสูญสิ้นธรรมชาติความเป็นอัตตาไป และธรรมชาติก็จะสูญสิ้นประโยชน์ใช้สอยแต่เพียงอย่างเดียวของมันไป ในการที่การใช้สอยของมันได้กลายเป็นการใช้สอย"แบบมนุษย์"" เมื่อมนุษย์เลิกหลงอยู่ในวัตถุ วิธีการที่อวัยวะของเขาถือเอาวัตถุได้กลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่งโดยสิ้นเชิง วัตถุที่มนุษย์ซึ่งไม่แปลกแยกถือเอานั้นจะสอดคล้องกับธรรมชาติของเขา มนุษย์ที่หิวโหยจะเห็นคุณค่าในอาหารเปรียบได้กับสัตว์เท่านั้น และผู้ค้าแร่เห็นเพียงแต่มูลค่า ใช่ความงาม ในสินค้าของเขา การก้าวข้ามกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลจะปลดปล่อยสมรรถภาพของมนุษย์ให้กลายเป็นสมรรถภาพแบบมนุษย์ จะเกิดการพัฒนาศักยภาพทางวัฒนธรรมของมนุษย์ที่สมบูรณ์และกลมเกลียวกัน โดยที่ความเป็นปฏิปักษ์ทางปัญญาของนามธรรม อย่าง "อัตวิสัยนิยมและปรวิสัยนิยม เจตนิยมและวัตถุนิยม กิจกรรมและความเจ็บไข้" จะสลายไป "พลังงานเชิงปฏิบัติของมนุษย์" จะเป็นสิ่งที่จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตแทน
ในส่วนถัดไปซึ่งปูทางให้กับคำอธิบายเกี่ยวกับวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ มาคส์กล่าวว่าสิ่งที่จะเปิดเผยสมรรถภาพขั้นสารัตถะของมนุษย์ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของศาสนา การเมือง หรือศิลปะ แต่เป็นประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเปิดเผยความสามารถและจิตวิทยาของมนุษย์ และจึงเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม การเติบโตอย่างยิ่งยวดของอุตสาหกรรมได้ทำให้วิทยาศาสตร์ธรรมชาติเปลี่ยนสภาพชีวิตของมนุษย์ไป เช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ว่ามีความสัมพันธ์แบบซึ่งกันและกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอยู่ มาคส์เชื่อว่าสักวันหนึ่งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติจะรวมถึงวิทยาศาสตร์มนุษย์ และวิทยาศาสตร์มนุษย์จะรวมถึงวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มาคส์เชื่อว่าประสบการณ์ทางผัสสะของมนุษย์ตามแบบที่ฟ็อยเออร์บัคอธิบายสามารถเป็นรากฐานให้กับวิทยาศาสตร์อันหนึ่งอันเดียวที่ครอบคลุมทุกสิ่งอย่างได้
บทวิพากษ์เฮเกิล.
"ต้นฉบับฯ" ส่วนถัดจากอรรถาธิบายลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นบทวิพากษ์เฮเกิลของมาคส์ มาคส์มองว่าเขาจำเป็นต้องกล่าวถึงวิภาษวิธีแบบเฮเกิลเพราะเฮเกิลได้จับความเกี่ยวกับสารัตถะของแรงงานมนุษย์ในแบบที่นักเศรษฐศาสตร์แบบคลาสสิกมองไม่เห็น แม้เฮเกิลจะทำความเข้าใจแรงงานในแบบนามธรรมและทางจิต แต่เขามองเห็นว่าแรงงานคือสิ่งที่สร้างมูลค่า โครงสร้างปรัชญาของเฮเกิลสะท้อนความแปลกแยกทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริงในกระบวนการทำงานของมนุษย์ มาคส์เชื่อว่าการค้นพบของเฮเกิลเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง แต่เขาทำให้มันกลายเป็นสิ่ง "เร้นลับ" มาคส์กล่าวว่ามีฟ็อยเออร์บัคเพียงคนเดียวที่วิจารณ์เฮเกิลด้วยเจตคติที่สร้างสรรค์ ทว่ามาคส์ก็ใช้เฮเกิลเพื่อชี้ถึงจุดอ่อนในแนวทางของฟ็อยเออร์บัคด้วย
วิภาษวิธีของเฮเกิลมองว่าความแปลกแยกเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในวิวัฒนาการของมนุษยชาติ มนุษยชาติสรรค์สร้างตัวเองขึ้นมาผ่านกระบวนการแปลกแยกสลับกับการก้าวข้ามความแปลกแยก เฮเกิลมองว่าแรงงานเป็นหนึ่งในกระบวนการแปลกแยกซึ่งทำให้สารัตถะของมนุษย์กลายเป็นจริง โดยการผันพลังขั้นสารัตถะของมนุษย์ออกมาภายนอกผ่านภาวะที่เป็นวัตถุ แล้วกลืนมันกลับเข้าไปภายในฃ เฮเกิลมองว่าวัตถุซึ่งดูเหมือนกำลังควบคุมชีวิตของมนุษย์อยู่ กล่าวคือศาสนาและความมั่งมี แท้จริงแล้วเป็นของมนุษย์ และเป็นผลผลิตของความสามารถขั้นสารัตถะของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม มาคส์วิจารณ์เฮเกิลที่เปรียบให้แรงงานเท่ากับกิจกรรมทางจิตวิญญาณ และความแปลกแยกเท่ากับวัตถุวิสัย มาคส์เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่เฮเกิลเข้าใจผิดคือการทำให้สิ่งต่าง ๆ ซึ่งปรากฏต่อมนุษย์ในทางวัตถุและทางผัสสะกลายเป็นสิ่งทางจิต เพราะสำหรับเฮเกิล การก้าวข้ามความแปลกแยกคือการก้าวข้ามวัตถุ กล่าวคือการกลืนมันกลับเข้าไปยังธรรมชาติทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ในระบบของเฮเกิล การถือเอาสิ่งแปลกแยกกลายเป็นเพียงการถือเอาในเชิงนามธรรมซึ่งเกิดขึ้นในระดับของจิตสำนึกเท่านั้น ในขณะที่มนุษย์ทนทุกข์จากความแปลกแยกทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่เฮเกิลสนใจเพียง"แนวคิด"ของเศรษฐกิจและการเมือง เพราะเฮเกิลมองว่าบูรณาการระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเกิดขึ้นในระดับจิตวิญญาณ มาคส์จึงมองว่านี่เป็นเพียงสิ่งนามธรรมและภาพลวงตา
มาคส์นับว่าฟ็อยเออร์บัคเป็นหนึ่งในศิษย์ของเฮเกิลคนเดียวที่เข้าใจปรัชญาของอาจารย์ของเขาอย่างแท้จริง ฟ็อยเออร์บัคแสดงให้เห็นว่าเฮเกิลเริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นนามธรรม จากมุมมองที่เป็นอนันต์ของศาสนากับเทววิทยา แล้วก้าวข้ามมันด้วยมุมมองที่เป็นอันตะและจำเพาะของปรัชญา แต่ก็เพียงเพื่อก้าวข้ามมุมมองนี้ผ่านการฟื้นฟูสิ่งที่เป็นนามธรรมตามปกติของเทววิทยา ฟ็อยเออร์บัคมองว่าขั้นสุดท้ายนี้เป็นการเดินถอยหลัง ซึ่งมาคส์เห็นด้วย
เฮเกิลเชื่อว่าความเป็นจริงคือจิต (Geist) ซึ่งทำให้ตนเองกลายเป็นจริงขึ้นมา และความแปลกแยกเกิดจากความล้มเหลวของมนุษย์ที่ไม่เข้าใจว่าสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของพวกเขาเป็นการฟุ้งออกมาของจิต จิตดำรงอยู่ภายในและผ่านกิจกรรมการผลิตของตัวเองเท่านั้น จิตในกระบวนการทำให้ตนกลายเป็นจริงจึงสร้างโลกขึ้นมา ซึ่งในตอนแรกเชื่อว่าเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอกมัน แต่ค่อย ๆ ทำความเข้าใจว่ามันเป็นผลผลิตของตัวเอง เป้าหมายของประวัติศาสตร์คือเสรีภาพ และเสรีภาพคือการที่มนุษย์สำนึกรู้ตนโดยสมบูรณ์
มาคส์ปฏิเสธแนวคิดเรื่อง"จิต"ของเฮเกิล โดยมองว่ากิจกรรมทางจิตหรือมโนคติของมนุษย์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะอธิบายความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมได้ มาคส์กล่าวว่าในขณะที่เฮเกิลพูดว่าธรรมชาติมนุษย์เป็นเพียงลักษณะหนึ่งของความสำนึกรู้ตน แต่ในความเป็นจริงความสำนึกรู้ตนก็เป็นเพียงหนึ่งในลักษณะของธรรมชาติมนุษย์เท่านั้น เฮเกิลเชื่อว่าสามารถจับมนุษย์ให้เท่ากับความสำนึกรู้ตนได้ เพราะความสำนึกรู้ตนมีเพียงตนเท่านั้นที่เป็นวัตถุ และนอกจากนั้น มุมมองว่าด้วยความแปลกแยกของเฮเกิลประกอบด้วยวัตถุวิสัยและการก้าวข้ามความแปลกแยกโดยหลัก ๆ แล้วประกอบด้วยการก้าวข้ามวัตถุวิสัย มาคส์แย้งมุมมองนี้ว่าหากมนุษย์เป็นเพียงความสำนึกรู้ตน สิ่งที่เขาจะทำให้เกิดขึ้นภายนอกตัวเขาก็จะมีเพียงวัตถุนามธรรมซึ่งไม่ได้เป็นอิสระแต่อย่างใดจากความสำนึกรู้ตนของเขา หากความแปลกแยกทั้งหมดมีเพียงความแปลกแยกของความสำนึกรู้ตน เช่นนั้นแล้วความแปลกแยกที่เป็นจริง กล่าวคือความแปลกแยกที่เกิดขึ้นกับวัตถุในธรรมชาติ ก็กลายเป็นเพียงภาพปรากฏ
มาคส์มองว่ามนุษย์เป็นสัตทางธรรมชาติทางวัตถุวิสัย ซึ่งมีวัตถุทางธรรมชาติซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของตน มาคส์เรียกมุมมองของเขาว่า "ธรรมชาตินิยม" และ "มนุษยนิยม" ซึ่งเขาแยกจากจิตนิยมและวัตถุนิยม แต่อ้างว่าเป็นการประสานกันของสิ่งที่เป็นจริงในทั้งสองมุมมองนั้น ในมุมมองของมาคส์ ธรรมชาติเป็นปฏิปักษ์กับมนุษย์แต่มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งในระบบของธรรมชาติ ธรรมชาติมนุษย์ประกอบขึ้นจากความต้องการและแรงขับของมนุษย์ และมนุษย์สนองความต้องการกับแรงขับขั้นพื้นฐานเหล่านี้ผ่านธรรมชาติ ดังนั้น มนุษย์จำเป็นต้องมีวัตถุที่เป็นอิสระจากตัวเขาในการที่เขาจะสามารถแสดงธรรมชาติทางวัตถุวิสัยของเขาได้ สัตซึ่งไม่ใช่ทั้งวัตถุหรือมีวัตถุจึงจะเป็นสัตเพียงตนเดียวที่จะมีอยู่ได้ เป็นสิ่งนามธรรมซึ่งไม่เป็นวัตถุวิสัย
ถัดจากส่วนที่กล่าวถึงธรรมชาติมนุษย์ มาคส์ให้ความเห็นเกี่ยวกับบทสุดท้ายในงานเขียนของเฮเกิล "Phenomenology" โดยวิจารณ์เฮเกิลที่จับความแปลกแยกมาเท่ากับวัตถุวิสัย และที่อ้างว่าจิตสำนึกได้ก้าวข้ามความแปลกแยกแล้ว มาคส์กล่าวว่าเฮเกิลมองว่าจิตสำนึกรู้ว่าวัตถุของมันคือความแปลกแยกของตัวมันเอง ว่าวัตถุของจิตสำนึกกับจิตสำนึกเองไม่มีความแตกต่างกัน มนุษย์จะก้าวข้ามความแปลกแยกได้เมื่อเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับโลกทางจิตวิญญาณในรูปแปลกแยก โดยเชื่อว่ามันเป็นหนึ่งในสมบัติของการดำรงอยู่ที่แท้จริงของเขา ความหมายของคำว่า "การก้าวข้าม" ("Aufhebung") ของมาคส์แตกต่างจากของเฮเกิล ซึ่งในขณะที่กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล จริยธรรม ครอบครัว ประชาสังคม รัฐ ฯลฯ จะถูก "ก้าวข้าม" แล้วในระดับความคิด แต่มันยังคงหลงเหลืออยู่ในความเป็นจริง เฮเกิลได้ทำความเข้าใจกระบวนการแปลกแยกและการก้าวข้ามมันจริง อเทวนิยมก้าวข้ามพระเป็นเจ้าเพื่อผลิตมนุษยนิยมในทางทฤษฎี และลัทธิคอมมิวนิสต์ก้าวข้ามกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลเพื่อผลิตมนุษยนิยมในทางปฏิบัติ ทว่าในมุมมองของมาคส์ ความพยายามในการบรรลุมนุษยนิยมเองนั้นจะต้องถูกก้าวข้ามเพื่อสร้างมนุษยนิยมเชิงบวกที่จะสร้างตัวเองขึ้นมา
ความต้องการ การผลิต การแบ่งงาน และเงินตรา.
ในส่วนสรุปของ"ต้นฉบับฯ" มาคส์เขียนถึงจริยธรรมของกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลและความหมายของเงินตรา ส่วนนี้อยู่ในกรอบเดียวกันกับส่วนแรกว่าด้วยค่าจ้าง ค่าเช่า และกำไร มาคส์กล่าวว่ากรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลประดิษฐ์ความต้องการขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ตกอยู่ในสภาวะพึ่งพา เมื่อมนุษย์และความต้องการตกอยู่ใต้ความควบคุมของตลาด ความยากจนเพิ่มขึ้นและสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ย่ำแย่ลงยิ่งกว่าของสัตว์ และในแนวเดียวกัน เศรษฐศาสตร์การเมืองพร่ำสอนให้ละเว้นกายิกสุขและลดทอนความต้องการของคนงานให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นอันน่าสังเวชในชีวิต เศรษฐศาสตร์การเมืองมีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง เพราะความแปลกแยกได้แบ่งแยกกิจกรรมต่าง ๆ เป็นหลากหลายสาขา ซึ่งหลายครั้งมีบรรทัดฐานที่ต่างกันและขัดแย้งกัน มาคส์กล่าวว่านักเศรษฐศาสตร์แบบคลาสสิกต้องการจำกัดจำนวนประชากรและคิดว่าแม้แต่การมีผู้คนเองก็เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยแล้ว แล้วเขากลับไปยังหัวข้อว่าด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ เขาอ้างว่าสถานการณ์ในประเทศอังกฤษมีรากฐานที่พร้อมสำหรับการก้าวข้ามความแปลกแยกยิ่งกว่าในประเทศเยอรมนีหรือฝรั่งเศส เพราะรูปแบบของความแปลกแยกในประเทศอังกฤษมีฐานอยู่ในความต้องการในทางปฏิบัติ ในขณะที่ลัทธิคอมมิวนิสต์เยอรมันมีฐานอยู่ในความพยายามสร้างความสำนึกรู้ตนโดยสากล และความเท่าเทียมของลัทธิคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศสนั้นมีรากฐานเป็นด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว
มาคส์ย้อนกลับไปกล่าวถึงการลดทอนความเป็นมนุษย์อันเป็นผลจากทุนในครึ่งหลังของส่วนนี้ เขาพูดถึงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและการยกเลิกค่าเช่าที่ดิน และปัญหาว่าด้วยการแบ่งงาน (division of labor) ในส่วนต่อไปที่กล่าวถึงเงินตรา มาคส์ยกคำพูดของเชกสเปียร์และเกอเทอมาให้เหตุผลว่าเงินตราเป็นหายนะของสังคม เพราะเงินตราสามารถซื้อได้ทุกสิ่ง มันจึงสามารถบรรเทาความขลาดแคลนทั้งมวลได้ มาคส์เชื่อว่าในสังคมที่ทุกสิ่งมีมูลค่าแบบมนุษย์ที่ชัดเจน มีเพียงความรักเท่านั้นที่แลกเปลี่ยนกับความรักได้ ฯลฯ
การตีพิมพ์และการตอบรับ.
"ต้นฉบับฯ" ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกที่มอสโกใน ค.ศ. 1932 เป็นส่วนหนึ่งของฉบับ"มาคส์-เอ็งเงิลส์-เกอซัมท์เอาส์กาเบอ" ("Marx-Engels-Gesamtausgabe") มีดาวิด เรียซานอฟ เป็นบรรณาธิการ เจิร์จ ลุกาช (György Lukács) ได้ทำงานถอดความงานชิ้นนี้ภายใต้ความดูแลของเขา ซึ่งต่อมาลุกาชกล่าวว่าประสบการณ์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนการตีความลัทธิมากซ์ของเขาไปอย่างถาวร หลังถูกตีพิมพ์ออกมา แฮร์เบิร์ท มาร์คูเซอ (Herbert Marcuse) และอ็องรี เลอแฟฟวร์ ได้ให้ความยอมรับในความสำคัญของงานชิ้นนี้ มาร์คูเซอกล่าวว่า"ต้นฉบับฯ" แสดงให้เห็นถึงรากฐานทางปรัชญาของลัทธิมากซ์ โดยเป็นการวาง "ทฤษฎี 'สังคมนิยมวิทยาศาสตร์' ทั้งหมดอยู่บนฐานรากใหม่" เลอแฟฟวร์และนอร์เบิร์ท กูเทอร์มัน (Norbert Guterman) เป็นคนแรก ๆ ที่แปล"ต้นฉบับฯ" เป็นภาษาต่างชาติ โดยได้ตีพิมพ์ฉบับภาษาฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1933 งานเขียนของเลอแฟฟวร์ "Le matérialisme dialectique" ซึ่งเขียนขึ้นใน ค.ศ. 1934–1935 เป็นการรุดหน้าการประกอบเนื้องานของมาคส์ทั้งหมดขึ้นใหม่โดยพิจารณาถึงงาน"ต้นฉบับฯ" ด้วย แม้ว่าจะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่สำเนาของ"ต้นฉบับฯ" ฉบับนี้ต่อมากลายเป็นงานที่หายาก เพราะโครงการ"มาคส์-เอ็งเงิลส์-เกอซัมท์เอาส์กาเบอ"ถูกยกเลิกไปในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
งานชิ้นนี้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยปรากฏฉบับมาตรฐานในภาษาอังกฤษใน ค.ศ. 1956 และภาษาฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1962 ในช่วงเวลาเดียวกัน "ต้นฉบับฯ" ถูกแปลและพูดถึงในภาษาอิตาลีเป็นครั้งแรกโดยกัลวาโน เดลลา วอลเป (Galvano Della Volpe) ซึ่งเสนอการตีความที่ต่างไปจากของลุกาช มาร์คูเซอ หรือเลอแฟฟวร์อย่างมาก และได้ให้กำเนิดสำนักคิดของตัวเองขึ้นมา นักเขียนคาทอลิกหลายคน โดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศส ให้ความสนใจกับต้นฉบับในช่วงเวลาเดียวกัน ลัทธิมากซ์อัตถิภาวะ (existential Marxism) ของมอริส แมร์โล-ปงตี (Maurice Merleau-Ponty) และฌ็อง-ปอล ซาทร์ ก็ได้ดึงเอามาจากงาน"ต้นฉบับฯ" อย่างมาก ในสหรัฐ "ต้นฉบับฯ" ได้รับการยอมรับอย่างมากในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 และช่วงต้น 1960 จากกระแสปัญญาชนที่เรียกว่าฝ่ายซ้ายใหม่ (New Left) ประกอบกับการตีพิมพ์ฉบับซึ่งมีคำนำโดยเอริช ฟร็อม (Marx's Concept of Man) ออกมาใน ค.ศ. 1961
เพราะคำว่าความแปลกแยกไม่มีปรากฏอยู่ในรูปแบบอย่างมีนัยสำคัญใด ๆ ในผลงานชิ้นเอกของมาคส์ "Das Kapital" การตีพิมพ์ของ"ต้นฉบับฯ" ได้ก่อให้เกิดการโต้เถียงอย่างมากถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "มาคส์วัยเยาว์" (Young Marx) กับ "มาคส์วัยผู้ใหญ่" "ต้นฉบับฯ" เป็นแหล่งอ้างอิงสำคัญของแนวคิด "มนุษยนิยมแนวมากซ์" (Marxist humanism) ซึ่งมองว่ามนุษยนิยมเชิงปรัชญาแบบเฮเกิลมีความต่อเนื่องกันกับทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ในภายหลังของมาคส์ แต่ในทางตรงกันข้าม สหภาพโซเวียตโดยส่วนมากเมินเฉยต่อ"ต้นฉบับฯ" เพราะเชื่อว่าเป็น "งานเขียนเริ่มแรก" ของมาคส์ซึ่งแสดงถึงแนวความคิดที่ไม่ได้นำให้เขาไปยังจุดใดเลย ลัทธิมากซ์เชิงโครงสร้าง (structural Marxism) ของหลุยส์ อาลตูว์แซร์ (Louis Althusser) รับเอาคำตัดสินงานเขียนเริ่มแรกของมาคส์จากสหภาพโซเวียตมา อาลตูว์แซร์เชื่อว่ามี "รอยแยก" อยู่ในช่วงพัฒนาการของมาคส์ โดยเป็นรอยแยกที่แบ่งความคิดของมาคส์ออกเป็นยุคสมัยเชิง "อุดมการณ์" ก่อน ค.ศ. 1845 กับยุคสมัยเชิงวิทยาศาสตร์หลังจากนั้น บุคคลอื่น ๆ ซึ่งสันนิษฐานรอยแยกนี้เช่นกันสรรเสริญงาน"ต้นฉบับฯ" และเชื่อว่ามาคส์วัยเยาว์คือมาคส์ตัวจริง นักเศรษฐศาสตร์สำนักมากซ์แอร์เน็สท์ มันเด็ล (Ernest Mandel) แบ่งทั้งสามสำนักคิดนี้ออกจากกันโดยพิจารณาถึงข้อขัดแย้งนี้:<templatestyles src="Template:Blockquote/styles.css" />(1) จุดยืนของผู้ที่พยายามปฏิเสธว่า "ต้นฉบับทางเศรษฐศาสตร์และปรัชญา" กับ "ทุน" ไม่มีความแตกต่างกันเลย และมองว่าพื้นฐานของนิพนธ์ใน "ทุน" มีอยู่ใน "ต้นฉบับฯ" อยู่แล้ว<br>
(2) จุดยืนของผู้ที่มองว่ามาคส์ใน "ต้นฉบับฯ" เมื่อเทียบกับมาคส์ใน "ทุน" ได้แสดงปัญหาของแรงงานแปลกแยกในรูปแบบที่ "สมบูรณ์" และ "ครบถ้วน" มากกว่า โดยเฉพาะผ่านการแสดงมิติทางจริยศาสตร์ มานุษยวิทยา และแม้แต่ทางปรัชญาของมโนทัศน์นี้ คนกลุ่มนี้แยกมาคส์ทั้งสองคนออกจากกันหรือไม่อย่างนั้น "ทุน" ก็จะถูก "ประเมินใหม่" โดยพิจารณา "ต้นฉบับฯ" ร่วมด้วย<br>
(3) จุดยืนของผู้ที่มองว่าแนวความคิดว่าด้วยแรงงานแปลกแยกของมาคส์วัยเยาว์ใน "ต้นฉบับฯ" ไม่ได้เพียงขัดแย้งกับการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ของ "ทุน" เท่านั้น แต่ยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้มาคส์วัยเยาว์ยอมรับทฤษฎีมูลค่าแรงงานได้อย่างยากลำบาก สำหรับตัวแทนสุดโต่งในสำนักนี้ แนวคิดเรื่องความแปลกแยกเป็นแนวคิด "ก่อนลัทธิมากซ์" ที่มาคส์จำต้องก้าวข้ามเสียก่อนจะมาถึงการวิเคราะห์เศรษฐกิจทุนนิยมแบบวิทยาศาสตร์ได้ | 
| 
	1314170 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314170 | 
	ดรีนารีกัตตา | 
	ดรีนารีกัตตา  เป็นงานท่องเที่ยวและสันทนาการที่จัดขึ้นในแม่น้ำดรีนา เทศกาลนี้เริ่มตั้งแต่ ค.ศ. 1994 และจัดโดย เอส.ที.ซี. "บายีนาบาชตา" กับเทศบาลบายีนาบาชตาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในแพไม้ การแข่งเรือดังกล่าวเป็นงานที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในประเทศเซอร์เบียทางทิศตะวันตกและอีเวนต์ฤดูร้อนกลางน้ำในภูมิภาคนี้
การแข่งเรือและเทศกาล.
วันแรกของเทศกาลนี้มีการแข่งว่ายน้ำและการแข่งซุปปลาใกล้แม่น้ำสายเล็กของเวรโลในหมู่บ้านเปรูชัก ส่วนวันต่อมารวมถึง ‘การแข่งรีกัตตา’ ซึ่งเริ่มจากหมู่บ้านเปรูชักไปยังเมืองบายีนาบาชตา และกระโดดน้ำจากสะพานดรีนาซึ่งเชื่อมระหว่างบายีนาบาชตา กับหมู่บ้านสเกลานีในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | 
| 
	1314176 | 
	48981 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314176 | 
	ถล่มนครเวหา อาเรียเดน | 
	ถล่มนครเวหา อาเรียเดน (; โรมาจิ: "Sōkyū no Ariadone") เป็นซีรีส์มังงะญี่ปุ่น แต่งเรื่องและวาดภาพโดยโนริฮิโกะ ยางิ ตีพิมพ์ในนิตยสาร"โชเน็งซันเดย์รายสัปดาห์" นิตยสารมังงะแนว"โชเน็ง"ของสำนักพิมพ์โชงากูกังตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 ถึงกันยายน พ.ศ. 2565 ก่อนย้ายไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มออนไลน์"ซันเดย์เวบรี" รวบรวมตีพิมพ์เป็นหนังสือมังงะรวมเล่ม ("ทังโกบง") ถึงเล่มที่ 22 เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ซีรีส์มังงะมีลิขสิทธิ์ในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ | 
| 
	1314177 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314177 | 
	สตีฟ แมคมาน | 
	สตีเฟน โจเซฟ แมคมาน (;เกิด 20 สิงหาคม ค.ศ. 1961) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลทางโทรทัศน์
ในฐานะผู้เล่น เขาเล่นในตำแหน่งกองกลางตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ถึง ค.ศ. 1998 เขาเป็นที่น่าจดจำที่สุดเมื่อเล่นให้กับลิเวอร์พูลในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 แมคมานอยู่ในอันดับที่ 42 ในการสำรวจความคิดเห็น '100 Players Who Shook The Kop' ซึ่งขอให้กองเชียร์หงส์แดงเสนอชื่อผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ดีที่สุดตลอดกาล 100 คน เขายังเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันซึ่งเป็นสโมสรแรกของเขา แอสตันวิลลา และแมนเชสเตอร์ซิตี เขาลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษไป 17 นัด
หลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดในปี ค.ศ. 1998 กับสวินดอนทาวน์ เขาเริ่มอาชีพโค้ชและผู้จัดการทีมกับสวินดอนทาวน์ และต่อมาได้คุมทีมแบล็คพูล โดยได้เลื่อนชั้นกับทั้งสองสโมสร ต่อมาเขาเป็นผู้จัดการช่วงสั้น ๆ ของเพิร์ธกลอรีในออสเตรเลีย
ระดับสโมสร.
เอฟเวอร์ตัน.
แมคมานที่เกิดในเฮลวูดเริ่มต้นอาชีพของเขาที่เอฟเวอร์ตันโดยเล่นให้พวกเขาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นหลังจากปรากฏตัวที่กูดิสันพาร์ก ในฐานะเด็กเก็บบอล เขาเปิดตัวในลีกนัดแรกเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1980 ในเกมที่แพ้ซันเดอร์แลนด์ 1–3 ที่โรเกอร์พาร์ก เขาได้รับการโหวตให้เป็น the supporters player of the year เมื่อจบฤดูกาล 1980/81 ทำให้เขาได้เป็นกัปตันทีม | 
| 
	1314218 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314218 | 
	สตีฟ นิโคล | 
	สตีเฟน นิโคล (เกิด 11 ธันวาคม ค.ศ. 1961) เป็นนักฟุตบอล โค้ช และผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลทางโทรทัศน์ชาวสกอตแลนด์ นิโคลเล่นเป็นแบ็กขวาเป็นส่วนใหญ่ และบางครั้งก็เล่นในตำแหน่งอื่นๆ ทั้งในแนวรับและมิดฟิลด์ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอลกับทีมลิเวอร์พูลที่ประสบความสำเร็จในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 เขายังเป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมชาติสกอตแลนด์และเป็น 1 ในสมาชิกทีมชาติสกอตแลนด์ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก
นิโคลเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสรท้องถิ่นคือ Ayr United ก่อนจะย้ายไปลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 1981 เขาคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 5 สมัย เอฟเอคัพ 3 สมัย และยูโรเปียนคัพ 1984 ตลอด 14 ปีกับลิเวอร์พูล | 
| 
	1314225 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314225 | 
	จังหวัดบาดกิส | 
	บาดกิส  เป็นจังหวัดของอัฟกานิสถาน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมีพรมแดนติดกับเติร์กเมนิสถาน ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ด้อยพัฒนาที่สุดของประเทศ และมีอัตราความยากจนสูงที่สุด เมืองหลักคือ Qala e Naw ในขณะที่เมืองที่มีประชากรมากที่สุด คือ Bala Murghab ซากปรักหักพังของเมือง Marw al-Rudh ในยุคกลาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางประวัติศาสตร์ของแคว้น Gharjistan ในยุคกลาง ตั้งอยู่ในจังหวัดแห่งนี้ ใกล้กับเมือง Bala Murghab ที่ทันสมัย
ภูมิศาสตร์.
จังหวัดบาดกิส ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาโดดเดี่ยวทางตะวันตกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถานและมีพรมแดนติดกับจังหวัดเฮราต, กาวร์ และ ฟาร์ยาบ รวมถึงประเทศเติร์กเมนิสถาน จังหวัดมีพื้นที่ทั้งหมด 20,591 ตร.กม. ทางอุทกวิทยา จังหวัดนี้มีแม่น้ำ Murghab ซึ่งใช้ในการชลประทาน ประกอบไปด้วยภูเขาบางส่วน แต่มีลักษณะเด่นคือเนินเขาสลับกับหุบเหว
จังหวัดนี้มีลมที่แรงมาก ชื่อของจังหวัด "บาดกิส" ได้มาจากคำในภาษาเปอร์เซีย "bâd-khiz" แปลว่า "แหล่งลม" ซึ่งหมายถึงลมบริภาษที่พัดเข้ามาในจังหวัดจากทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ พรมแดนทางเหนือทอดยาวไปถึงขอบทะเลทราย Karakum ซึ่งรู้จักกันในชื่อทะเลทราย Sarakhs Badghis ทางตอนเหนือรวมถึงดินเหลืองและการก่อตัวของ aeolian อื่น ๆ ซึ่งรู้จักกันในท้องถิ่นว่า "chul" ไหลผ่านเขตแดนเติร์กเมนิสถาน - อัฟกานิสถาน ข้ามพรมแดนในเติร์กเมนิสถานคือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งรัฐ Badhyz ในเขตกึ่งทะเลทราย Badkhiz-Karabil
ประวัติศาสตร์.
ก่อนถูกชาวอาหรับรุกราน จังหวัดนี้เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร Badghis ซึ่งกษัตริย์ Tarkhan Tirek ได้ต่อต้านการรุกรานของ Umayyad ในปี ค.ศ. 709 หลังจากการรุกรานของชาวอาหรับ จังหวัดนี้ถูกกบฏและทำหน้าที่เป็นที่หลบภัยของผู้คัดค้านทางศาสนาจนถึงประมาณปี ค.ศ. 1,000 ทุ่งหญ้าที่สวยงามของบาดกิสถูกใช้เป็นทุ่งหญ้าฤดูร้อนโดยราชวงศ์ Timurid ในศตวรรษที่ 15 ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จังหวัดได้รับความเสียหายหลังการโจมตีจากเติร์กเมนิสถาน ในปี ค.ศ. 1964 จังหวัดนี้ถูกแยกออกจากส่วนหนึ่งของจังหวัดเฮราต และจังหวัดเมย์มาเนห์
จังหวัดนี้เป็นหนึ่งในจังหวัดสุดท้ายที่กลุ่มตอลิบานยึดได้ในการรุกทางทหารก่อนการรุกรานของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2001 จังหวัดนี้ถูกยึดคืนอย่างรวดเร็วโดยกองกำลังพันธมิตรทางเหนือในขณะที่สหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการทางทหาร จังหวัดบาดกิส อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มตอลิบานอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2021
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022 จังหวัดนี้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 คร่าชีวิตผู้คนไปหลายสิบคน
ข้อมูลประชากร.
เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในอัฟกานิสถาน ไม่มีข้อมูลจำนวนประชากรที่แน่นอน กระทรวงการฟื้นฟูและพัฒนาชนบทของอัฟกานิสถาน (MRRD) ร่วมกับ UNHCR และหน่วยงานสถิติและข้อมูลแห่งชาติ (NSIA) ของอัฟกานิสถานประมาณการจำนวนประชากรของจังหวัดว่าจะมีประมาณ 559,297 คนในปี ค.ศ. 2021 ประชากรชายของจังหวัดบาดกิส ในปี ค.ศ. 2013 มีจำนวน 241,200 คน ขณะที่ประชากรหญิงมีจำนวน 230,700 คนในปีเดียวกันที่มีข้อมูลอยู่ในขณะนี้ ชาวทาจิกมีประมาณ 67% ของประชากรทั้งหมดของจังหวัด อีกกลุ่มประกอบด้วยชาวพัชตุนเป็นส่วนใหญ่ (48%) และชาวฮาซารา อุซเบก เติร์กเมน และบาลุชซึ่งมีจำนวนที่น้อยกว่า
การเมือง.
พรรคการเมืองขนาดใหญ่ในจังหวัดบาดกิส ได้แก่
ในจังหวัดนี้มีทีมที่คอยช่วยฟื้นฟูส่วนภูมิภาคซึ่งนำโดยสเปน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ทหารสหรัฐจากรัฐเท็กซัสซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกรมทหารพรานที่ 75 จนได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปฏิบัติการรบในจังหวัดดังกล่าว
เศรษฐกิจ.
จังหวัดบาดกิส นับเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ด้อยพัฒนาที่สุดในบรรดา 34 จังหวัดของประเทศ นอกจากจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ และถนนที่ยังไม่ได้มาตราฐานแล้ว ยังขาดแคลนน้ำมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานอีกด้วย การเกษตรเป็นแหล่งรายได้หลักของผู้คนและการดำรงอยู่ของแม่น้ำ Murghab ทำให้ที่ดินที่มีอยู่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก จังหวัดประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และดำเนินต่อไป ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยบไปยังค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมืองเฮราต ภัยแล้งเริ่มรุนแรงขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่ามากเกินไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 บาดกิสเป็นจังหวัดชั้นนำในการผลิตถั่วพิสตาชิโอของอัฟกานิสถาน นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในพื้นที่ทำพรมของประเทศ อีกทั้งจังหวัดนี้เคยผลิตแกะ Karakul จนถึงปลายทศวรรษ 1970 ด้วย
การคมนาคม.
จังหวัดบาดกิส ประสบปัญหาขาดการคมนาคม มีสนามบินระดับจังหวัดเพียงแห่งเดียว นั่นคือสนามบิน Qala i Naw (QAQN) ซึ่งสามารถรองรับแค่เครื่องบินขนาดเล็กได้ งานก่อสร้างถนนวงแหวนอัฟกานิสถานระยะทาง 233 กม. เริ่มขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 2012 ส่วนนี้จะเชื่อมต่อ Bala Murghab กับ เฮราต ทางตะวันตกเฉียงใต้ และ Maymana และ มะซารีชะรีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
สาธารณสุข.
เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนที่มีน้ำดื่มสะอาดลดลงจาก 11.6% ในปี ค.ศ. 2005 เป็น 1% ในปี ค.ศ. 2011 เปอร์เซ็นต์ของการทำคลอดโดยบุคลากรที่เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นจาก 15% ในปี ค.ศ. 2005 เป็น 17% ในปี ค.ศ. 2011 ตัวเลขอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2007 ระบุว่า 17% ของจำนวนประชากรจังหวัดบาดกิส สามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่ปลอดภัยได้ ในขณะที่มีเพียง 1% ของการคลอดโดยบุคลากรที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
การศึกษา.
จากข้อมูลของแผนกการศึกษา จังหวัดบาดกิส มีโรงเรียน 457 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนมัธยม 75 แห่ง ที่เหลือเป็นโรงเรียนแบบประถมและมัธยม มีนักเรียนมากถึง 120,000 คน โดย 35% เป็นนักเรียนหญิง มีโรงเรียนอาชีวศึกษาเกษตร 1 แห่ง และสถาบันฝึกอบรมผดุงครรภ์ 1 แห่งในจังหวัดด้วย อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 2007 อัตราการรู้หนังสือโดยรวมอยู่ที่ 9.5% เท่านั้น
การแบ่งเขตการปกครอง.
จังหวัดบาดกิส แบ่งออกเป็น 7 อำเภอ ดังนี้ | 
| 
	1314242 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314242 | 
	อินเวสชันออฟไพรเวซี | 
	อินเวชันออฟไพรเวซี  เป็นสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวของแร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน คาร์ดิ บี ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 2018 โดยค่ายเพลงแอตแลนติกเรเคิดส์ เป็นเพลงฮิปฮอปโดยพื้นฐานที่รวมแนวเพลงแทร็ป, ละตินแทร็ป และอาร์แอนด์บี ผลิตโดย 30 ร็อก, แอนดรูว์ วัตต์, เบนนี บลังโก, บอย-1ดา, เครก คัลล์แมน, คิวบีตซ์, ดีเจมัสตาร์ด, แฟรงก์ ดุกส์, เจ. ไวต์ดิดอิต, คียซ์, เมอร์ดา บีตซ์, นีลซ์, ไทนี และไวนิลซ์ และอื่น ๆ อัลบั้มนี้มีนักร้องรับเชิญคือ มิกอส, แชนซ์เดอะแร็ปเปอร์, เคห์ลานี, ซีซา, ทเวนตีวันซาเวจ, เจ บัลวิน, แบดบันนี และวายจี
อัลบั้มเปิดตัวที่อันดับสูงสุดบนชาร์ต"บิลบอร์ด" 200 ของสหรัฐ ขายได้ 255,000 หน่วยเทียบเท่ากับอัลบั้มในสัปดาห์แรก โดย 103,000 มาจากยอดขายอัลบั้มล้วน ๆ ได้รับการยืนยันระดับแผ่นเสียงทองคำขาวสามครั้งจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) ประกอบด้วยห้าซิงเกิล ได้แก่ "Bodak Yellow", "Bartier Cardi" ร้องรับเชิญโดยทเวนตีวันซาเวจ, "Be Careful", "I Like It" ร้องรับเชิญโดยแบดบันนี และเจ บัลวิน และ "Ring" ร้องรับเชิญโดยเคห์ลานี ทั้งสองซิงเกิลที่ได้รับการยืนยันระดับแผ่นเสียงเพชรอย่าง "Bodak Yellow" และ "I Like It" ต่างขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ต "บิลบอร์ด"ฮอต 100 ทำให้เธอกลายเป็นแร็ปเปอร์หญิงคนแรกที่ติดอันดับสูงสุดบนชาร์ตหลายรายการ หลังจากออกจำหน่าย อัลบั้มยังทำสถิติการสตรีมหลายรายการ ซึ่งรวมถึงอัลบั้มแรกของศิลปินหญิงที่มียอดสตรีมเปิดตัวกว่า 100 ล้านครั้งบนแอปเปิลมิวสิก อีกทั้งยังเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่นำเพลงถึงสิบสามเพลงขึ้นชาร์ตพร้อมกันบนฮอต 100 นอกจากนั้นยังกลายเป็นอัลบั้มแรกในประวัติศาสตร์ดนตรีที่แทร็กทั้งหมดได้รับการยืนยันระดับแผ่นเสียงทองคำขาวหรือสูงกว่านั้นจากอาร์ไอเอเอ เป็นอัลบั้มแร็ปหญิงอันดับต้น ๆ ในคริสต์ทศวรรษ 2010 ตามชาร์ตปลายทศวรรษของ "บิลบอร์ด" 200 ทำลายสถิติอัลบั้มของแร็ปเปอร์หญิงที่อยู่บนชาร์ต "บิลบอร์ด" 200 ได้นานที่สุด นำหน้าอัลบั้มอย่าง "เดอะมิสเอดูเคชันออฟลอรีนฮิลล์" โดยใช้เวลากว่าสามปีเต็มบนชาร์ต ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 กลายเป็นอัลบั้มแร็ปหญิงที่มียอดสตรีมสูงสุดบนสปอติฟายและแอปเปิลมิวสิก และเป็นอัลบั้มแร็ปหญิงที่มียอดเข้าชมสูงสุดบนยูทูบ จากข้อมูลของสถาบันการบันทึกเสียง อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแร็ปหญิงที่ขายดีที่สุดในคริสต์ทศวรรษ 2010
"อินเวชันออฟไพรเวซี"ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชม สื่อสิ่งพิมพ์เพลงจำนวนหนึ่งจัดให้อยู่ในรายชื่ออัลบั้มที่ดีที่สุดของปี โดย"โรลลิงสโตน"และ"ไทม์"อยู่ในอันดับหนึ่ง สิ่งพิมพ์หลายฉบับยังจัดให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดของปี 2010 (ทศวรรษ) เช่นกัน โดย"โรลลิงสโตน"อยู่ในอันดับที่ 34 ในบรรดารางวัลยังได้รับรางวัลอัลบั้มแร็ปยอดเยี่ยมจากงานประกาศผลรางวัลแกรมมีครั้งที่ 61 โดยคาร์ดิ บี กลายเป็นแร็ปเปอร์หญิงคนแรกที่ชนะรางวัลนี้ในฐานะศิลปินเดี่ยว นอกจากนั้นยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอัลบั้มแห่งปี โดยเพลง "I Like It" ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบันทึกเสียงแห่งปี และ "Be Careful" สำหรับการขับร้องเพลงแร็ปยอดเยี่ยม กลายเป็นอัลบั้มแร็ปหญิงชุดแรกในรอบ 15 ปีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอัลบั้มแห่งปี "Bodak Yellow" ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเพลงแร็ปยอดเยี่ยมและขับร้องเพลงแร็ปยอดเยี่ยมในพิธีก่อนหน้า ในงานเบ็ตอะวอดส์ปี ค.ศ. 2019 "อินเวชันออฟไพรเวซี"ได้รับรางวัลเบ็ตอะวอดส์ สาขาอัลบั้มแห่งปี
อัลบั้มนี้เปิดให้สตรีมและดาวน์โหลดดิจิทัลในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2018 แต่ไม่เปิดให้ใช้งานในรูปแบบทางกายภาพใด ๆ เมื่อวางจำหน่ายครั้งแรก ท้ายที่สุดอัลบั้มก็วางจำหน่ายในรูปแบบไวนิลในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2018 และการวางจำหน่ายซีดี มีกำหนดการเดิมในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2018 แต่ได้วางจำหน่ายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 แทน
รายชื่อเพลง.
เดรดิตดัดแปลงจากทิเดล
หมายเหตุ | 
| 
	1314250 | 
	92808 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314250 | 
	ถนนพระยาตรัง | 
	ถนนพระยาตรัง หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3153 "สายจันทบุรี – ท่าใหม่" เป็นทางหลวงแผ่นดินในจังหวัดจันทบุรี เชื่อมต่อระหว่างเทศบาลเมืองจันทบุรีและเทศบาลเมืองท่าใหม่ ในอำเภอเมืองจันทบุรีและอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
ประวัติ.
ถนนพระยาตรัง ปรากฏในหลักฐานของทางราชการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 บนแผนที่แนบท้ายของพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองจันทบุรี สันนิษฐานว่าชื่อถนนพระยาตรังนั้น ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ พระยาตรังคภูมาภิบาล ซึ่งเป็นผู้เสนอขอจัดตั้งสุขาภิบาลขึ้นในเมืองจันทบุรีในปี พ.ศ. 2451 และดำรงตำแหน่ง สมุหเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรี ระหว่างปี พ.ศ. 2452-2457 (ร.ศ.128-ร.ศ.133) ซึ่งแต่เดิมอาจจะใช้ชื่อเต็มของตำแหน่งคือพระยาตรังคภูมาภิบาล ต่อมามีการทอนคำจนเหลือเพียงคำว่า ถนนพระยาตรัง จนถึงปัจจุบัน
ถนนพระยาตรัง ได้รับการกำหนดหมายเลขทางหลวงเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 ให้ทางสายพระยาตรังฯ (จันทบุรี - อำเภอท่าใหม่) เป็นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3153 ก่อนจะมีการประกาศยกเลิกระบบทางหลวงจังหวัดและปรับมาเป็นทางหลวงแผ่นดินในปี พ.ศ. 2535 ตามบทเฉพาะกาล
ถนนพระยาตรังนั้นมีการกำหนดขนาดเขตทางและความกว้างของถนนไว้บนผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ในปี พ.ศ. 2534 โดยในช่วงเริ่มต้นจากกิโลเมตรที่ 0+000 จากแยกพระยาตรัง เป็นถนนแบบ ค 3 ขนาดเขตทาง 20.00 เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละ 3.00 เมตร พร้อมกับแนวต้นไม้ มีช่องเดินรถ 4 ช่องจราจร ทิศทางละ 2 ช่องจราจร ความกว้างช่องจราจรแต่ละทิศทางขนาด 3.00 เมตร และ 3.50 เมตร ตามลำดับ และมีเกาะกลางถนนขนาด 1.00 เมตร และช่วงต่อเนื่องออกนอกเมือง ใช้ถนนแบบ จ 2 ขนาดเขตทาง 30 เมตร มีพื้นที่สำหรับเผื่อการขยายผิวจราจรข้างละ 4.00 เมตร ไหล่ทางความกว้างด้านละ 2.00 เมตร มีช่องเดินรถ 4 ช่องจราจรเช่นเดียวกัน ทิศทางละ 2 ช่องจราจร ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร พร้อมกับเกาะกลางถนนความกว้าง 4.00 เมตรพร้อมปลูกต้นไม้ ไปจนสุดแนวของผังเมืองรวมฝั่งตะวันตก และลดลงเหลือ 2 ช่องจราจรสำหรับสวนทางกัน
ในปี พ.ศ. 2565 แขวงทางหลวงจันทบุรี กรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อสร้างขยายเขตทางจากเดิม 2 ช่องจราจร ขึ้นเป็น 4 ช่องจราจรแบบมีเกาะกลาง ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 2+535 ถึงกิโลเมตรที่ 3+240 และช่วงกิโลเมตรที่ 3+240 ถึงกิโลเมตรที่ 5+400 (ตั้งแต่แยกตากสิน ไปทางอำเภอท่าใหม่) ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดกลุ่มปราจันสระตรานคร และโครงการพัฒนาพื้นที่ระดับภาคตามลำดับ
รายละเอียดเส้นทาง.
ถนนพระยาตรัง ประกอบไปด้วยถนนขนาด 6 ช่องจราจร และขนาด 2 ช่องจราจรสวนกัน ระยะทาง 7.500 กิโลเมตร พื้นผิวแอสฟัลต์คอนกรีต และพื้นผิวคอนกรีตเสริมแรงบริเวณทางแยก เชื่อมต่อระหว่างเทศบาลเมืองจันทบุรี จากถนนรักศักดิ์ชมูล ถนนท่าหลวง ถนนเลียบเนิน บริเวณแยกพระยาตรัง ตัดผ่านถนนตากสินบริเวณแยกตากสิน และสิ้นสุดที่ถนนสายท่าใหม่ - หัวหิน (อดีตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3147) ถือเป็นเส้นทางหลักในการเชื่อมต่อระหว่างอำเภอเมืองจันทบุรีและอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี อยู่ภายใต้การดูแลของ หมวดทางหลวงบางกะจะ แขวงทางหลวงจันทบุรี กรมทางหลวง
ถนนพระยาตรัง เป็นถนนอีกหนึ่งสายที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมเนื่องจากมีช่วงสายทางเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ในบริเวณตลาดเจริญสุข รวมถึงเคยมีการขุดพบระเบิดสำหรับการฝึกซ้อมทิ้งทางอากาศแบบ BDU-33 D/B บริเวณใกล้เคียงสายทาง คาดว่าเป็นระเบิดฝึกสมัยสงครามโลก สำหรับทิ้งเพื่อบอกตำแหน่งด้วยสัญญาณควัน | 
| 
	1314252 | 
	442870 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314252 | 
	วัดหิรัญญาราม (จังหวัดพิจิตร) | 
	วัดหิรัญญาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านเก่า ในตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร
วัดหิรัญญาราม แต่ชาวบ้านมักเรียกว่า วัดบางคลาน หรือ วัดวังตะโก บ้างเรียกกันว่า วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2370 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2514
วัดหิรัญญารามเป็นวัดที่หลวงพ่อเงิน พุทฺธโชติสร้างขึ้น สาเหตุที่หลวงพ่อเงินสร้างวัดนี้ขึ้นมาเพราะท่านได้พิจารณาเห็นว่าเป็นสถานที่สงบและอยู่ไม่ไกล จากแหล่งชุมชนนักเหมาะที่จะเป็นสถานที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งนี้เพราะสภาพพื้นที่สมัยนั้นเป็นป่าทึบและมีสัตว์ร้ายนานาชนิด อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สภาพเดิมของวัดเริ่มเป็นเพียงสำนักสงฆ์ มีกุฏิหลังคามุงแฝกอย่าง ง่าย ๆ เพียง 1 หลัง เมื่อหลวงพ่อเงินมาจำพรรษาและสร้างวัดนี้ ท่านนำต้นโพธิ์มา 1 ต้น จากวัดคงคาราม
สิ่งก่อสร้างภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์นครไชยบวร เป็นพิพิธภัณฑ์รูปมณฑป 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงพ่อเงิน ชั้นล่างเป็นที่แสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่ทางวัดได้สะสมไว้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุที่มีผู้นำมาถวาย เช่น พระพุทธรูป พระพิมพ์ เครื่องปั้นดินเผา ฯลฯปัจจุบัน พระพิศาลสาธุกิจ (สุรินทร์ เขมภูสิโต) เป็นรักษาการเจ้าอาวาส | 
| 
	1314259 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314259 | 
	เรือโบโรบูดูร์ | 
	เรือโบโรบูดูร์ เป็นเรือที่มีกรรเชียงไม้สองอันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นสมุทรเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 8 ถึง 9 ปรากฏบนแผ่นนูนต่ำบางส่วนที่โบโรบูดูร์ จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย เรือของชาวชวาที่มีขนาดใกล้เคียงกันยังคงใช้งานในการค้าที่ชายฝั่งชวาตะวันออกอย่างน้อยจนถึงคริสต์ทศวรรษ 1940
รูปลักษณ์.
รูปลักษณ์ของเรือที่วิหารโบโรบูดูร์ได้แก่: มีกรรเชียงที่ไม่ได้ยาวเท่าตัวเรือ เสากระโดงเรือสองหรือสามแฉกที่มีใบเรือลาดเอียง (tanja sail), เสาชี้ที่มีใบเรือที่ขึงบนเสาขวาง, ระเบียงพายเรือ (ที่ผู้คนนั่งหรือยืนพาย), ดาดฟ้า, มี "ตา" (ตาแกะสลัก) และหางเรือสี่ส่วน เรือบางลำมีไม้พายจำนวนอย่างน้อย 6, 8 หรือ 9 อัน และบางลำไม่มีไม้พาย
ความเข้าใจผิดทั่วไป.
ความเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับเรือโบโรบูดูร์มีดังนี้:
การวาดภาพ.
นี่คือภาพเรือ 5 ลำบนแผ่นนูนต่ำโบโรบูดูร์ที่มีกรรเชียง (จากทั้งหมด 7 ลำ) ใน "Boro-Boedoer" (1873) ของ Conradus Leemans โปรดทราบว่าเรือมีหลายประเภท | 
| 
	1314261 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314261 | 
	แม่น้ำพิจิตร | 
	แม่น้ำพิจิตร หรือ แม่น้ำน่านเก่า เป็นลำน้ำสาขาแม่น้ำน่าน ยาวประมาณ 128 กิโลเมตร มีต้นน้ำไหลแยกจากแม่น้ำน่านที่บ้านวังกระดี่ทอง อำเภอเมืองพิจิตร สภาพลำน้ำคดเคี้ยว ไหลผ่านอำเภอเมืองพิจิตร อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอตะพานหิน แล้วมาบรรจบกับแม่น้ำยมที่บ้านบางคลาน อำเภอโพทะเล ระหว่างทางของแม่น้ำพิจิตรแตกสาขาเป็นคลองข้าวตอก ซึ่งไหลไปบรรจบแม่น้ำน่านอีกครั้งหนึ่งด้วยความยาว 58 กิโลเมตร
เหตุที่เรียกแม่น้ำน่านเก่าเพราะเดิมคือแม่น้ำน่านแต่ภายหลังแม่น้ำได้เปลี่ยนทางเดิน ในแผนที่กรมแผ่นที่ทหาร แม่น้ำน่านในช่วงผ่านอำเภอเมืองพิจิตร เรียกว่า "น้ำเมืองเก่า" ส่วนตอนที่ผ่านอำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอตะพานหิน และอำเภอโพทะเล เรียก "แม่น้ำพิจิตร" 
แม่น้ำพิจิตรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ก่อสร้างประตูระบายน้ำ (ปตร.) ดงเศรษฐี บริเวณปากแม่น้ำพิจิตรที่แยกมาจากแม่น้ำน่าน บริเวณตำบลย่านยาว อำเภอเมืองพิจิตร เมื่อ พ.ศ. 2543 เพื่อผันน้ำเข้าแม่น้ำพิจิตร และได้โอนภารกิจให้กรมทรัพยากรน้ำ เมื่อ พ.ศ. 2545 และช่วง พ.ศ. 2551–2555 กรมทรัพยากรน้ำยังได้ฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร มีการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ 3 แห่งในแม่น้ำพิจิตร ชื่อ ปตร.ดงเศรษฐี | 
| 
	1314267 | 
	493992 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314267 | 
	กัปตันกางเกงใน เดอะมูฟวี่ | 
	กัปตันกางเกงใน เดอะมูฟวี่  เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันซูเปอร์ฮีโรตลกขับขันอเมริกันที่ออกฉายใน ค.ศ. 2560 ผลิตโดย ทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ ภาพยนตร์กำกับโดย เดวิด โซเรน และแสดงนำโดย เควิน ฮาร์ท, เอ็ด เฮล์มส์, นิค ครอลล์, โทมัส มิดเดิลดิตช์, จอร์แดน พีล และคริสเตน ชาลล์ | 
| 
	1314290 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314290 | 
	มัสยิดอัลเกาษัร | 
	มัสยิดอัลเกาษัร  มีอีกชื่อว่า มัสยิดใหญ่ตาเวา  เป็นมัสยิดที่ตาเวา รัฐซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1977 และแล้วเสร็จใน ค.ศ. 2002
มัสยิดนี้เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในรัฐซาบะฮ์ โดยมีความจุที่ 16,000 ถึง 17,000 คน มัสยิดนี้เปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 2004 โดยสมเด็จพระราชาธิบดีซัยยิด ซีรอญุดดีน ยังดีเปอร์ตวนอากงในเวลานั้น | 
| 
	1314307 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314307 | 
	ยูกะ โอซากิ | 
	ยูกะ โอซากิ (<ruby>尾崎 由香<rt>おざき ゆか</rt></ruby>, 15 พฤษภาคม 1993 -) เป็นนักพากย์ นักแสดง นักร้อง ชาวญี่ปุ่น เกิดที่โตเกียว สังกัดเค็นองกรุป ชื่อในวงการเดิมคือ จิอากิ โอซากิ (尾崎 千瑛) ส่วนสูง 150 ซม. | 
| 
	1314369 | 
	162864 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314369 | 
	อาโซกา | 
	อาโซกา เป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ขนาดสั้นจากสหรัฐ อำนวยการสร้างโดย Jon Favreau และ Dave Filoni สำหรับฉายทางดิสนีย์พลัส เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องแต่งชุด"สตาร์ วอร์ส" และถือเป็นภาคแยกจากซีรีส์"เดอะแมนดาลอเรียน" ดำเนินเรื่องในช่วงเวลาหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ "การกลับมาของเจได" (1983) มีตัวละครสำคัญคือ อาโซกา ทาโน ซึ่งเคยมีบทบาทในซีรีส์"เดอะแมนดาลอเรียน"และสื่ออื่นๆ ของ"สตาร์ วอร์ส" | 
| 
	1314394 | 
	361203 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314394 | 
	รายการพิเศษทางโทรทัศน์เมฟิสโตที่ยังไม่มีชื่อ | 
	รายการพิเศษทางโทรทัศน์เมฟิสโตที่ยังไม่มีชื่อ เป็นรายการรายการพิเศษทางโทรทัศน์อเมริกันที่กำลังจะออกอากาศ ที่สร้างขึ้นสำหรับบริการสตรีมมิ่งทางดิสนีย์+ โดยอ้างอิงจากมาร์เวลคอร์มิกที่มีตัวละครชื่อเดียวกัน จะเป็นผลงานพิเศษของมาร์เวลสตูดิโอส์เรื่องที่สามในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) โดยมีความต่อเนื่องร่วมกับภาพยนตร์และแฟรนไชส์ซีรีส์โทรทัศน์ รายการพิเศษสร้างโดยมาร์เวลสตูดิโอส์
ซาชา บารอน โคเฮน แสดงในตอนพิเศษนี้โดยรับบทเป็น เมฟิสโต ซึ่งเป็นบทบาทในเอ็มซียูของเขาอีกครั้ง มีข่าวลือว่าโคเฮนจะได้รับบทนี้ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2022 ว่าเขาจะปรากฏตัวในซีรีส์ดิสนีย์+ เรื่อง "ไอรอนฮาร์ท" โดยจะกลับมารับบทนี้ในโครงการต่อ ๆ ไป มีการเปิดเผยรายละเอียดตอนพิเศษที่มีตัวละครนี้เป็นศูนย์กลางว่าจะถ่ายทำในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 ควบคู่ไปกับการผลิตซีรีส์เรื่อง "" ที่ ทรีลิธสตูดิโอส์ ใน แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
ผลงานพิเศษนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล | 
| 
	1314419 | 
	304002 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314419 | 
	เติงกูฮัซซานัล อิบราฮิม อาลัม ชะฮ์ | 
	เติงกู ฮัสซานัล อิบราฮิม อาลัม ชะฮ์ อิบนี สุลต่าน อับดุลละฮ์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลละฮ์ ชะฮ์ (ประสูติเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2538 ณ โรงพยาบาลเตงกู อัมปวนอัฟซาน เมืองกวนตัน รัฐปะหัง) ทรงเป็นมกุฎราชกุมารและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งรัฐปะหังใน สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลละฮ์แห่งปะหังและสมเด็จพระราชินีตุนกู อาซีซะฮ์ อามีนะฮ์ 
การศึกษา.
เตงกู ฮัสซานัล ชาห์ เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนประถมเซนต์ โทมัส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ถึง 2547 จากนั้นทรงศึกษาต่อยังต่างประเทศที่โรงเรียนประถมเชอร์เบิร์น ประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2548 ถึง 2550 ก่อนจะเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมเซนต์โทมัสในปี พ.ศ. 2550 ถึง 2555 และหลังจากนั้นทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยนอตติงแฮมหลังจากนั้น
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 เตงกู ฮัสซานัล ทรงสำเร็จสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากโรงเรียนการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ (Geneva School of Diplomacy and International Relations) อีกทั้งพระองค์ยังทรงสำเร็จการศึกษาการฝึกวิชาทหารที่ โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ สหราชอาณาจักร เป็นระยะเวลา 44 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2565 พระองค์ทรงศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาที่สำนักนโยบายสาธารณะ ลี กวน ยิว (Lee Kuan Yew School of Public Policy) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ 
ราชตระกูล.
เตงกู ฮัสซานัล ชาห์ สืบเชื้อสายในตระกูลซึ่งมีราชวงศ์ปะหัง (พระราชบิดา) และราชวงศ์ยะโฮร์ (พระราชมารดา) พระองค์เป็นพระราชนัดดาของสุลต่านองค์ที่ 5 แห่งรัฐปะหัง สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี อาห์หมัด ชาห์ และเติงกู อัมปวน เติงกู ฮัจจะฮ์ อัฟซัน ในด้านพระราชมารดา พระองค์เป็นพระราชนัดดาของสุลต่านองค์ที่ 4 แห่งยะโฮร์ สมเด็จพระราชาธิบดีอิสกันดาร์ และเอนเช เบซาร์ ฮาจาห์ คัลซัม (โจเซฟีน รูบี เรวอร์โรว)
เติงกู ฮัสซานัลยังเป็นพระภาดา (ลูกพี่ลูกน้อง) และพระราชนัดดาของสุลต่านอิบราฮิม อิสกันดาร์ และสุลต่านอิบราฮิม อิสมาอิล สุลต่านแห่งยะโฮร์องค์ปัจจุบัน
รัชทายาท.
เตงกู ฮัสซานัล ทรงเป็นรัชทายาทของสุลต่านแห่งรัฐปะหัง ทรงได้รับการประกาศให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัฐปะหัง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561
หลังจากพระราชบิดาของพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะสุลต่านปะหังองค์ที่ 6 เตงกู ฮัซซานัลได้รับแต่งตั้งให้เป็นมกุฎราชกุมารแห่งรัฐปะหัง ซึ่งได้ทรงขึ้นมาดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562 | 
| 
	1314424 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314424 | 
	ยู วากูอิ | 
	ยู วากูอิ (24 มกราคม 1995 –) เป็นนักพากย์และนักแสดงชาวญี่ปุ่น เกิดที่จังหวัดโทจิงิ สูง 166 ซม. เคยอยู่สำนักงานสึนาโอกะจนถึง 31 ตุลาคม ค.ศ. 2022 แล้วจึงย้ายไปอยู่ mitt management ตั้งแต่ 12 มกราคม 2023 | 
| 
	1314438 | 
	400372 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314438 | 
	นิชชิง (จังหวัดไอจิ) | 
	นิชชิง  เป็นนครที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดพื้นที่ทั้งสิ้น ข้อมูลเมื่อ ค.ศ. 2023 (2023)[ [update]] นครนิชชิงมีจำนวนประชากรประมาณ 92,917 คน และมีความหนาแน่นของประชากร 2,662 คนต่อตารางกิโลเมตร
ภูมิศาสตร์.
นิชชิงตั้งอยู่บนที่ราบทางตอนกลางของจังหวัดไอจิ และมีอาณาเขตทางทิศตะวันตกติดกับนครนาโงยะ
อาณาเขตติดต่อ.
นครนิชชิงมีอาณาเขตติดต่อกับเทศบาลข้างเคียงดังต่อไปนี้
ภูมิอากาศ.
นิชชิงมีลักษณะภูมิอากาศคือ มีฤดูร้อนที่ร้อนและชื้น และฤดูหนาวที่ไม่รุนแรง (การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิพเพิน "Cfa") อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีในนิชชิงอยู่ที่ 15.7 °C ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1,603 มิลลิเมตร โดยมีเดือนกันยายนเป็นเดือนที่ฝนตกชุกที่สุด อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยจะอยู่ในเดือนสิงหาคมที่ประมาณ 28.0 °C และต่ำสุดในเดือนมกราคมที่ประมาณ 4.1 °C
ประชากร.
จากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรของญี่ปุ่น จำนวนประชากรของนิชชิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
ประวัติศาสตร์.
เมื่อมีการประกาศใช้ระบบเทศบาลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1889 ได้มีการจัดตั้งเทศบาลหมู่บ้านต่าง ๆ ในอำเภอไอจิ จังหวัดไอจิ ได้แก่ อิวาซากิ ชิโรยามะ และคางูยามะ หมู่บ้านทั้งสามได้ควบรวมกันเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1906 เพื่อจัดตั้งเป็นเทศบาลหมู่บ้านนิชชิง ตั้งชื่อตามเรือลาดตระเวน"นิชชิง"ของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงในช่วงสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น
เทศบาลหมู่บ้านนิชชิงได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1951 และยกฐานะเป็นเทศบาลนครเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1994
การเมืองการปกครอง.
นิชชิงมีรูปแบบการปกครองแบบนายกเทศมนตรี–สภา โดยมีนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และสภานิติบัญญัติของนครซึ่งเป็นระบบสภาเดียวที่มีสมาชิก 20 คน ในการเมืองระดับจังหวัด นครนิชชิงเป็นเขตเลือกตั้งที่ให้สมาชิกสภาจังหวัดไอจิจำนวน 2 คน และในแง่ของการเมืองระดับชาติ นครนิชชิงเป็นส่วนหนึ่งของเขตเลือกตั้งไอจิที่ 7 ในการเลือกตั้งสภาล่างของสภานิติบัญญัติแห่งชาติญี่ปุ่น
โรงเรียน.
โรงเรียนประถมและมัธยม.
นิชชิงมีโรงเรียนที่สังกัดเทศบาลนคร ได้แก่ โรงเรียนประถม 9 แห่ง และโรงเรียนมัธยมต้น 4 แห่ง และโรงเรียนที่สังกัดคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดไอจิ ได้แก่ โรงเรียนมัธยมปลาย 2 แห่ง และยังมีโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนอีก 1 แห่ง | 
| 
	1314447 | 
	198741 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314447 | 
	เค็นจิ อากาบาเนะ | 
	เค็นจิ อากาบาเนะ (<ruby>赤羽根 健治<rt>あかばね けんじ</rt></ruby>, 31 ตุลาคม 1984 -) เป็น นักพากย์ ชายชาวญี่ปุ่น เกิดที่จังหวัดชิบะ สังกัดอาโอนิโปรดักชัน ส่วนสูง 168 ซม. | 
| 
	1314457 | 
	198741 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314457 | 
	ฟูจิมิ | 
	ในประเทศญี่ปุ่น ฟูจิมิ  เป็นชื่อสถานที่ที่พบได้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายคือสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ สามารถหมายถึงสถานที่ดังต่อไปนี้
<table id="
disambigbox" class="metadata plainlinks dmbox 
dmbox-disambig" style="">
<tr>
<td class="mbox-image" style="padding: 2px 0 2px 0.4em;">
 </td>
<td class="mbox-text" style="padding: 0.25em 0.4em; font-style: italic; "> หน้านี้รวมบทความที่มีชื่อเหมือนหรือใกล้เคียงกัน
 </td>
</tr>
</table>#เปลี่ยนทาง | 
| 
	1314489 | 
	12510561 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314489 | 
	วัดทดราษฏร์เจริญมณีฤทธิ์ | 
	วัดทดราษฏร์เจริญมณีฤทธิ์ ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดทด หรือ วัดทดบางไผ่ ตั้งอยู่เลขที่ 86 บ้านบางไผ่ หมู่ที่ 7 ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่ม ทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดฉะเชิงเทรา ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 5 กิโลเมตร มีถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ เป็นเส้นทางหลัก เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2430 โดยมีนายฤทธิ์ นางมณี เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างวัด ปัจจุบันมีที่ดินทั้งสิ้น จำนวน 46 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ ปี พ.ศ. 2472 และวันที่ 6 กันยายน 2522 เป็นครั้งสุดท้าย 
ประวัติ.
ใน "หนังสืออนุสรณ์ งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พุทธศักราช 2525 ทำเนียบวัด และพระสังฆาธิการ แห่งแปดริ้ว" หน้า 46 และเอกสารการเขียนลายมือของ พระครูจิรวัฒนธำรง เขียนว่า "วัดนี้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2430" แต่หนังสือ "ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร" และใบรับรองสภาพวัด ที่ออกโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับข้อมูลจากส่วนกลาง ว่า "ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2365" ในการขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 51584 แปลงที่ตั้งวัด พ.ศ. 2540 ได้เขียนคำร้องว่า "นายมณีฤทธิ์ ไม่ทราบนามสกุล ได้อุทิศถวายให้เป็นพื้นที่ตั้งเมื่อประมาณ พ.ศ. 2315" ปีที่สร้างวัดมี 3 ปีคือ 2315, 2365 และ 2430 
จากสภาพความเก่าแก่ของวัด โบราณสถาน โบราณวัตถุ และชื่อของผู้เริ่มสร้าง ไม่น่าจะเก่าแก่ถึงปี พ.ศ. 2315 หรือ พ.ศ. 2365 อาจจะเป็นไปได้ว่าเคยเป็นวัดร้างมาก่อนแล้ว จนกระทั่งมาบูรณะและก่อสร้างขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2430 เท่านั้น ชาวบ้านเรียกว่า "วัดทด" หรือ "วัดทด บางไผ่" โดยมีนายฤทธิ์ นางมณี เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดนี้ขึ้น ได้มอบที่ดินของตนเอง จัดสร้างวัดขึ้น โดยร่วมแรงร่วมใจกับผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก เช่น ก๋งกี่ อำแดงอ่ำ เจริญสุข นายเพิ่ม ปัญญะวิก นายเกลี้ยง พร้อมกับกับประชาชน ตำบลบางไผ่และตำบลใกล้เคียง โดยสร้างเป็นกุฏิสำหรับพระสงฆ์ขึ้น 1 หลัง และก่อสร้างกุฏิเพิ่มเติม อีกในปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2461 ได้ก่อสร้างศาลาการเปรียญขึ้น 1 หลัง ต่อมา ปี พ.ศ. 2472 นายเขียวอุดมสุข ได้บริจาค ที่ดินให้กับทางวัดเป็นเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แล้วนายเขียวได้ร่วมกับประชาชน ก่อสร้างอุโบสถขึ้นบริเวณที่ดินที่ได้บริจาคไว้นั้น โดยมี พระครูนันทธีราจารย์ (หลวงพ่อเหลือ นนฺทสาโร) วัดสาวชะโงก เป็นประธานการจัดหาทุนก่อสร้าง ต่อมา นายอาจ อุดมสุข กำนันตำบลบางไผ่ บุตรของนายเขียว อุดมสุข นายประทวน รตโนภาส ร่วมกัน กับประชาชนตำบลบางไผ่และตำบลใกล้เคียง พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาจัดซื้อที่ดิน ติดกับวัดทางด้านทิศตะวันออก ถวายวัดอีก 13 ไร่ 48 ตารางวา ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้ง โรงเรียนวัดทด (เชิดอุดมรัตนราษฎร์บำรุง) และสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลบางไผ่
ลำดับเจ้าอาวาส.
ลำดับเจ้าอาวาส เท่าที่สามารถหาหลักฐานพบ เรียงลำดับคือ | 
| 
	1314490 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314490 | 
	ปาโอโล รอสซี | 
	ปาโอโล รอสซี (23 กันยายน 1956 – 9 ธันวาคม 2020) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลีที่เล่นเป็นกองหน้า เขาพาอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1982 โดยยิงได้ 6 ประตู คว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฐานะผู้ทำประตูสูงสุด และรางวัลลูกบอลทองคำสำหรับผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน รอสซีเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นและเป็นชาวยุโรปคนเดียวเท่านั้นที่คว้า 3 รางวัลในฟุตบอลโลก ร่วมกับการิงชา (บราซิล) ในปี ค.ศ. 1962 และมาริโอ เกมเปส (อาร์เจนตินา) ในปี ค.ศ. 1978 รอสซียังคว้ารางวัลบาลงดอร์ใน ค.ศ. 1982 ในฐานะนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปจากผลงานของเขา (เป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้า 4 รางวัลในปีเดียว) ร่วมกับโรแบร์โต บัจโจ และกริสเตียน วีเอรี เขาเป็นดาวยิงสูงสุดของอิตาลีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกโดยยิงไปทั้งหมด 9 ประตู
ในระดับสโมสร รอสซีทำประตูมากมายให้กับวิเชนซา ในปี ค.ศ. 1976 เขาเซ็นสัญญากับยูเวนตุสโดยย้ายจากวิเชนซาในข้อตกลงการเป็นเจ้าของร่วมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในเวลานั้น | 
| 
	1314506 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314506 | 
	จังหวัดบึงกาฬในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขตเลือกตั้ง เพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ขึ้นมา 1 ที่นั่ง ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:33.53%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">33.53%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ภูมิใจไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#312682; width:32.21%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">32.21%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:25.11%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">25.11%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">9.15%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:33.33%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">33.33%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ภูมิใจไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#312682; width:66.67%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">66.67%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอศรีวิไลและอำเภอเมืองบึงกาฬ
เขต 2.
เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง และอำเภอเซกา
เขต 3.
เขตเลือกตั้งที่ 3 ประกอบด้วยอำเภอพรเจริญ อำเภอโซ่พิสัย และอำเภอปากคาด | 
| 
	1314516 | 
	11096408 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314516 | 
	เติงกูอามีร์ นัซเซอร์ อิบราฮิม | 
	เติงกูอามีร์ นัซเซอร์ อิบราฮิม บินติ อัลมาร์ฮุม เติงกูอาริฟ เบนดาฮารา อิบราฮิม (ประสูติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2529) เป็นพระราชวงศ์ปะหัง พระองค์เป็นพระราชโอรสบุญธรรมของ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลละฮ์ ชะฮ์ สุลต่านแห่งรัฐปะหังองค์ปัจจุบันและเติงกูอัมปวน(พระมเหสี)ตุนกู ฮาจะฮ์ อาซีซะฮ์ อามีนะฮ์ ไมมูนะฮ์ อิซกันดารียะฮ์ | 
| 
	1314520 | 
	198741 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314520 | 
	มาซาโตโมะ นากาซาวะ | 
	มาซาโตโมะ นากาซาวะ (中澤 まさとも, 14 กุมภาพันธ์ 1983 -) เป็นนักพากย์และนักแสดงชาวญี่ปุ่น สังกัดสมาคมสหกรณ์ผู้บริโภคนักแสดงโตเกียว เกิดในเขตเนริมะ โตเกียว ชื่อจริงและชื่อเดิมในวงการเขียนเป็น 中澤 匡智 (อ่านเหมือนกันแต่ใช้คันจิล้วน) | 
| 
	1314529 | 
	290638 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314529 | 
	ซัตสึมาอาเงะ | 
	ซัตสึมาอาเงะ (; โรมาจิ: "satsuma-age") เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่ทำโดยการนำเนื้อปลาบดมาปั้นเป็นก้อนแล้วทอดในน้ำมัน จัดเป็นคามาโบโกะชนิดหนึ่ง
ชื่อเรียกซัตสึมาอาเงะนั้นใช้เรียกในจังหวัดอิชิกาวะ โทยามะ นางาโนะ และชิซึโอกะ และพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น ส่วนทางญี่ปุ่นตะวันตกจะเรียกว่า เท็มปุระ (แต่จะแตกต่างจาก เท็มปุระ ทั่วไปตรงที่ทอดโดยไม่ชุบแป้ง)
ภาพรวม.
เนื้อปลาบดปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลปั้นเป็นก้อนแล้วทอดในน้ำมันอาจทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น กลม สี่เหลี่ยม นอกจากนี้ยังอาจมีการใช้โกโบ หมึก ไข่ต้ม และส่วนผสมอื่น ๆ มาห่อรวมด้วย
ในพื้นที่ประมง มักใช้ปลาที่จับได้ในปริมาณมากในท้องถิ่นเป็นส่วนผสม ปลาที่ใช้มีหลายชนิดเช่น ปลาอิวาชิ, ปลาฉลาม, ปลาโอแถบ, ปลาซาบะ และ ปลาฮกเกะ ในกรณีส่วนใหญ่จะใช้ปลาตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปปนกัน นอกจากที่ทำโดยใช้แค่เนื้อปลาบดล้วน ๆ แล้ว ยังอาจผสม ผัก ต่าง ๆ เช่น เห็ดหูหนู เบนิโชงะ หอมใหญ่ และ ต้นหอม หรือรวมถึงอาหารทะเล เช่น พวกปลาขนาดเล็ก หมึกสาย หมึกกล้วย และ กุ้งฝอย แล้วก็อาจมีการใส่เครื่องปรุงเพิ่มอีกด้วย
ซัตสึมาอาเงะอาจใช้กินทั้ง ๆ อย่างนั้น หรือนำไปย่างอ่อน ๆ แล้วจิ้มกับโชยุใส่ขิง หรือ โชยุใส่คาราชิ นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมของ โอเด็ง อูดง ซาราอูดง และอาหารประเภทต้ม
ที่มา.
ต้นกำเนิดของซัตสึมาอาเงะนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อกันว่ามาจากการที่ชิมาซุ นาริอากิระ ผู้นำตระกูลชิมาซุรุ่นที่ 28 ผู้ครองแคว้นศักดินาซัตสึมะช่วงปลายยุคเอโดะ ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจของหมู่บ้านชาวประมงที่นั่น จึงได้สนับสนุนให้ชาวบ้านจับปลามาทำเป็นอาหารโดยทอดน้ำมันขาย | 
| 
	1314561 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314561 | 
	ถนนสีบุญเรือง | 
	ถนนสีบุญเรือง หรือ อดีตทางหลวงแผ่นดินสาย 3147 "สายหัวหิน – ตลาดท่าใหม่" เป็นทางหลวงท้องถิ่นในจังหวัดจันทบุรี เชื่อมต่อระหว่างเทศบาลตำบลบางกะจะและเทศบาลเมืองท่าใหม่ ในอำเภอเมืองจันทบุรีและอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
ประวัติ.
ถนนสีบุญเรือง แต่เดิมเป็นทางหลวงสัมปทานสายหัวหิน - ตลาดท่าใหม่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ให้สัมปทานแก่หลวงชนาณัมคณิศรในการก่อสร้างและดูแลเส้นทางดังกล่าว ต่อมาหลวงชนาณัมคณิศรได้โอนกิจการให้กับนายซองอ๊วน สีบุญเรือง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในสัมปทานดังกล่าวอยู่เดิมแล้ว เนื่องจากสุขภาพทรุดโทรมไม่สามารถดูแลกิจการดังกล่าวต่อไปได้ ทำให้นายซองอ๊วนเป็นผู้เดียวที่เข้ามาดูแลสัมปทานดังกล่าว
ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 นายซองอ๊วน ได้รับสัมปทานจากกรมทางหลวงให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางและถือสิทธิในการให้บริการรถโดยสารและรถบรรทุกสินค้า ผ่านเส้นทาง สายทางแยกจากบ้านหัวหิน ผ่านเมืองใหม่ บางกะจะ สีพระยา ไร่โอ๋ บ่อพุ ห้วยแร้ง พลอยแหวน ซำฆ้อ โป่งรัก เนินพลอยแหวน วัดหนองโพรง จนถึงตลาดท่าใหม่ในพื้นที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ระยะทาง 13 กิโลเมตร อายุสัมปทาน 20 ปี เงินทุนตั้งบริษัทจำนวน 100,000 บาท ในขณะนั้น นับตั้งแต่วันทำสัญญา ลักษณะถนนเป็นรูปแบบถมด้วยดินและโรยผิวทางด้วยกรวดตามรูปแบบของกรมทางหลวง ซึ่งประชาชนสามารถใช้พาหนะบนเส้นทางในการสัญจรได้ตามปกติ แต่จะไม่สามารถเดินรถโดยสารที่เก็บค่าโดยสารบนเส้นทางนี้ได้ โดยได้มีการกำหนดสายทางและพื้นที่ในการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมตามแนวเส้นทางสัมปทานจากเส้นกึ่งกลางข้างละ 500 เมตร ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2480
หลังจากระยะเวลาผ่านไประยะหนึ่ง นายซองอ๊วยได้เสียชีวิตลง ทำให้นายซองกุ่ยได้รับสิทธิในสัมปทานเดินรถดังกล่าวต่อ จึงได้ดำเนินกิจการตามระยะเวลาจนสิ้นสุดสัมปทาน และมอบสัมปทานของเส้นทางดังกล่าวให้กับจังหวัดจันทบุรี จังหวัดจันทบุรีจึงได้เสนอไปยังนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คือจอมพลแปลก พิบูลสงคราม จึงได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ให้ตั้งชื่อถนนสายนี้ว่า สีบุญเรือง เพื่อเป็นเกียรติให้กับนายซองกุ่ย ผู้ถือสัมปทานในทางหลวงและดูแลเส้นทางดังกล่าวมาเป็นอย่างดีโดยตลอดระยะเวลาของสัมปทานคือ 20 ปี และทางราชการได้ก่อสร้างถนนเชื่อมต่อมาจากถนนสุขุมวิทเข้ามาเชื่อมต่อกับถนนสีบุญเรือง จึงทำให้เจตจำนงค์ของนายซองกุ่ยอีกข้อหนึ่งประสบความสำเร็จเช่นกันที่ตั้งใจมอบถนนให้เป็นสาธารณประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จากนั้นในปี พ.ศ. 2509 ถนนสีบุญเรือง ได้ถูกกำหนดหมายเลขในระบบทางหลวงจังหวัดให้เป็น ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3147 ชื่อสายทางสายหัวหิน - ท่าใหม่ พร้อมกันกับถนนท่าแฉลบที่เป็นจุดเริ่มต้นของสายทางบ้านหัวหิน ที่ได้รับการกำหนดหมายเลขให้เป็น ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3146 และปรับเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3147 ในปี พ.ศ. 2535 ตามบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติทางหลวง
ถ่ายโอนให้ท้องถิ่น.
ในระหว่างนี้ได้มีการถ่ายโอนถนนสีบุญเรือง ในช่วงเทศบาลเมืองท่าใหม่ออกจากทางหลวงแผ่นดิน และเรียกว่าถนนสัมปทาน ได้รับการกำหนดรหัสสายทางว่า ทางหลวงท้องถิ่น จบ.ถ 19-031 ระยะทางประมาณ 0.800 กิโลเมตร
ในปี พ.ศ. 2549 กรมทางหลวงได้มีการถ่ายโอนถนนสีบุญเรือง ให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านกรมทางหลวงชนบทตลอดสายทาง ตั้งแต่บ้านหัวหินจนถึงตลาดท่าใหม่ ระยะทางรวมประมาณ 9.776 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย
รายละเอียดเส้นทาง.
ถนนสีบุญเรือง ประกอบไปด้วยถนนขนาด 2 ช่องจราจรสวนทางกัน ระยะทางตามในสัมปทานครั้งแรกประมาณ 13.000 กิโลเมตร แต่จากการสำรวจปัจจุบันมีระยะทางประมาณ 9.776 กิโลเมตร ในส่วนของถนนสีบุญเรืองปัจจุบัน และระยะทางประมาณ 10.576 กิโลเมตร หากรวมช่วงเดิมที่เปลี่ยนเป็นถนนสัมปทาน เป็นพื้นผิวจราจรแบบแอสฟัลต์คอนกรีต เชื่อมต่อระหว่างบ้านหัวหินในพื้นที่ของเทศบาลตำบลบางกะจะ องค์การบริหารส่วนตำบลสีพยา-บ่อพุ เทศบาลตำบลเขาวัว-พลอยแหวน และสิ้นสุดปลายทางที่ตลาดท่าใหม่ในเทศบาลเมืองท่าใหม่ เป็นอีกเส้นทางในการเดินทางจากอำเภอเมืองจันทบุรีไปสู่อำเภอท่าใหม่ เดิมคือทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3147 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3147 ของกรมทางหลวงตามลำดับ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตลอดสายทาง
ช่วงหนึ่งของถนนสีบุญเรือง ตัดผ่านทางวิ่งขึ้นลงของเครื่องบินบริเวณสนามบินจันทบุรี (สนามบินท่าใหม่, สนามบินเนินพลอยแหวน) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือ สำหรับการปฏิบัติการของกองทัพเรือและปฏิบัติการทางการเกษตรของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ถึงแม้ปัจจุบัน ถนนสีบุญเรืองจะถูกถ่ายโอนให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว แต่ยังคงมีการติดป้ายของ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3147 อยู่บนสายทาง และยังถูกประชาชนในท้องถิ่นที่ใช้งานเส้นทางเรียกด้วยชื่อเดิมอยู่ รวมถึงบนผังเมืองรวมของเทศบาลเมืองท่าใหม่ และบางครั้งถนนสีบุญเรือง มีการเรียกชื่อถนนว่าศรีบุญเรือง | 
| 
	1314570 | 
	198741 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314570 | 
	ยาจิโยะ | 
	ยาจิโยะ สามารถหมายถึง
<table id="
disambigbox" class="metadata plainlinks dmbox 
dmbox-disambig" style="">
<tr>
<td class="mbox-image" style="padding: 2px 0 2px 0.4em;">
 </td>
<td class="mbox-text" style="padding: 0.25em 0.4em; font-style: italic; "> หน้านี้รวมบทความที่มีชื่อเหมือนหรือใกล้เคียงกัน
 </td>
</tr>
</table>#เปลี่ยนทาง | 
| 
	1314574 | 
	184218 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314574 | 
	สตีฟ ไฮเวย์ | 
	สตีเฟน ดีเร็ก ไฮเวย์ (เกิด 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1947) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวไอริชซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมลิเวอร์พูลที่ประสบความสำเร็จในคริสต์ทศวรรษ 1970 หลังจากเล่นให้สโมสรมา 11 ปี เขาได้รับการยกย่องจากบางคนว่าเป็น 1 ในผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และอยู่ในอันดับที่ 23 ในการสำรวจความคิดเห็น 100 Players Who Shook The Kop
ไฮเวย์กลายเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเยาวชนของลิเวอร์พูลในช่วงเวลาที่สโมสรมีผู้เล่นที่มีพรสวรรค์อย่างสตีเวน เจอร์ราร์ด, สตีฟ แม็คมานามาน, ร็อบบี ฟาวเลอร์ และเจมี คาร์ราเกอร์ เขาเกษียณในปี ค.ศ. 2007 แต่ต่อมาได้เข้าร่วมศูนย์ฝึกเยาวชนของลิเวอร์พูลอีกครั้งในบทบาทที่ปรึกษา ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งจนกระทั่งเกษียณอีกครั้งในปี ค.ศ. 2022 | 
| 
	1314592 | 
	18549 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314592 | 
	เบลลา พอร์ช | 
	เดนารี เทย์เลอร์ (เกิด 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997) หรือชื่อในวงการคือ เบลลา พอร์ช ("porch") เป็นผู้มีชื่อเสียงทางบริการเครือข่ายสังคมและนักร้องชาวอเมริกันที่เกิดในฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2020 เธอสร้างวิดีโอที่มียอดผู้ชมชอบสูงสุดบนติ๊กต็อก โดยทำการลิปซิงก์เพลง "เอ็มทูเดอะบี" ของแร็ปเปอร์ชาวบริติช มิลลี บี. บัญชีติ๊กต็อกของเธอยังมียอดผู้ติดตามมากที่สุดในฟิลิปปินส์ด้วย ในเดือนพฤษภาคม 2021 เธอออกซิงเกิลเปิดตัวชื่อ "บิวด์อะบิตช์"
ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2023 เธอมียอดผู้ติดตามกว่า 92.8 ล้านคนบนติ๊กต็อก ซึ่งมากเป็นอันดับสามบนแพลตฟอร์มดังกล่าว รองจากกาบี ลาเม และชาร์ลี ดาเมลิโอ เธอเซ็นสัญญากับค่ายเพลงวอร์เนอร์เรเคิดส์ในปี 2021
ชีวิตช่วงแรก.
เบลลา พอร์ช เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 ในฟิลิปปินส์ พ่อแม่ของเธอเป็นชาวฟิลิปปินส์ พอร์ชได้รับการเลี้ยงดูโดยย่าของเธอในชุมชนแออัด เมื่ออายุ 3 ขวบ เธอจึงถูกรับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม พ่อบุญธรรมของเธอเป็นชาวอเมริกัน ซึ่งเคยเข้ารับราชการในกองทัพสหรัฐ ส่วนแม่บุญธรรมของเธอเป็นชาวฟิลิปปินส์ ทั้งคู่พบกันที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพ่อบุญธรรมของเธอประจำการอยู่ที่นั่น ก่อนอพยพสู่ฟิลิปปินส์ ในบทสัมภาษณ์เธอกล่าวว่า เธอและพี่ชายบุญธรรมถูกทารุณอย่างหนักตลอดช่วงวัยเด็ก จนกระทั่งเธอสมัครเป็นทหาร พอร์ชอาศัยอยู่ในฟาร์มกับครอบครัว รวมถึงพี่สาวบุญธรรมสองคนและพี่ชายบุญธรรมอีกหนึ่งคน เธอมีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง แม้จะอายุเพียง 7 ขวบก็ตาม พอร์ชกล่าวว่าพี่สาวบุญธรรมไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เธอถูกพ่อทารุณทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในขณะที่แม่กลับเพิกเฉย ครอบครัวของเธอ (ยกเว้นพี่สาวบุญธรรม) ย้ายไปซานฟรานซิสโกเพื่ออาศัยอยู่กับป้าเป็นเวลาสองถึงสามเดือน ก่อนจะย้ายไปรัฐเท็กซัสเมื่อเธออายุ 13 ปี เนื่องจากพ่อต้องผ่าตัดหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ เธอกล่าวว่าเธอถูกทารุณน้อยลง แต่ยังคงเผชิญกับการทารุณทางจิตใจภายในบ้านอยู่ | 
| 
	1314596 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314596 | 
	ฆฤตาจี | 
	เทพธิดาในปรัมปราวิทยาฮินดู
ฆฤตาจี  เป็นนางเทพอัปสร (นางเทพธิดา) ในเทพปกรณัมศาสนาฮินดู นางเป็นที่รู้จักจากความงามและความเย้ายวนใจอันสามารถมัดใจบุรุษเพศชายทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือมนุษย์ นอกจากนี้นี้นางยังมีบทบาทในฐานะเป็นมารดาอีกด้วย
วรรณกรรม.
นามของนางนั้นปรากฏในคัมภีร์ศาสนาฮินดูหลายเล่ม รวมถึงมหากาพย์รามายณะ มหาภารตะ และปุราณะ นางถูกอธิบายว่าอยู่ในนางอัปสราชั้นไทวิกะ (นางอัปสรชั้นสูงระดับเดียวกับเจ้าแม่ชั้นผู้ใหญ่ในศาสนาฮินดู) และนางยังเป็นเป็นประธานในเดือนกุมภะซึ่งเป็นเดือนในปฏิทินจันทรคติของอินเดียในพระคัมภีร์ต่าง ๆ นั้นบรรยายถึงเสน่ห์ของนางที่สามารถมัดใจบุรุษทั้งหลายได้ไม่ว่าจะเป็น ฤๅษี (นักบวช) คนธรรพ์ (นักดนตรีแห่งสวรรค์) เทวดา (เทพบุรุษ) และกษัตริย์ | 
| 
	1314606 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314606 | 
	จังหวัดลำพูนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตเลือกตั้ง จำนวนที่นั่งเท่าเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2562 แต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:38.44%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">38.44%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:28.03%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">28.03%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">พลังประชารัฐ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#006536; width:16.88%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">16.88%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">16.65%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:50.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">50.00%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:50.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">50.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอเมืองลำพูน อำเภอบ้านธิ และอำเภอแม่ทา
เขต 2.
เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอป่าซาง อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอทุ่งหัวช้าง และอำเภอลี้ | 
| 
	1314609 | 
	288642 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314609 | 
	จังหวัดเชียงรายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 7 เขตเลือกตั้ง จำนวนที่นั่งเท่าเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2562 แต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:35.38%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">35.38%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:29.92%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">29.92%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ภูมิใจไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#312682; width:14.27%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">14.27%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">20.43%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:57.14%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">57.14%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:42.86%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">42.86%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอเมืองเชียงราย (ยกเว้นตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล ตำบลท่าสุด ตำบลดอยลาน และตำบลห้วยสัก)
เขต 2.
เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอเมืองเชียงราย (เฉพาะตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล และตำบลท่าสุด) และอำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลแม่จัน ตำบลป่าตึง ตำบลป่าซาง ตำบลสันทราย และตำบลท่าข้าวเปลือก)
เขต 3.
เขตเลือกตั้งที่ 3 ประกอบด้วยอำเภอแม่ลาว อำเภอแม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า
เขต 4.
เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วยอำเภอพาน อำเภอป่าแดด และอำเภอเมืองเชียงราย (เฉพาะตำบลดอยลานและตำบลห้วยสัก)
เขต 5.
เขตเลือกตั้งที่ 5 ประกอบด้วยอำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเชียงของ (เฉพาะตำบลบุญเรือง)
เขต 6.
เขตเลือกตั้งที่ 6 ประกอบด้วยอำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลแม่ไร่ ตำบลแม่คำ ตำบลศรีค้ำ และตำบลจอมสวรรค์)
เขต 7.
เขตเลือกตั้งที่ 7 ประกอบด้วยอำเภอเชียงแสน อำเภอดอยหลวง อำเภอเวียงแก่น อำเภอเชียงของ (ยกเว้นตำบลบุญเรือง) และอำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลจันจว้าและตำบลจันจว้าใต้) | 
| 
	1314615 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314615 | 
	จังหวัดสมุทรสงครามในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 1 เขตเลือกตั้ง จำนวนที่นั่งเท่าเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2562 แต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:37.75%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">37.75%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">รวมไทยสร้างชาติ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">19.32%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ประชาธิปัตย์</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#23B0E6; width:14.39%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">14.39%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">28.54%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:100.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">100.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ.
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 1
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ก้าวไกล (69.33%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  เพื่อไทย (13.26%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  รวมไทยสร้างชาติ (11.00%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ประชาธิปัตย์ (1.67%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (4.74%)
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสงครามทั้งจังหวัด
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 1
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อานุภาพ (64.19%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  รังสิมา (15.29%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ณิชาภา (12.16%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ธนธัส (2.46%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  นพพล (2.03%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (3.88%) | 
| 
	1314618 | 
	179988 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314618 | 
	มนุษย์กลายพันธุ์ (มาร์เวลคอมิกส์) | 
	ในหนังสือการ์ตูนอเมริกันที่ตีพิมพ์โดยมาร์เวลคอมิกส์ มนุษย์กลายพันธุ์ หรือ มิวแทนท์  เป็นมนุษย์ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เรียกว่า เอ็กซ์-ยีน (X-gene) มันทำให้มนุษย์กลายพันธุ์พัฒนาพลังเหนือมนุษย์ที่จะแสดงออกตั้งแต่วัยเริ่มเจริญพันธุ์ มนุษย์กลายพันธุ์บางครั้งถูกเรียกว่าเป็นสปีชีส์ย่อยของมนุษย์ Homo sapiens superior หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Homo superior มนุษย์กลายพันธุ์เป็นวิวัฒนาการระดับลูกหลานของ "โฮโม เซเปียนส์" และโดยทั่วไปถือว่าเป็นขั้นต่อไปในวิวัฒนาการของมนุษย์ ความถูกต้องของสิ่งนี้เป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างมากในจักรวาลมาร์เวล
การกลายพันธุ์ของมาร์เวลในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นตัวละครที่พัฒนาพลังของพวกเขาหลังจากสัมผัสกับสิ่งเร้าหรือพลังงานภายนอกเท่านั้น (เช่น ฮัลค์, สไปเดอร์-แมน, แฟนแทสติกโฟร์, แอบซอร์บิงแมน และ กัปตันมาร์เวล) แต่มนุษย์กลายพันธุ์นั้นมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่แท้จริง
สื่ออื่นๆ.
จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล.
หลังจากที่ดิสนีย์เข้าซื้อกิจการ เทว็นตี้เซ็นจูรีฟ็อกซ์ ในปี ค.ศ. 2019 ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่อง X-Men และตัวละครกลายพันธุ์อื่น ๆ ก็เปลี่ยนกลับเป็นของมาร์เวลสตูดิโอส์ เมื่อถูกถามว่าการที่เขาใช้คำว่า "มนุษย์กลายพันธุ์" หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะหลีกเลี่ยงคำว่า "X-Men" หรือไม่ ไฟกีชี้แจงว่าเขาใช้สองคำนี้แทนกันได้ เขาเสริมว่าแนวทางของมาร์เวลสตูดิโอส์ที่มีต่อตัวละครจะแตกต่างไปจากแฟรนไชส์ของฟ็อกซ์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 เผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์ได้ปรากฏตัวในสื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในแฟรนไชส์สื่อของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ได้แก่ | 
| 
	1314624 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314624 | 
	เอฟเอยูธคัพ | 
	เอฟเอยูธคัพ  เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ดำเนินการโดยสมาคมฟุตบอล หรือ เอฟเอสำหรับทีมอายุต่ำกว่า 18 ปี เฉพาะผู้เล่นที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 18 ปีในวันที่ 31 สิงหาคมของฤดูกาลปัจจุบันเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม ส่วนใหญ่เป็นทีมเยาวชนจากสโมสรฟุตบอลอาชีพในพรีเมียร์ลีก ดึงดูดผู้เข้าร่วมกว่า 400 คนจากทั่วประเทศ
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เอฟเอได้จัด Youth Championship for County Association โดยพิจารณาว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นการแข่งขันในหมู่เยาวชนที่ยังไม่โตพอที่จะเล่นทีมชุดใหญ่ การแข่งขันไม่ได้ดึงดูดผู้ชมจำนวนมาก แต่ผู้เล่นที่โดดเด่นถูกเรียกติดทีมชาติชุดเยาวชน และนักฟุตบอลเยาวชนหลายพันคนได้รับโอกาสลงเล่นในระดับชาติเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1951 มีการตระหนักว่าการแข่งขันระดับสโมสรน่าจะดึงดูดใจได้มากกว่า FA Youth Challenge Cup (ฤดูกาล 1952–53) สงวนไว้เฉพาะทีมเยาวชนของสโมสร ทั้งระดับอาชีพและระดับสมัครเล่นที่เป็นสมาชิกของเอฟเอ
เซอร์ โจ ริชาร์ดส์ อดีตประธานฟุตบอลลีกผู้ล่วงลับเป็นผู้คิดแนวคิดเรื่องยูธคัพ ในตอนแรกเขาเสนอแนวคิดนี้กับสโมสรในลีก แต่พวกเขาไม่สนใจ ริชาร์ดส์จึงนำแนวคิดนี้เสนอต่อสมาคมฟุตบอล ซึ่งพวกเขาชอบแนวคิดนี้และได้จัดการแข่งขันในปีเดียวกัน ถ้วยรางวัลยูธคัพถูกซื้อโดยฟุตบอลลีกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Fred Howarth เลขานุการของฟุตบอลลีก พบถ้วยรางวัลในตู้ที่สำนักงานและส่งมอบให้กับสมาคมฟุตบอล
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขัน โดยคว้าแชมป์ได้ถึง 11 สมัย พวกเขายังเป็นแชมป์ในฤดูกาลปัจจุบันหลังจากเอาชนะนอตทิงแฮมฟอเรสต์ 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศปี ค.ศ. 2022
การแข่งขันรายการนี้ทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นในการแข่งขันระดับมืออาชีพสำหรับผู้เล่นชั้นนำของอังกฤษหลายคน อย่างจอร์จ เบสต์, จอห์น บานส์, ไรอัน กิกส์, เดวิด เบ็คแคม, แกรี เนวิล, ฟิล เนวิล, นิคกี บัตต์, พอล สโกลส์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ไมเคิล โอเว่น, สตีเวน เจอร์ราร์ด, เจมี คาร์ราเกอร์, โจ โคล, เวย์น รูนีย์, ธีโอ วัลค็อตต์, แดเนียล สเตอร์ริดจ์ แจ็ค วิลเชียร์ และแกเร็ธ เบล ต่างเคยคว้าแชมป์รายการนี้หรือได้เล่นในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอยูธคัพ ฤดูกาล 1991–92 มีชื่อเสียงโด่งดังจากการผงาดขึ้นของกลุ่มลูกนกหัดบินของเฟอร์กี | 
| 
	1314632 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314632 | 
	ฮิเดโอะ อิชิกาวะ | 
	ฮิเดโอะ อิชิกาวะ (<ruby>石川 英郎<rt>いしかわ ひでお</rt></ruby>, 13 ธันวาคม 1969 -) เป็นนักพากย์และผู้บรรยายชายชาวญี่ปุ่น เกิดที่เมืองนิชิโนมิยะ จังหวัดเฮียวโงะ สังกัดอาโอนิโปรดักชัน ส่วนสูง 181 ซม. | 
| 
	1314639 | 
	198741 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314639 | 
	มาซาฮิโระ ยามานากะ | 
	มาซาฮิโระ ยามานากะ (<ruby>山中 真尋<rt>やまなか まさひろ</rt></ruby>, 22 ธันวาคม 1980 –) เป็นนักพากย์และผู้บรรยายชายชาวญี่ปุ่น เกิดที่ จังหวัดไซตามะ สังกัดเค็นยูออฟฟิศ ส่วนสูง 169 ซม. | 
| 
	1314643 | 
	361321 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314643 | 
	ประเทศเวียดนามในซีเกมส์ 2023 | 
	ประเทศเวียดนาม มีกำหนดจะเข้าร่วมเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 32 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 ถึง 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 ที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา | 
| 
	1314681 | 
	361321 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314681 | 
	ประเทศมาเลเซียในซีเกมส์ 2023 | 
	ประเทศมาเลเซีย มีกำหนดเข้าร่วมการแข่งขัน ซีเกมส์ 2023 ที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 ทีมชาติมาเลเซียจะประกอบด้วยนักกีฬา 677 คน เป็นชาย 403 คน และหญิง 274 คน นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่อีก 237 คนเข้าร่วมด้วย
ฟินสวิมมิง.
ชาย
หญิง
ผสม | 
| 
	1314789 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314789 | 
	เจ้าชายหฤทเยนทระแห่งเนปาล | 
	หฤทเยนทระ ศาหะ (ประสูติ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2545) เป็นสมาชิกของราชอาณาจักรเนปาลในอดีตและเป็นรัชทายาทอันดับ 2 ของเนปาล ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 พระองค์จึงเป็นที่รู้จักในประเทศเนปาลในพระนามว่า นวยุวราช
นวยุวราช.
เจ้าชายหฤทเยนทระ ประสูติเมื่อเวลา 12:49 น. ในพระราชวังนารายันหิติ ในกาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล เป็นโอรสเจ้าชายปารัสวีรพิกรมศาหเทวะ มกุฎราชกุมารแห่งเนปาล และเจ้าหญิงหิมานี มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล 
พระอัยกาคือ สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเนปาลที่ถูกเนรเทศ ส่วนพระอัยยิกาคือ สมเด็จพระราชินีโกมลราชยลักษมีเทวีศาหะ ซึ่งเป็นสมาชิกของราชวงศ์ราณาตามประเพณีของชาวฮินดู พระองค์ได้รับการตั้งพระนามอย่างเป็นทางการว่า "หฤทเยนทระวีรพิกรมศาหเทวะ" ในพิธีที่พระราชวังนารายันหิติ 11 วันหลังจากประสูติ
ในศาสนาฮินดู มีพิธีมากมายในการเลี้ยงดูพระมหากษัตริย์ในอนาคต หฤทเยนทระ ได้รับพิธีป้อนข้าวตามประเพณี ที่พระราชวังนารายันหิติ หกเดือนหลังจากประสูติ พิธีดำเนินตามประเพณีในคัมภีร์พระเวท พระองค์ทรงเลี้ยงข้าวโดยพระมารดาและสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ ในระหว่างพิธี พระองค์ได้รับการถวาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากนายกรัฐมนตรี โลเกนดรา บะฮะดูร์ จัน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่น ๆ ตามลักษณะพิธีแบบดั้งเดิม ต่อมา หฤทเยนทระ ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในขบวนรถม้าและถูกนำไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกาฐมาณฑุ ซึ่งมีการบูชาและประกอบพิธีกรรม นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นฝ่ายอารักขาในช่วงพิธีนี้ และอุ้มเจ้าชายไปรอบๆ วัดเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันระหว่างประชาชนกับสถาบันกษัตริย์
ราชสันติวงศ์.
หฤทเยนทระ เป็นรัชทายาทอันดับ 2 ในสายการสืบสันตติวงศ์ของเนปาล ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 ก่อนที่ระบอบกษัตริย์จะถูกล้มล้าง รัฐบาลเนปาลได้ออกร่างแก้กฎมนเทียรบาลเพื่อแทนที่การสืบราชสันตติวงศ์แบบดั้งเดิม ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติร่างแก้กฎมนเทียรบาลให้สตรีสามารถขึ้นครองราชย์ได้ด้วยความเห็นชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หากร่างกฎมณเทียรบาลถูกใช้จริง เจ้าชายหฤทเยนทระ จะถูกลงให้อยู่ในตำแหน่งที่ 3 ในการสืบราชสันตติวงศ์ เจ้าหญิงปูรณิกาแห่งเนปาล ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินี ของพระองค์จะถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นอันดับที่ 2 เนื่องจากมกำหนดไว้ว่าราชวงศ์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่ถูกลิดรอนจากตำแหน่งหรือ บรรดาศักดิ์ บทบัญญัติใหม่จะมีผลบังคับใช้สำหรับผู้ที่เกิดภายหลังการเปลี่ยนแปลงลำดับการสืบสันตติวงศ์
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 มีการคาดเดาในเนปาลว่าพระบืดาและพระอัยกาของหฤทเยนทระจะหลีกทางให้พระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 นายกรัฐมนตรี คิริชา ประสาท โกอิราลา ของเนปาลเรียกร้องให้กษัตริย์และมกุฎราชกุมารสละราชสมบัติเพื่อสนับสนุน หฤทเยนทระ แม้ว่าสิ่งนี้จะถูกปฏิเสธโดยกลุ่มลัทธิเหมา
การล้มล้างระบอบกษัตริย์.
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550 มีการประกาศว่าเนปาลจะยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2551 หลังจากการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งเนปาล (Constituent Assembly of Nepal) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากรูปแบบราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ก่อนการยกเลิกระบอบกษัตริย์ หฤทเยนทระ เข้าเรียนที่ โรงเรียนนานาชาติรูปีในกาฐมาณฑุ พระเชษฐภคีนีกับพระขนิษฐาของพระองค์ซึ่งถูกปลดคือ เจ้าหญิงปูรณิกาแห่งเนปาล และ เจ้าหญิงกฤติกาแห่งเนปาล ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 หฤทเยนทระ ได้เสด็จลี้ภัยทางการเมืองพร้อมกับพระชนนี พระเชษฐภคีนี และพระขนิษฐา โดยได้ประทับอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อไปสมทบพระชนกที่ประทับอยู่ก่อนแล้วซึ่งประกอบธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ | 
| 
	1314797 | 
	11593 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314797 | 
	เชค แช็ค | 
	เชค แช็ค  เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเครือร้านฟาสต์แคชวล จากสหรัฐ ก่อตั้งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 ผู้ก่อตั้งโดยแดเนียล เมเยอร์ ก่อนก่อตั้มเริ่มแรกทำธุรกิจรถเข็นขายฮอทดอกในเมดิสันสแควร์ใน พ.ศ. 2544 และได้รับความนิยมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงในปี พ.ศ. 2547 ได้รับใบอนุญาตให้เปิดแผงขายถาวรภายในสวนสาธารณะ<ref name="inc/201505/welch/meyer"></ref> ได้ขยายเมนูจากฮอทดอกเพิ่มแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์และมิลค์เชค มีสาขามากกว่า 262 สาขาในสหรัฐอเมริกา และในสาขาต่างประเทศอีก 141 สาขา
เชค แช็คในประเทศไทย.
เริ่มตั้งแต่ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 ทางโซเชียลมีเดียของเชค แช็คได้ยืนยันว่าเตียงจะเปิดตัวสาขาในประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2566 ผู้นำเข้าแบรนด์เชค แช็คในประเทศไทยโดยบริษัท แม็กซิมส์ เคเทอร์เรอร์ จำกัด สาขาแรกตั้งอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ฝั่งอิเซตันเก่าเปิดให้บริการวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 และทางเชค แช็คเตรียมตั้งเป้าจะขยายสาขาในประเทศไทยอีก 15 สาขาภายในปี พ.ศ. 2575 | 
| 
	1314820 | 
	18549 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314820 | 
	เจ้าชายนิราชันพีรพิกรมศาหเทวะ | 
	เจ้าชายนิราชันพีรพิกรมศาหเทวะ (เนปาล: निराजन बीर विक्रम शाह; 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 – 1 มิถุนายน พ.ศ. 2544) เป็นเจ้าชายแห่งเนปาล พระอนุชาของมกุฎราชกุมารดิเพนทรา ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ในเหตุการณ์สังหารหมู่พระราชวงศ์เนปาล พ.ศ. 2544 ซึ่งเจ้าชายนิรซัน และพระบรมวงศานุวงศ์ ถูกสังหารในงานเลี้ยงพระกระยาหารอาหารค่ำในปี 2544 เจ้าชายนิรซันอยู่ในลำดับที่ 2 ในราชบัลลังก์ต่อจากมกุฎราชกุมารดิเพนทรา
การศึกษาและความสนพระราชหฤทัย.
พระองค์ทรงได้รับการศึกษาที่โรงเรียนพุทธนิลกัณฐะ กรุงกาฐมาณฑุ และโรงเรียนมัธยมอีตัน ทรงจบการศึกษาปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต จากวิทยาลัยการจัดการกรุงกาฐมาณฑุ พระองค์สนพระราชหฤทัยกีฬาโดยเฉพาะกีฬาว่ายน้ำ
สิ้นพระชนม์.
เจ้าชายนิราชัน เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์สังหารหมู่พระราชวงศ์เนปาล พ.ศ. 2544 พร้อมกับพระราชชนก พระราชชนนี พระเชษฐา พระเชษฐภคีนี และพระบรมวงศานุวงศ์ 
เกียรติประวัติ.
เครื่องราชอิสริยาภรณ์.
เหรียญเงินที่ระลึก ในสมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทรพีรพิกรมศาหเทวะ เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2540 | 
| 
	1314829 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314829 | 
	อาเลสซันโดร สการาโน | 
	อาเลสซันโดร สการาโน (เกิด 3 กันยายน พ.ศ. 2526) เป็นนักการเมืองชาวซานมารีโนซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการร่วม ร่วมกับอาเดเล ตอนนีนี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ถึง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566
ชีวประวัติ.
อาเลสซันโดร สการาโน เกิดที่บอร์โกมัจโจเร และจบการศึกษาด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยโบโลญญา
สการาโนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยคริสเตียนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 เขาดำรงตำแหน่งในสภานิติบัญญัติชุดที่ 27 ของสภาใหญ่สามัญตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2555 และอีกครั้งในสภานิติบัญญัติชุดที่ 30 มาตั้งแต่ พ.ศ. 2562 เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการถาวรด้านกิจการภายในและการต่างประเทศประจำสภาสามัญ และหลงใหลเกี่ยวกับการเดินทาง ศิลปะ และโบราณคดี เขาฝึกขี่ม้าจนได้รับชัยชนะจากการแข่งขันชิงแชมป์ซานมารีโน
ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2566 สภาใหญ่สามัญได้เลือกสการาโนและอาเดเล ตอนนีนี เป็นผู้สำเร็จราชการร่วมแห่งซานมารีโน เริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ถึง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 | 
| 
	1314831 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314831 | 
	อาเดเล ตอนนีนี | 
	อาเดเล ตอนนีนี (เกิด 24 มิถุนายน พ.ศ. 2520) เป็นนักการเมืองชาวซานมารีโนซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการร่วม ร่วมกับอาเลสซันโดร สการาโน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ถึง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566
ประวัติ.
อาเดเล ตอนนีนี เกิดที่กรุงซานมารีโน และจบการศึกษาจากสถาบันศิลปะแห่งรัฐอูร์บีโน หลังจากนั้นเธอจึงศึกษาต่อด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยอูร์บีโน ระหว่าง พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2557 เธอทำงานในสาขานี้ในฐานะเจ้าของธุรกิจงานฝีมือเข้าเล่มหนังสือ
ตอนนีนีเป็นสมาชิกของขบวนการเรเตที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2555 และทำหน้าที่ในสภาใหญ่สามัญตั้งแต่ พ.ศ. 2562 เธอเป็นตัวแทนของประเทศซานมารีโนในโครงการอาหารโลกและเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการถาวรด้านกิจการยุติธรรมประจำสภาใหญ่สามัญ เธอหลงใหลในปัญหาสิ่งแวดล้อม รักสัตว์ และมีงานอดิเรกของเธอได้แก่การวาดภาพ การเดินทาง และเครื่องยนต์
ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2566 สภาใหญ่สามัญได้เลือกเธอและอาเลสซันโดร สการาโน เป็นผู้สำเร็จราชการร่วมแห่งซานมารีโน เริ่มดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ถึง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 | 
| 
	1314844 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314844 | 
	รัฐกองทัพแห่งชาติโรมาเนีย | 
	รัฐกองทัพแห่งชาติโรมาเนีย  เป็นช่วงเวลาของการปกครองแบบฟาสซิสต์รวบอำนาจเบ็ดเสร็จของราชอาณาจักรโรมาเนียระหว่างวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1940 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941 โดยมีอียอน อันตอเนสกู พร้อมด้วยกลุ่มผู้พิทักษ์เหล็กเป็นผู้กุมอำนาจในประเทศ การเมืองของโรมาเนียในสมัยนี้มีลักษณะเป็นลัทธิเหนือชาตินิยม ต่อต้านยิวและคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง แม้ว่ากลุ่มผู้พิทักษ์เหล็กจะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลโรมาเนียอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1940 แต่หลังจากการครอบงำรัฐบาลอย่างสมบูรณ์เมื่อวันที่ 14 กันยายน ได้นำไปสู่การประกาศจัดตั้งรัฐกองทัพแห่งชาติขึ้นในวันเดียวกัน
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1940 โรมาเนียถอนตัวออกจากกติกาสัญญาบอลข่าน ในวันที่ 8 ตุลาคม กองทัพเยอรมันประมาณ 500,000 นาย เริ่มข้ามพรมแดนโรมาเนีย ในวันที่ 23 พฤศจิกายน โรมาเนียเข้าร่วมฝ่ายอักษะอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน อดีตบุคคลสำคัญหรือข้าราชการชั้นสูง 64 คน ถูกสังหารโดยกลุ่มผู้พิทักษ์เหล็กในการสังหารหมู่ที่ชีลาวา กฎหมายต่อต้านยิวที่มีอยู่เดิมแล้วได้รับการขยายขอบเขตมากขึ้น โดยมีการเวนคืนทรัพย์สินที่ชาวยิวชนบทเป็นเจ้าของเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ตามมาด้วยสิทธิในป่าไม้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน และท้ายที่สุดเป็นเสรีภาพการขนส่งทางน้ำเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1941 กลุ่มผู้พิทักษ์เหล็กพยายามรัฐประหารและสังหารชาวยิวในบูคาเรสต์ แต่อันตอเนสกูสามารถปราบปรามรัฐประหารได้สำเร็จภายในสี่วัน เป็นเหตุให้กลุ่มผู้พิทักษ์เหล็กถูกบังคับออกจากรัฐบาล ฮอรียา ซีมา ผู้นำกลุ่มผู้พิทักษ์เหล็ก และหน่วยทหารที่ภักดีจำนวนมากลี้ภัยไปยังเยอรมนี ในขณะที่ผู้สนับสนุนคนอื่น ๆ ถูกจับกุม อันตอเนสกูจึงประกาศยกเลิกรัฐกองทัพแห่งชาติลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941 | 
| 
	1314852 | 
	12450097 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314852 | 
	รองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร | 
	รองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร  เป็นตำแหน่งหนึ่งของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีการใช้งานตลอดเวลา นายกรัฐมนตรีบางคนไม่ได้แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี แต่เลือกแต่งตั้งเอกอัครรัฐมนตรี
ประวัติ.
ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในกฎหมายของสหราชอาณาจักร ไม่ปรากฎอย่างเป็นทางการ แต่ตำแหน่งนี้ปรากฎครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงรัฐบาลของเชอร์ชิล ได้มีการแต่งตั้งเคลเมนต์ แอตต์ลี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีในการตอบคำถามต่อสภาสามัญชนในปี ค.ศ. 1942 จนถึงปี 1945 
ในปี 1995 ไมเคิล เฮเซลไทน์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคม และเลขานุการแห่งรัฐในเดือนพฤษภาคม 1997 | 
| 
	1314855 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314855 | 
	จังหวัดระนองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนอง พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 1 เขตเลือกตั้ง จำนวนที่นั่งเท่าเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ภูมิใจไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#312682; width:44.98%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">44.98%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">รวมไทยสร้างชาติ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">22.98%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:13.64%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">13.64%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">19.21%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ภูมิใจไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#312682; width:100.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">100.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยจังหวัดระนองทั้งจังหวัด
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 1
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  สายัณห์ (51.46%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  คงกฤษ (24.95%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ดนัยณัฏฐ์ (9.89%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  พงศกร (3.98%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  รังสรรค์ (3.81%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (5.91%) | 
| 
	1314857 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314857 | 
	เจฟฟ์ เบนต์ | 
	เจฟฟรีย์ เบนท์ (27 กันยายน ค.ศ. 1932 - 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษที่เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 ถึง ค.ศ. 1958 เขาเป็น 1 ในบัสบีเบบส์ ซึ่งเป็นทีมผู้เล่นอนาคตไกลภายใต้การดูแลของผู้จัดการทีมแมตต์ บัสบี ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1950 เบนท์ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เพียง 12 นัดเท่านั้น เนื่องจากมีโรเจอร์ เบิร์น แบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษเป็นแบ็คซ้ายตัวจริง เขาเป็น 1 ใน 8 ผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ภัยพิบัติทางอากาศมิวนิก เมื่อเครื่องบินของพวกเขาตกในความพยายามครั้งที่ 3 ที่จะบินออกจากรันเวย์ที่ปกคลุมด้วยโคลนที่สนามบินมิวนิก-เรียม หลังการแข่งขันยูโรเปียนคัพ ที่เบลเกรดเจอกับเรดสตาร์เบลเกรด
ประวัติ.
เจฟฟรีย์ เบนท์เกิดที่ซอลฟอร์ด, แลงคาสเชอร์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1932 เขาเป็นลูกคนเดียวของคลิฟฟอร์ด เบนท์ คนงานเหมืองที่ Sandhole Colliery และคลาราภรรยาของเขา (นามสกุลเดิม ดันนิง) เขาเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อของเขาทำงานหาเงินแต่เพียงผู้เดียว แต่แม่ของเขาเป็นแม่บ้านและมีอิทธิพลต่อลูกชายของเธอมากกว่า | 
| 
	1314859 | 
	460178 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314859 | 
	กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ | 
	กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ หรือแจสซี่ เดอะเฟซ ชื่อเล่น แจสซี่ (เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2542) เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักแสดง นางแบบลูกครึ่งไทย-อังกฤษ และเธอเคยเข้าแข่งขันในรายการ เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 2 และ เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 4 และเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของกันตนา
ประวัติ.
กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ ชื่อเล่น แจสซี่ (เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2542) จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนบางกอกพัฒนาและระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ภาคอินเตอร์)(ดรอปการศึกษาปี 3) 
การประกวด.
กิระนาเคยเข้าแข่งขันในรายการเดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 2 อยู่ในทีมของเมนเทอร์ คริส หอวัง
และในปีพ.ศ. 2561 กิระนากลับเข้ามาแข่งขันในรายการ เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 4 ซึ่งอยู่ในทีมของเมนเทอร์ บี น้ำทิพย์ และเมนเทอร์ ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของกันตนา
เมื่อปี 2564 กิระนาได้แจ้งเกิดในละครธิดาซาตาน และร่วมแสดงกับ มาเรีย เฮิร์ชเลอร์ เทีย ทวีพาณิชย์พันธุ์ และ ลาภิสรา อินทรสูต
และปี 2566 กิระนาได้เข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2566 โดยเป็นตัวแทนจังหวัดแม่ฮ่องสอน (MUT20) กิระนา ได้ตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2566 และไม่ได้เซ็นสัญญา จึงถูกถอนตำแหน่งรองอันดับ 1 โดย ฉัตรนลิน โชติจิรวราฉัตร (ดำรงตำแหน่งแทน) | 
| 
	1314860 | 
	12479429 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314860 | 
	ความสัมพันธ์ซาอุดีอาระเบีย–ไทย | 
	ความสัมพันธ์ซาอุดีอาระเบีย–ไทย  สื่อถึงความสัมพันธ์ในอดีตและปัจจุบันระหว่างซาอุดีอาระเบียกับไทย โดยซาอุดีอาระเบียจัดตั้งสถานทูตที่กรุงเทพมหานคร ส่วนไทยมีสถานทูตที่รียาด แต่อยู่ในสถานะอุปทูต อย่างไรก็ตาม ทั้งฝ่ายซาอุดีอาระเบียและไทยมุ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ใน ค.ศ. 1957 และมีชาวไทยแสนกว่าคนเดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และมิตรภาพระหว่างซาอุดีอาระเบียและไทยได้ถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากคดีเพชรซาอุ ถึงกระนั้นการค้าระหว่างซาอุดีอาระเบียและไทยยังคงอยู่ในระดับสูง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียและไทยได้แสดงเจตจำนงที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักร
ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2022 โดยการนำของ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ได้มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ จนทั้งสองประเทศได้ประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบและเตรียมแต่งตั้งเอกอัครราชทูต เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย เพื่อทรงร่วมการประชุมเอเปค 2022 ปีต่อมาทางการซาอุดีอาระเบียได้แต่งตั้งอับดุรเราะห์มาน อับดุลอะซีซ อัลซุฮัยบานี เป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยคนแรกในรอบกว่า 30 ปี | 
| 
	1314863 | 
	370823 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314863 | 
	จารึกเกอดูกันบูกิต | 
	จารึกเกอดูกันบูกิต เป็นศิลาจารึกที่ชาวดัตช์ชื่อ C.J. Batenburg ค้นพบ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1920 ที่เกอดูกันบูกิต จังหวัดสุมาตราใต้ หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ (ปัจจุบันคือประเทศอินโดนีเซีย) ที่ริมฝั่งแม่น้ำตาตัง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูซี ถือเป็นตัวอย่างภาษามลายู (ในรูปภาษามลายูเก่า) ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ยังหลงเหลืออยู่ หินขนาดเล็กนี้มีขนาด 45 × 80 เซนติเมตร (1.48 × 2.62 ฟุต) ซึ่งลงจารึกในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 683 ศิลาจารึกนี้เขียนด้วยอักษรทมิฬปัลลวะ | 
| 
	1314893 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314893 | 
	การขนส่งระบบรางในประเทศญี่ปุ่น | 
	การขนส่งระบบรางในประเทศญี่ปุ่น เป็นรูปแบบการเดินทางขนส่งโดยสารที่สำคัญ นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโครงข่ายทางรถไฟที่หนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ประวัติ.
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ยุคสมัยเอโดะภายใต้ระบบโชกุนโทกูงาวะ ซึ่งเป็นการปกครองระบบศักดินาโดยซามูไรมาเป็นเวลากว่า 250 ปี สิ้นสุดลงหลังจากการรับแนวคิดและวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ผนวกกับโครงสร้างทางอำนาจที่เข้มงวด ทำให้เกิดการต่อต้านระบบศักดินาของประชาชน อันนำมาซึ่งการฟื้นฟูเมจิ ในปี ค.ศ. 1868 เกิดการปฏิรูประบบเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมไปถึงการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานดังเช่นการพัฒนาระบบทางรถไฟขึ้นมา
เส้นทางรถไฟสายแรกของญี่ปุ่นเปิดให้บริการในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1872 จากสถานีชิมบาชิในโตเกียว จนถึงสถานีโยโกฮามะในโยโกฮามะ ดำเนินการโดย การรถไฟแห่งรัฐบาลญี่ปุ่น (Japan Government Railway: JGR) ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากอังกฤษ และมีที่ปรึกษาด้านเทคนิคของยุโรปเพื่อฝึกอบรมคนงานชาวญี่ปุ่น นำเข้ารถจักรไอน้ำมาจากอังกฤษ และใช้รางขนาด 1.067 เมตร (แนร์โรว์เกจ) ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับอังกฤษที่ใช้ยุคเดียวกัน หลังจากเปิดทางรถไฟสายแรกแล้ว ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงมีความพยายามจะขยายเส้นทางรถไฟออกไป โดยต้องการให้ดำเนินการโดยรัฐ แต่เนื่องจากประสบปัญหาหลายประการรวมทั้งด้านการเงินทำให้การขยายเส้นทางเป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจึงอนุญาตให้เอกชนมาสร้างและขยายทางรถไฟ โดยบริษัทแรกที่เข้ามาสร้างคือ Nippon Railways จากนั้นจึงมีเอกชนบริษัทอื่นเข้ามาร่วมขยายทางรถไฟอีกหลายสาย ส่งผลให้การขยายเส้นทางเป็นไปอย่างรวดเร็วดังคาด ภายในระยะเวลากว่า 10 ปี โครงข่ายทางรถไฟในญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้นและเป็นที่นิยมในลักษณะเดียวกับอังกฤษ โดยมีทั้งที่สร้างโดยรัฐและเอกชน
ในปี ค.ศ. 1906 มีการร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูประบบรางจากเอกชนมาเป็นของรัฐ เพื่อให้รัฐสามารถบริหารจัดการได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น การดำเนินการเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1907 แต่เนื่องจากการผนวกรวมจึงเป็นเหตุให้รัฐมีค่าใช้จ่ายสูงมากจนไม่มีงบเพียงพอต่อการขยายเส้นทางเพิ่มในพื้นที่ห่างไกลรัฐจึงได้ร่างพระราชบัญญติฉบับใหม่เพื่ออนุญาตให้เอกชนมีสิทธิ์ในการดำเนินกิจการรถรางเบา หรือ Light Railway ในปี ค.ศ. 1910 สำหรับการนำรถจักรดีเซลเริ่มนำมาใช้ในปี ค.ศ. 1929 ซึ่งนำเข้ามาจากเยอรมนี
ครั้นเมื่อปี ค.ศ. 1938 ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ระบบรถไฟ ถูกทหารเข้าควบคุมดูแลและมีการแปรรูปทางรถไฟของเอกชนที่เหลือมาเป็นของรัฐอีกครั้ง มีการรื้อรางรถไฟออกไปจำนวนมากเพราะการขาดแคลนแร่เหล็ก ส่งผลให้ทางคู่บางส่วนถูกรื้อให้เหลือเพียงทางเดี่ยว และบางเส้นทางถูกรื้อออกทั้งหมด อีกทั้งมีการลดการให้บริการทางรถไฟลงมากเพื่อนำไปใช้ทางทหาร นอกจากนี้ผลพวงของสงครามยังทำให้ทางรถไฟจำนวนมากได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ภายหลังยังสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างรวดเร็ว
หลังสงครามสิ้นสุดลง ญี่ปุ่นอยู่ในสภาวะข้าวยากหมากแพงแต่การเดินทางรถไฟเป็นที่ต้องการมากขึ้นในขณะที่รถไฟที่มีให้บริการเหลือเพียงไม่มาก ทำให้ความหนาแน่นของผู้โดยสารสูงเกินปริมาณที่รองรับได้ ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาซึ่งได้เข้ามาควบคุมญี่ปุ่น ได้จัดการปฏิรูปการรถไฟญี่ปุ่นให้เป็นบริษัทมหาชนเรียกว่า การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japanese National Railways: JNR) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1949 การปฏิรูปนี้ทำให้การก่อสร้างซ่อมแซมระบบรถไฟเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงระบบของตัวรถไฟไปใช้ไฟฟ้าแทนดีเซล
โดยมีการติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวไปตามเส้นทางหลักหลายสายและยกเลิกการใช้รถจักรไอน้ำทั้งหมด
จนกระทั่งคริสต์ทศวรรษ 1960 ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคทองแห่งระบบราง เมื่อขบวนตู้รถไฟด่วน และตู้รถไฟนอนเป็นที่นิยมอย่างมาก รถไฟชิงกันเซ็งสายโทไกโดอันเป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกของโลกได้เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1964 โดยให้บริการระหว่างโตเกียว–ชินโอซากะ ด้วยความเร็วประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่ผู้ใช้บริการรถไฟยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่เขตอภิมหานครโตเกียวส่งผลให้เกิดความแออัดเป็นอย่างมาก การรถไฟญี่ปุ่นจึงพยายามเพิ่มความจุการโดยสารด้วยการเพิ่มทางวิ่งเป็น 4 ทาง อย่างไรก็ตามจากการกู้เงินจำนวนมากเพื่อนำมาสร้างรถไฟชิงกันเซ็ง รวมถึงการเพิ่มความจุเพื่อรองรับความแออัดของผู้ใช้บริการ ส่งผลให้การรถไฟญี่ปุ่นมีหนี้จำนวนมหาศาลสูงถึง 280 ล้านดอลล่าสหรัฐ ในปี ค.ศ. 1987 หลังจากนั้นการรถไฟญี่ปุ่นจึงถูกแปรรูปออกมาเป็น กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น (Japan Railway Group: JR Group) โดยแยกย่อยเป็นกลุ่มบริษัท ทั้งหมด 7 บริษัท แบ่งตามภูมิภาค จากการทำงานอย่างเป็นเอกภาพระหว่างกลุ่มรถไฟ JR ส่งผลให้รถไฟในญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ทั้งคุณภาพ การให้บริการ และความเร็วจนก้าวขึ้นสู่แนวหน้าด้านการพัฒนาระบบรถไฟของโลกในปัจจุบัน
การจำแนกประเภททางรถไฟ.
ประเภทของผู้ให้บริการ.
กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น.
กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น หรือ กลุ่มรถไฟ JR หรือในชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า รถไฟ JR คือกลุ่มที่แปรรูปมาจากการรถไฟญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางโครงข่ายทางรถไฟของญี่ปุ่น ให้บริการรถไฟระหว่างเมืองเกือบทั้งหมด และมีสัดส่วนการให้บริการขนส่งรถไฟโดยสารจำนวนมาก
กลุ่มรถไฟ JR ให้บริการผู้โดยสารแยกย่อยตามกลุ่มบริษัทภูมิภาค 6 บริษัท ได้แก่ บริษัทรถไฟฮกไกโด, บริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันออก, บริษัทรถไฟญี่ปุ่นตอนกลาง, บริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันตก, บริษัทรถไฟชิโกกุ, บริษัทรถไฟคิวชู
บริษัทรถไฟเอกชนรายใหญ่.
ในช่วงหลังสงคราม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งเสริมให้เอกชนเช่นเดียวกับรถไฟแห่งชาติแข่งขันกันในการสร้างระบบขนส่งมวลชนของตนเอง เพื่อปรับปรุงโครงข่ายการขนส่งเมืองของประเทศให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่บทบาทของรัฐบาลจำกัดอยู่เพียงการควบคุมอัตราค่าโดยสาร
เพื่อแลกกับการพัฒนาเส้นทางรถไฟ บริษัทเอกชนได้รับโอกาสทางธุรกิจในการกระจายการดำเนินงานและพัฒนาพื้นที่อสังหาริมทรัพย์โดยรอบสถานีรถไฟ (Transit–Oriented Development : TOD) ตามแนวโครงข่ายทางรถไฟของตน โดยผู้ประกอบการรถไฟเอกชนสามารถจัดตั้งธุรกิจแบบบูรณาการในการพัฒนาที่ดินที่อยู่อาศัย ธุรกิจ อุตสาหกรรมและการค้าปลีก และวิธีการเดินทางที่ประชาชนใช้ในการเดินทางระหว่างกัน 
ดังนั้น ด้วยความหลากหลายของธุรกิจรถไฟเอกชนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นที่มีความเป็นอิสระทางการเงิน การดำเนินงานรถไฟจึงมักจะทำกำไรได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเครือข่ายการขนส่งส่วนใหญ่ในประเทศอื่น
สมาคมรถไฟเอกชนแห่งประเทศญี่ปุ่น จำแนกบริษัทรถไฟเอกชนรายใหญ่ออกเป็น 16 บริษัท โดยให้บริการรวมระยะทางทั้งหมด 2,870.1 กิโลเมตร โดยในช่วง 1 ปี จากเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 มีผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟเอกชนรายใหญ่ถึง 9.46 พันล้านคน ดังต่อไปนี้
ลักษณะทั่วไป.
ระบบไฟฟ้า.
นอกจากความถี่ในการจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับก็มีความต่างกัน ในฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น 50 เฮิรตซ์ และ 60 เฮิร์ต ในฝั่งตะวันตก
การให้บริการ.
ความตรงต่อเวลา.
รถไฟในญี่ปุ่นมีสถิติที่มีความตรงต่อเวลาที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2018 ค่าเฉลี่ยความล่าช้าของรถไฟชิงกันเซ็งสายโทไกโดอยู่ที่ 0.7 นาที
หากรถไฟมีความล่าช้าเกิดขึ้นบริษัทรถไฟจะทำการออก "ใบรับรองความล่าช้า" เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่พึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟกันเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรฐานความตรงต่อเวลาที่เข้มงวดอย่างมากจึงมักจะส่งผลให้พนักงานของรถไฟอยู่ภายใต้ความกดดันของสาธารณชน และอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงดังเช่น เหตุการณ์รถไฟตกรางที่อามากาซากิ ในปี ค.ศ. 2005 | 
| 
	1314898 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314898 | 
	เทศบาลตำบลโคกตูม | 
	โคกตูม เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทเทศบาลตำบลซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของตำบลนิคมสร้างตนเองและตำบลโคกตูม ในอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เดิมมีฐานะเป็นสุขาภิบาลโคกตูมที่จัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2507 ในท้องที่ตำบลนิคมสร้างตนเอง ในปี พ.ศ. 2517 ได้แยกพื้นที่ 7 หมู่บ้านของตำบลนิคมสร้างตนเอง ตั้งเป็นตำบลโคกตูม ท้องที่สุขาภิบาลจึงอยู่ในเขตทั้งสองตำบล และจัดตั้งเป็นเทศบาลตำบลในปี พ.ศ. 2542
ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 เพื่อความเหมาะสมในการบริหารกิจการและการทะนุบำรุงท้องถิ่น เพื่อเป็นไปตามสภาพพื้นที่จริง ได้ปรับเขตตำบลท่าศาลา และตำบลนิคมสร้างตนเองให้สอดคล้องกับประกาศสุขาภิบาลโคกตูมปี พ.ศ. 2507 และปรับเขตตำบลนิคมสร้างตนเอง และตำบลโคกตูม เนื่องจากการตั้งตำบลโคกตูมในปี พ.ศ. 2517 เพราะมีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลตำบลโคกตูม โดยไม่สามารถขอเลขบ้านหรือขออนุญาตก่อสร้างอาคารได้ เพราะเทศบาลตำบลโคกตูมอ้างว่า เป็นผู้อาศัยอยู่นอกพื้นที่นอกเขตเทศบาล แต่ในขณะเดียวกันยังคงเก็บภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนกับเจ้าของที่ดินที่อ้างว่าอยู่นอกเขตเทศบาลดังกล่าวมาโดยตลอด
จังหวัดลพบุรีจึงมีความเห็นโดยสรุปว่า พื้นที่ส่วนที่เหลือของตำบลโคกตูมและตำบลนิคมสร้างตนเอง ปรากฎว่าไม่เป็นเขตการปกครองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดและไม่สามารถจัดตั้งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ควรให้เทศบาลตำบลโคกตูมดำเนินการเปลี่ยนแปลงแนวเขตการปกครองให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของตำบลโคกตูมและตำบลนิคมสร้างตนเอง ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 โดยเปลี่ยนแปลงเขตกับทาง 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอโคกสำโรง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอพระพุทธบาท อำเภอหนองโดน ดังนี้
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแนวเขตตำบลโคกตูมและตำบลนิคมสร้างตนเอง (เทศบาลตำบลโคกตูม) จะทำให้เทศบาลตำบลโคกตูมซึ่งแต่เดิมมีพื้นที่ 132.71 ตารางกิโลเมตร เพิ่มขึ้นเป็น 219.47 ตารางกิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่เต็มทั้งตำบลนิคมสร้างตนเอง (11 หมู่บ้าน) และตำบลโคกตูม (16 หมู่บ้าน) รวมทั้งสิ้น 27 หมู่บ้าน | 
| 
	1314899 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314899 | 
	แม็กพายเมอร์เดอส์ | 
	แม็กพายเมอร์เดอร์ส  เป็นนวนิยายลึกลับในปี ค.ศ. 2016 โดยนักเขียนชาวอังกฤษ แอนโทนี โฮโรวิตซ์ และเป็นนวนิยายเรื่องแรกในซีรีส์ของ ซูซาน ไรแลนด์ เนื้อเรื่องเน้นไปที่การฆาตกรรมนักเขียนนวนิยายลึกลับชื่อดังและใช้การเล่าเรื่องในรูปแบบเรื่องราวซ้อนเรื่องราว
หนังสือเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นหลายภาษาและได้รับการดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ 6 ตอนที่มีชื่อเดียวกัน
เรื่องย่อ.
เรื่องราวของบรรณาธิการหญิงชื่อ ซูซาน ไรแลนด์ ซึ่งได้รับต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือของนวนิยายลึกลับเรื่องล่าสุดของนักเขียนขายดี อลัน คอนเวย์ แต่บทสุดท้ายของนวนิยายเรื่องนี้ขาดหายไป หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้ว่า อลัน คอนเวย์เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายจากการตกลงมาจากดาดฟ้าแมนชั่นของเขา อย่างไรก็ตาม เธอมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นจริงของเหตุการณ์ และตัดสินใจที่จะสืบสวนการตายของคอนเวย์เพื่อที่จะได้รู้ความจริง และค้นหาว่าต้นฉบับบทสุดท้ายของนวนิยายเรื่องนี้ไปอยู่ที่ไหน
พัฒนา.
โฮโรวิตซ์พัฒนาแนวคิดเรื่องราวของแม็กพายเมอร์เดอร์ส เป็นครั้งแรกในช่วงฤดูกาลที่ 1 ของมิดโซเมอร์เมอร์เดอร์ส ซึ่งออกอากาศครั้งแรกในปี ค.ศ. 1997 เขาระบุว่าเขาต้องการให้นวนิยายเรื่องนี้ "เป็นมากกว่านวนิยายฆาตกรรมลึกลับ" | 
| 
	1314903 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314903 | 
	จังหวัดปทุมธานีในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 7 เขตเลือกตั้ง เพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ขึ้นมา 1 ที่นั่ง ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:37.39%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">37.39%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:27.77%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">27.77%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ภูมิใจไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#312682; width:17.38%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">17.38%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">17.46%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:85.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">85.00%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:15.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">15.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอลาดหลุมแก้ว อำเภอสามโคก และอำเภอเมืองปทุมธานี (เฉพาะตำบลบ้านฉาง ตำบลบางหลวง และตำบลบางเดื่อ)
เขต 2.
เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอเมืองปทุมธานี (ยกเว้นตำบลบ้านฉาง ตำบลบางหลวง ตำบลบางเดื่อ และตำบลสวนพริกไทย)
เขต 3.
เขตเลือกตั้งที่ 3 ประกอบด้วยอำเภอคลองหลวง [เฉพาะตำบลคลองสาม ตำบลคลองสอง (ในเขตเทศบาลเมืองท่าโขลง) และตำบลคลองหนึ่ง (ในเขตเทศบาลเมืองท่าโขลง)]
เขต 4.
เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วยอำเภอเมืองปทุมธานี (เฉพาะตำบลสวนพริกไทย) อำเภอธัญบุรี (เฉพาะตำบลประชาธิปัตย์) และอำเภอคลองหลวง [เฉพาะตำบลคลองหนึ่ง (ในเขตเทศบาลเมืองคลองหลวง) และตำบลคลองสอง (ในเขตเทศบาลเมืองคลองหลวง)]
เขต 5.
เขตเลือกตั้งที่ 5 ประกอบด้วยอำเภอธัญบุรี (เฉพาะตำบลลำผักกูด ตำบลรังสิต และตำบลบึงยี่โถ) อำเภอคลองหลวง (เฉพาะตำบลคลองสี่ ตำบลคลองห้า ตำบลคลองหก และตำบลคลองเจ็ด) และอำเภอหนองเสือ (เฉพาะตำบลบึงชำอ้อ ตำบลบึงกาสาม และตำบลนพรัตน์)
เขต 6.
เขตเลือกตั้งที่ 6 ประกอบด้วยอำเภอลำลูกกา (เฉพาะตำบลคูคตและตำบลลาดสวาย)
เขต 7.
เขตเลือกตั้งที่ 7 ประกอบด้วยอำเภอลำลูกกา (ยกเว้นตำบลคูคตและตำบลลาดสวาย) อำเภอธัญบุรี (เฉพาะตำบลบึงสนั่นและตำบลบึงน้ำรักษ์) และอำเภอหนองเสือ (ยกเว้นตำบลบึงชำอ้อ ตำบลบึงกาสาม และตำบลนพรัตน์) | 
| 
	1314911 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314911 | 
	รายชื่อพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ใช้การลงคะแนนระบบคู่ขนาน โดยใช้บัตรเลือกตั้งจำนวนสองใบ ซึ่งหมายเลขประจำพรรคการเมืองในระบบบัญชีรายชื่อจะเป็นหมายเลขเดียวกันทั้งประเทศ ขณะที่หมายเลขของผู้สมัครในระบบแบ่งเขตจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละเขตเลือกตั้งทั้ง 400 เขต แม้จะอยู่พรรคการเมืองเดียวกันก็ตาม
การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองที่สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 67 พรรค โดยหมายเลขประจำพรรคการเมืองมาจากการจับสลากจำนวน 49 หมายเลข และถัดจากนั้นเรียงลำดับตามช่วงเวลาสมัครก่อน-หลัง ซึ่งหมายเลขของแต่ละพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งมีดังต่อไปนี้ | 
| 
	1314939 | 
	12124969 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314939 | 
	เครื่องอิสริยาภรณ์กุหลาบขาวแห่งฟินแลนด์ | 
	เครื่องอิสริยาภรณ์กุหลาบขาวแห่งฟินแลนด์  เป็นหนึ่งในสามของเครื่องอิสริยาภรณ์ของประเทศฟินแลนด์ร่วมกับเครื่องอิสริยาภรณ์แห่งผู้ปลดปล่อยและเครื่องอิสริยาภรณ์สิงโตแห่งฟินแลนด์ มอบให้แก่ผู้กระทำคุณประโยชน์ต่อรัฐการและประชาชนชาวฟินแลนด์ทั้งชาวฟินแลนด์และชาวต่างประเทศ
ประวัติ.
เครื่องอิสริยาภรณ์นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2462 โดยคาร์ล กุสตาฟ เอมิล มันเนอร์เฮม โดยที่มาของชื่อเครื่องอิสริยาภรณ์มาจากดอกกุหลาบ 9 ดอกในตราแผ่นดินของฟินแลนด์ โดยบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ปีเดียวกัน เครื่องอิสริยาภรณ์นี้ออกแบบโดยอักเซลี การ์เลน-คาเรลา
ลักษณะและลำดับชั้น.
เครื่องอิสริยาภรณ์นี้มีทั้งสิ้น 10 ชั้น โดยมีแพรแถบสีน้ำเงินครามตามสีธงชาติฟินแลนด์ ตัวดวงตราจารึกคำขวัญว่า "Isänmaan hyväksi" (เพื่อปิตุภูมิที่ดี) โดยลำดับชั้นของเครื่องอิสริยาภรณ์ดังกล่าวมีดังนี้
การมอบ.
ประธานาธิบดีฟินแลนด์ คือประธานของเครื่องอิสริยาภรณ์นี้ และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการประจำเครื่องอิสริยาภรณ์เพื่อค้นหาผู้ที่เหมาะสมและเสนอชื่อเพื่อรับมอบเครื่องอิสริยาภรณ์นี้ โดยสมาชิกอิสริยาภรณ์นี้ที่มีชื่อเสียงอันได้แก่ ยอซีป บรอซ ตีโต ประมุขแห่งยูโกสลาเวีย สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน บัชชาร อัลอะซัด ประธานาธิบดีซีเรีย เคาะลีฟะฮ์ บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน ประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่น เป็นต้น | 
| 
	1314971 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314971 | 
	มาริโกะ โทริเบะ | 
	มาริโกะ โทริเบะ (; โรมาจิ: "Toribe Mariko", เกิด 31 กรกฎาคม 1990) เป็นนักพากย์หญิงชาวญี่ปุ่น สังกัด IAM เอเจนซี เกิดที่จังหวัดนีงาตะ เป็นมิสโซเฟียกรังด์ปรีซ์ ปี 2012 | 
| 
	1314979 | 
	436717 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314979 | 
	เครื่องเสนาอิสริยาภรณ์นักบุญยากอบและพระขรรค์ | 
	เครื่องเสนาอิสริยาภรณ์นักบุญยากอบและพระขรรค์  คือเครื่องอิสริยาภรณ์เก่าแก่ของประเทศโปรตุเกส ร่วมกับเครื่องเสนาอิสริยาภรณ์หอคอยและดาบ เครื่องเสนาอิสริยาภรณ์แห่งพระคริสต์ เครื่องเสนาอิสริยาภรณ์เอวีซ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1718 และถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญสมัยราชอาณาจักรโปรตุเกส เมื่อ พ.ศ. 2332 ก่อนจะระงับการมอบเครื่องอิสริยาภรณ์นี้ไปใน พ.ศ. 2453 และถูกฟื้นฟูอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2461 เครื่องเสนาอิสริยาภรณ์นี้มอบให้แก่ผู้กระทำคุณประโยชน์สูงสุดด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวรรณกรรมของประเทศโปรตุเกส โดยประธานาธิบดีโปรตุเกสเป็นประธานของเครื่องเสนาอิสริยาภรณ์นี้
ลำดับชั้น.
แต่เดิมเครื่องอิสริยาภรณ์นี้มีทั้งสิ้นห้าชั้น ก่อนจะมีการเพิ่มชั้นสายสร้อยใน พ.ศ. 2505 สำหรับมอบให้แก่ประธานาธิบดีโปรตุเกสและประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ โดยลำดับชั้นของเครื่องเสนาอิสริยาภรณ์มีดังนี้
<br> | 
| 
	1314995 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314995 | 
	วัตสัน | 
	วัตสัน  เป็นเครือข่ายร้านขายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามของฮ่องกงในเอเชียและยุโรป เป็นแบรนด์สุขภาพและความงามระดับเรือธงของเอเอส วัตสัน กรุ๊ป ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยซีเค ฮัทชินสัน โฮลดิ้งส์
มีสาขาเกือบ 8,000 แห่งและร้านขายยา 1,500 แห่งใน 15 ประเทศทั้งในเอเชียและยุโรป รวมถึงฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า จีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย เวียดนาม ตุรกี ยูเครน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ 
ประวัติ.
ก่อตั้งและย้ายไปฮ่องกง.
ดร. โทมัส บอสเวลล์ วัตสัน จากสกอตแลนด์ เป็นสมาชิกคนแรกของครอบครัววัตสันที่มาถึงตะวันออกไกล ซึ่งในปี ค.ศ. 1845 เขาได้ก่อตั้งสถานพยาบาลเอกชนในมาเก๊า หลังจากขายสถานพยาบาลเอกชนให้กับเพื่อนแพทย์ เขาย้ายไปฮ่องกงในปี ค.ศ. 1856 ซึ่งเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของร้านขายยาในฮ่องกง
รู้จักกันในชื่อ "Big Medicine Shop" ลูกค้าหลักของร้านขายยาคือทหารและกะลาสี | 
| 
	1314997 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1314997 | 
	เกาะระ | 
	เกาะระ เป็นเกาะในตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ชุ่มน้ำเกาะระ-เกาะพระทอง ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นชายฝั่งยุบตัว
เกาะระมีพื้นที่ 19.5 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่วางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความลาดชันสูง มียอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 235 เมตร ด้านทิศตะวันตกมีหาดทรายเป็นแนวยาวด้านทิศเหนือและทิศใต้เป็นแหล่งที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ เป็นเกาะที่มีพื้นที่ราบและเคยผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อนทำให้ดินเป็นทรายไม่เหมาะทำการเกษตรกรรม ด้านตะวันออกของเกาะส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนมีลำคลองผ่ากลางพื้นที่ในแนวเหนือ-ใต้ เป็นเกาะที่มีเต่าขึ้นมาวางไข่มากบริเวณชายหาดด้านทิศตะวันตก เกาะมีอ่าวเล็ก ๆ กว่า 10 อ่าว เช่น อ่าวกุนิง อ่าวตาด อ่าวลูกตุ้ม อ่าวสน อ่าวตังหน อ่าวรังนก อ่าวทึง อ่าวนุ้ย อ่าวเส้ง อ่าวน้ำจืด 
พันธุ์ไม้และสัตว์.
พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ บนเขาสูงมีต้นไม้หนาแน่น เช่น ไม้ตะเคียนสะย้า ตะเคียนชันตาแมว ไข่เขียว กระบาก ยูงหรือชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตีนเป็ดแดง ขนุนนกจิกนมหิน รัก ฯลฯ ด้านล่างรกทึบด้วยจำพวกหวาย ปาล์ม ไม้ไผ่ ไม้พุ่ม และเถาวัลย์ชนิดต่าง ๆ ส่วนพื้นที่เขาลาดชันเรื่อยลงมาถึงพื้นล่าง มีพรรณไม้เด่นเช่น ยางเสียน ยางมันหมู พะยอม ตะเคียนทอง ตะเคียนทราย เหรียง รักเขา มะปริง มะส้าน เลือดกวาง มะไฟป่าสกุลข่าลิง สกุลส้มกุ้ง กะพ้อ เตย ฯลฯ
เกาะระมีสัตว์ป่าและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จำนวนมาก จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น กวางป่า หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้ ลิงแสม อีเห็นธรรมดา นากใหญ่ขนเรียบ นิ่ม กระรอกท้องแดง กระรอกปลายหางดำ ค้างคาวแม่ไก่เกาะ บ่าง และหนูเกาะ
นกที่พบ ได้แก่ นกตะกรุม นกพญาปากกว้างท้องแดงนกเงือกกรามช้าง นกเงือกหัวหงอก เป็ดผีเสื้อเป็ดแดง นกกาน้ำเล็ก นกยางทะเล นกยางกรอกพันธุ์จีน นกยางโทนใหญ่ นกออก เหยี่ยวแดงนกอีก๋อยเล็ก นกหัวโตทรายเล็ก นกหัวโตทรายใหญ่ นกนางนวลแกลบท้ายทอยดำ นกกะปูดใหญ่ นกจาบคาหัวสีส้ม นกจาบคอสีฟ้า นกแก๊กนกกก นกนางแอ่นบ้าน นกนางแอ่นแปซิฟิกและอื่น ๆ รวม 106 ชนิด 
สัตว์เลื้อยคลานพบ ตะกวด เหี้ย งูเหลือม งูพังกา งูลายสอใหญ่จิ้งเหลนบ้าน เต่าหับ เต่าดำ ที่น่าสนใจที่สุดคือเต่ามะเฟือง เต่าหญ้า และเต่าตนุ ที่จะขึ้นมาวางไข่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี
พันธุ์ปลาที่พบ เช่น ปลาสีเสียด ปลากะพงข้างปาน ปลาตะกรับ ปลาปักเป้า ปลากระทุงเหวปากแดง ปลากะพงแดง ปลากดทะเล ปลาสีกุน รวมทั้งปลาที่อยู่ในแนวปะการังเช่น ปลาสิงโต ปลากะรังลายขวางจุดน้ำเงินปลากะพง ปลาผีเสื้อ ปลาสลิดหิน ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า ฯลฯ | 
| 
	1315011 | 
	290638 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315011 | 
	กล้องโทรทรรศน์เชิงแสง | 
	กล้องโทรทรรศน์เชิงแสง (optical telescope) เป็นกล้องโทรทรรศน์ประเภทหนึ่งที่ทำงานกับแสงในช่วงคลื่นที่ตามนุษย์มองเห็นเป็นหลัก ทำหน้าที่รวบรวมแสงเข้าที่จุดโฟกัสเพื่อสร้างภาพขยาย อาจใช้สำหรับการสังเกตการณ์ด้วยตาโดยตรง หรือเพื่อสร้างภาพถ่าย หรืออาจบันทึกข้อมูลโดยผ่านเซนเซอร์รูปภาพ
กล้องโทรทรรศน์เชิงแสงมีสามประเภทหลักโดยแบ่งตามโครงสร้าง ดังนี้:
ความสามารถในการแยกแยะรายละเอียดภายในภาพของกล้องโทรทรรศน์เชิงแสงนั้นสัมพันธ์โดยตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลาง (หรือ รูรับแสง) ของ เลนส์ใกล้วัตถุ (เลนส์หลักหรือกระจกที่รวบรวมและโฟกัสแสง) และความสามารถในการรวบรวมแสงนั้นสัมพันธ์กับพื้นที่ของเลนส์ใกล้วัตถุ ยิ่งเลนส์ใกล้วัตถุมีขนาดใหญ่ กล้องโทรทรรศน์จะรวบรวมแสงได้มากขึ้น และให้รายละเอียดที่ละเอียดยิ่งขึ้น
กล้องส่องทางไกล เช่น กล้องตาเดียว และ กล้องสองตา นั้นถือเป็นกล้องโทรทรรศน์เชิงแสง ซึ่งนอกจากจะใช้ในดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์แล้ว ยังอาจถูกใช้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ปักษีวิทยา การเดินอากาศ การล่า การสอดแนม และกิจกรรมในร่มหรือกึ่งกลางแจ้ง เช่น การชมศิลปะการแสดงหรือกีฬา | 
| 
	1315018 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315018 | 
	สีประจำโรงเรียน | 
	สีประจำโรงเรียน หรือรู้จักกันในชื่อของ สีประจำมหาวิทยาลัย สีประจำคณะ สีประจำวิทยาลัย หรือ สีประจำสถาบันการศึกษา เป็นสีที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษากำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ประจำสถาบัน ใช้ประกอบกับป้ายของอาคาร เว็บไซต์ ในเครื่องแต่งกาย เครื่องแบบนักเรียน หรือชุดของทีมกีฬา โดยโรงเรียนสามารถใช้สีประจำสถาบันในการเชื่อมโยงให้นักเรียนมีความรู้สึกร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน ในระดับของ "จิตวิญญาณของโรงเรียน" และช่วยให้สถาบันการศึกษานั้น ๆ มีจุดแตกต่างจากสถาบันการศึกษาอื่น
ประวัติ.
สีประจำโรงเรียนนั้นเป็นประเพณีที่เริ่มต้นขึ้นมาในประเทศอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1830 โดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ใช้สีน้ำเงินเป็นสีประจำมหาวิทยาลัยในการแข่งขันเรือเดอะโบ๊ตเรซกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดในปี พ.ศ. 2379 โรงเรียนเวสต์มินสเตอร์ใช้สีชมพูตั้งแต่การแข่งเรือกับโรงเรียนอีตันในปี พ.ศ. 2380 และมหาวิทยาลัยเดอรัมใช้สีม่วงพาลาทิเนตสำหรับสีผ้าสายคล้องคอบนชุดครุยวิทยฐานะครั้งแรกในปี พ.ศ. 2381
หลายวิทยาลัยในสหรัฐนำสีประจำโรงเรียนมาปรับใช้ในระหว่างปี พ.ศ. 2433 ถึง 2453 ซึ่งปกติสีเหล่านี้จะเป็นสีที่โดดเด่น ซึ่งหลังจากมีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น จึงมีการผสมสีเพื่อใช้งานในเฉดอื่น ๆ ที่มากขึ้น เช่น วิทยาลัยเพรสไบทีเรียนหลาย ๆ แห่งเลือกที่จะใช้สีที่ใกล้เคียงกับสีดำและสีส้มของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน โรงเรียนอเมริกาบางงแห่งใช้สีประจำชาติ คือสี แดง ขาว และน้ำเงิน มาใช้งานเป็นสีประจำโรงเรียนเพื่อแสดงถึงความรักชาติ
สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวิทยาลัยของสหรัฐ โดยการจัดอันดับของนิตยสารฟอบส์ หัวข้อ ฟอบส์ท็อป 50 ประจำปี 2012 และการจัดอันดับทีมบาสเกตบอล NCAA ประจำปี 2013–13 ประกอบไปด้วยสีขาว สีน้ำเงิน สีแดง สีดำ และสีทอง
กีฬา.
การใช้สีในการระบุทีมในกีฬามหาวิทยาลัยนั้นมีการใช้งานย้อนไปตั้งแต่การแข่งเรือเดอะโบ๊ตเรซครั้งที่ 2 ระหว่างออกซฟอร์ดกับเคมบริดจ์ในปี พ.ศ. 2379 โดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะใช้สีในทีมกีฬาสีเดียวกันกับสีประจำมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา แต่สีน้ำเงินเคมบริดจ์เป็นเพียงสีเดียวจากสิบสองสีในชุดสีรอง ที่ไม่ใช่หนึ่งในหกสีหลักของมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมก็ใช้สีเขียวและสีทองสำหรับทีมกีฬาในการแข่งขัน แตกต่างจากสีประจำมหาวิทยาลัยคือสีน้ำเงิน มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ เปลี่ยนสีทีมที่ใช้ในกีฬากรีฑาเมือปี พ.ศ. 2561 ให้เป็นสีเดียวกันกับมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ระหว่างทีมกรีฎาและมหาวิทยาลัยให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ทีมที่เข้าแข่งขันกีฬาส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยเครื่องแบบกีฬา 2 ชุด โดยชุดแรกใช้สีหลัก และชุดที่สองใช้สีรองของสถาบันการศึกษา ในกีฬาบางชนิด เช่น อเมริกันฟุตบอล สีหลักจะถูกใช้ในเครื่องแบบของทีมเหย้า รวมไปถึงกองเชียร์ ทีมเชียร์ลีดเดอร์ และวงโยทวาธิต ก็จะสวมใส่เครื่องแบบที่ใช้สีประจำสถาบันการศึกษาของตน
วิทยฐานะ.
สีประจำโรงเรียนยังถูกใช้งานในชุดครุยวิทยฐานะของหลาย ๆ สถาบัน สีประจำโรงเรียนที่มหาวิทยาลัยนำมาปรับใช้ในชุดครุยวิทยฐานะคือสีม่วงพาลาทิเนตของมหาวิทยาลัยเดอรัมในประเทศอังกฤษระหว่างปี พ.ศ. 2378 ถึง 2381 โรงเรียนในสหรัฐที่มอบผ้าสายคล้องคอบนชุดครุยวิทยฐานะให้กับนักเรียนตามข้อกำหนดของสภาการศึกษาอเมริกัน (American Council on Education) ซึ่งระบุว่าตัวผ้าคล้องคอนบนชุดครุยวิทยฐานะเป็นสีประจำโรงเรียน และขลิปสีกำมะหยี่เป็นสีประจำภาควิชา ชุดครุยวิทยฐานะระดับปริญญาเอกของสหรัฐบางชุดจะเป็นสีประจำมหาวิทยาลัยที่ได้รับปริญญา แยกประเภทจากชุดครุยวิทยฐานะที่จะใช้สีดำ
ผ้าพันคอวิทยฐานะ.
มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และประเทศในเครือจักรภพ และมหาวิทยาลัยในอเมริกาบางแห่งมีผ้าพันคอวิทยฐานะเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย ปกติจะเป็นผ้าพันคอแบบยาว ทำด้วยผ้าขนสัตว์ พร้อมกับลวดลายเฉพาะแถบตามยาวที่มีความกว้างต่างกัน ในมหาวิทยาลัยในระดับวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มหาวิทยาลัยเดอรัม ในแต่ละวิทยาลัยจะมีสีและผ้าพันคอเป็นของตนเอง มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยระดับวิทยาลัย อาทิ มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ก็จะมีผ้าพันคอในแต่ละคณะเช่นกัน
สีประจำโรงเรียนในประเทศไทย.
ในประเทศไทย สีประจำโรงเรียนหรือสีประจำมหาวิทยาลัยมักจะมีความหมายตามสิ่งที่เกี่ยวกับการก่อตั้งหรือวิชาที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเหล่านั้นสอนอยู่ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใช้สีชมพู เนื่องจากเป็นสีของวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 5 และเป็นสีประจำพระองค์ซึ่งมหาวิทยาลัยใช้พระปรมาภิไทยเดิมของพระองค์เป็นชื่อมหาวิทยาลัย | 
| 
	1315025 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315025 | 
	จังหวัดสิงห์บุรีในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 1 เขตเลือกตั้ง เท่าเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2562 แต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">พลังประชารัฐ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#006536; width:34.81%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">34.81%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:32.34%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">32.34%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:24.03%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">24.03%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">8.82%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">พลังประชารัฐ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#006536; width:100.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">100.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยจังหวัดสิงห์บุรีทั้งจังหวัด
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 1
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ธีรเศรษฐ (62.43%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  นิชดา (17.01%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  โชติวุฒิ (9.61%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ภูวเดช (5.54%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  สุรสาล (1.84%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่นๆ (3.57%) | 
| 
	1315038 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315038 | 
	จังหวัดแม่ฮ่องสอนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตเลือกตั้ง เพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ขึ้นมา 1 ที่นั่ง ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">พลังประชารัฐ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#006536; width:24.70%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">24.70%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ประชาธิปัตย์</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#23B0E6; width:24.17%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">24.17%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:18.77%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">18.77%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">32.36%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">พลังประชารัฐ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#006536; width:50.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">50.00%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ประชาธิปัตย์</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#23B0E6; width:50.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">50.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า และอำเภอขุนยวม
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 1 (แบบแบ่งเขต)
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  สมเกียรติ (64.42%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  สมภพ (13.69%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ปกรณ์ (6.84%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ดนุภัทร์ (4.35%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (10.70%)
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 1 (แบบบัญชีรายชื่อ)
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ก้าวไกล (76.86%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  เพื่อไทย (15.73%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  รวมไทยสร้างชาติ (3.08%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ประชาธิปัตย์ (0.78%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (3.55%)
เขต 2.
เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 2 (แบบแบ่งเขต)
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  สะท้าน (61.61%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  วิทยา (15.78%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  สมบัติ (5.92%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  เฉลิม (3.48%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (13.21%)
ผลการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกราชอาณาจักร เขตเลือกตั้งที่ 2 (แบบบัญชีรายชื่อ)
<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ก้าวไกล (75.60%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  เพื่อไทย (16.04%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  รวมไทยสร้างชาติ (3.61%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  ประชาธิปัตย์ (0.75%)<templatestyles src="Legend/styles.css" />  อื่น ๆ (4.00%) | 
| 
	1315041 | 
	361321 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315041 | 
	ประเทศซูรินามในโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 | 
	ประเทศซูรินาม มีกำหนดจะแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ที่ปารีส ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 11 สิงหาคม พ.ศ. 2567 จะเป็นการปรากฏตัวครั้งที่ 15 ของประเทศในโอลิมปิกฤดูร้อน
นักกีฬา.
รายการต่อไปนี้เป็นจำนวนผู้เข้าแข่งขันในครั้งนี้
ว่ายน้ำ.
ผลการแข่งขันดังนี้ | 
| 
	1315055 | 
	476254 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315055 | 
	จังหวัดสมุทรสาครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 | 
	การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2566 เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขตเลือกตั้ง จำนวนที่นั่งเท่าเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน
ภาพรวม.
แบ่งตามพรรค.
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">คะแนนเสียง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:39.32%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">39.32%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">พลังประชารัฐ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#006536; width:19.87%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">19.87%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">เพื่อไทย</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#E30613; width:15.72%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">15.72%</td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">อื่น ๆ</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">25.09%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
<table style="margin:0; border:none;"><tr><td style="border:none; padding:0;">
<table style="text-align:left; border-collapse:collapse; width:100%;">
<tr style="background:#ddd"><th style="text-align:center;" colspan="5">ที่นั่ง</th></tr>
<tr style="font-size:88%; height:4px;">
<td colspan="2" style="padding:0 4px; text-align:left;"></td>
<td style="width:400px; text-align:left;"></td>
<td colspan="2" style="padding:0 4px; width:1em; text-align:right;"></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em;min-width:8em">ก้าวไกล</td>
<td style="width:100px;border-left:solid 1px silver;border-right:solid 1px silver;">#EF771E; width:100.00%; overflow:hidden">  </td>
<td colspan="2" style="padding-left:0.4em;padding-right:0.4em" align="right">100.00%</td>
</tr>
</table>
</td></tr></table>
ผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต.
เขต 1.
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอเมืองสมุทรสาคร (เฉพาะตำบลท่าทราย ตำบลมหาชัย ตำบลท่าฉลอม ตำบลโกรกกราก ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ ตำบลบางน้ำจืด และตำบลคอกกระบือ)
เขต 2.
เขตเลือกตั้งที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอเมืองสมุทรสาคร (เฉพาะตำบลนาดี) และอำเภอกระทุ่มแบน (ยกเว้นตำบลหนองนกไข่ ตำบลบางยาง และตำบลท่าเสา)
เขต 3.
เขตเลือกตั้งที่ 3 ประกอบด้วยอำเภอบ้านแพ้ว อำเภอกระทุ่มแบน (เฉพาะตำบลหนองนกไข่ ตำบลบางยาง และตำบลท่าเสา) และอำเภอเมืองสมุทรสาคร (เฉพาะตำบลบ้านเกาะ ตำบลชัยมงคล ตำบลบางกระเจ้า ตำบลท่าจีน ตำบลบ้านบ่อ ตำบลบางโทรัด ตำบลกาหลง และตำบลนาโคก) | 
| 
	1315060 | 
	79882 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315060 | 
	ความสัมพันธ์ออสเตรเลีย–ฟินแลนด์ | 
	มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างออสเตรเลียและฟินแลนด์ โดยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1949 โดยประเทศออสเตรเลียมีตัวแทนในประเทศฟินแลนด์ผ่านสถานเอกอัครราชทูตในสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และผ่านสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในเฮลซิงกิ ส่วนประเทศฟินแลนด์มีสถานเอกอัครราชทูตในแคนเบอร์ราตั้งแต่ ค.ศ. 1978 ร่วมกับสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในเมลเบิร์นและเพิร์ท, สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในแอดิเลด, บริสเบน, ดาร์วิน, โฮบาร์ต และซิดนีย์ ตลอดจนสถานรองกงสุลกิตติมศักดิ์ในแคนส์
ความสัมพันธ์ทางการทูต.
ประวัติช่วงต้น ค.ศ. 1917–1949.
ตัวแทนทางการทูตของฟินแลนด์ในออสเตรเลียในยุคแรกเริ่มมีอายุย้อนไปถึง ค.ศ. 1917 เมื่อแกรนด์ดัชชีฟินแลนด์ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิรัสเซีย โดยตัวแทนทางการทูตของฟินแลนด์มีตัวแทนโดยนักการทูตรัสเซียก่อน ค.ศ. 1917 แม้ว่าสหราชอาณาจักร (เป็นตัวแทนของออสเตรเลีย) จะไม่ยอมรับประเทศใหม่ของฟินแลนด์จนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1919 แต่จอห์น ออสการ์ บอยเยอร์ หัวหน้าคณะลูกเรือเผยแพร่คริสต์ศาสนาของฟินแลนด์ในซิดนีย์ ได้ทำหน้าที่ในฐานะกงสุลอย่างไม่เป็นทางการ กระทั่งบอยเยอร์ถูกแทนที่ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 เมื่อวิลเลียม วัตต์ ซึ่งรักษาการแทนนายก ประกาศว่าออสเตรเลียยอมรับนักธุรกิจชื่อคาร์โล โยฮันเนส เนาแคลร์ ในฐานะตัวแทนกงสุลของฟินแลนด์ในซิดนีย์
เนาแคลร์ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นกงสุลโดยรัฐบาลฟินแลนด์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1919 เขตอำนาจศาลของเขายังรวมถึงนิวซีแลนด์, นิวกินี และโอเชียเนียโดยทั่วไป โดยเกี่ยวกับการแต่งตั้งของเขา นิตยสาร"เดลีคอมเมอร์เชียลนิวส์แอนด์ชิปปิงลิสต์"ได้ระบุในเชิงบวกว่า: "ฟินแลนด์จะพบว่าในออสเตรเลีย เธอจะได้เพื่อนที่ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะค้าขายกับเธอ และการส่งตัวแทนของเธอมาที่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเธอจริงจังแล้ว" ทั้งนี้ เนาแคลร์เป็นนักกีฬาที่มีความสามารถซึ่งชนะเลิศการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศออสเตรเลียทั้งประเภทพุ่งแหลนและขว้างจักรใน ค.ศ. 1919 และ 1921 ตามลำดับ ส่วนเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1919 เนาแคลร์ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นกงสุลฟินแลนด์ประจำออสเตรเลีย โดยมีหน้าที่รับผิดชอบนิวซีแลนด์และหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งได้รับการยอมรับจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1919 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1921 เนาแคลร์เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยวัย 31 ปี ที่ต่อมา ได้มีการเปิดเผยว่าเขาเสียชีวิตจากการใช้มอร์ฟีนเกินขนาด ซึ่งเป็นผลจากปัญหาชีวิตคู่ รวมถึงการเสียชีวิตของเขาได้รับการประกาศว่าเป็นการฆ่าตัวตาย และเพื่อเป็นการรำลึกถึง โก. ยี. เนาแคลร์ คัพ ได้สร้างขึ้นโดยสมาคมกรีฑาสมัครเล่นรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยมอบให้กับผู้ชนะที่มีคะแนนรวมสูงสุดในการแข่งประจำปี | 
| 
	1315084 | 
	184218 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315084 | 
	สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1957–58 | 
	ฤดูกาล 1957–58 เป็นฤดูกาลที่ 56 ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฟุตบอลลีกและเป็นฤดูกาลที่ 13 ติดต่อกันในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ
ในฤดูกาลนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร เมื่อผู้เล่น 8 คน เจ้าหน้าที่สโมสร 3 คน และผู้โดยสารอีก 10 คนเสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติทางอากาศมิวนิกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 ระหว่างเดินทางกลับจากการแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศกับเรดสตาร์เบลเกรด มาร์ค โจนส์, กัปตันทีม โรเจอร์ เบิร์น, เจฟฟ์ เบนต์, เดวิด เพ็กก์, เอ็ดดี้ โคลแมน, บิล วีแลน และทอมมี่ เทย์เลอร์ กองหน้าตัวกลาง เสียชีวิตทั้งหมดทันที ดังคัน เอดเวิดส์ ปีกซ้ายอนาคตไกลอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในวันที่ 21 กุมภาพันธ์
จอห์นนี เบอร์รี ปีกและเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แจ็กกี บลานช์ฟลาวเวอร์ ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถลงเล่นได้อีก ขณะที่ผู้เล่นที่รอดชีวิตหลายคนไม่พร้อมลงสนามเพราะต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บเป็นเวลานานพอสมควร แมตต์ บัสบี ผู้จัดการทีมได้รับบาดเจ็บสาหัส และผู้ช่วยของเขา จิมมี เมอร์ฟี (ซึ่งไม่ได้อยู่ในเที่ยวบินนั้น) รับหน้าที่คุมทีมชุดใหญ่แทนจนจบฤดูกาล วอลเตอร์ คริกเมอร์ เลขานุการสโมสร และโค้ชทอม เคอร์รี และเบิร์ต วอลลีย์ เสียชีวิตทั้งหมดจากเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 คน
แม้ว่าจะมีการสูญเสียภายในทีมของพวกเขา แต่ยูไนเต็ดก็ยังสามารถไปถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพในฤดูกาลนั้น ซึ่งพวกเขาแพ้ให้กับโบลตันวอนเดอเรอส์ พวกเขาเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของยูโรเปียนคัพด้วย อย่างไรก็ตามฟอร์มในลีกของพวกเขาตกลงไปหลังจากเครื่องบินตกโดยจบอันดับที่ 9 ของตาราง โดยพวกเขาจบตามหลังแชมป์ลีกฤดูกาลนั้นอย่างวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ ซึ่งคุมทีมโดยสแตน คัลลิส ถึง 21 แต้ม
ทีมยูไนเต็ดมีความสูญเสียจากการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่มิวนิก นักเตะเยาวชนจำนวนหนึ่งจากทีมเยาวชนและศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ รวมถึงปีก เชย์ เบรนแนน และกองหน้า มาร์ก เพียร์สัน สมาชิกใหม่ที่โดดเด่นอีกคนของทีมคือผู้รักษาประตู แฮร์รี เกร็กก์ ซึ่งเซ็นสัญญาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1957 ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเครื่องบินตกที่มิวนิก และได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ในการช่วยเหลือลูกสาวและแม่ของเธอซึ่งเป็นผู้โดยสารในเหตุการณ์เครื่องบินตก
ผู้ทำประตูสูงสุดของยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้คือ เดนนิส ไวโอเลต ซึ่งยิงไป 23 ประตูในทุกรายการและ 16 ประตูในลีกแม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นเป็นเวลา 2 เดือนในขณะที่เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินตกที่มิวนิก
ภัยพิบัติทางอากาศมิวนิก.
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 ยูไนเต็ดเล่นกับเรดสตาร์เบลเกรดที่ยูโกสลาเวีย ในเลกที่ 2 ของยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศ การแข่งขันจบลงด้วยการเสมอกัน 3-3 แต่จากการที่ยูไนเต็ดเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-1 ในเลกแรก ทำให้รวมผล 2 นัดพวกเขาชนะไปด้วยสกอร์ 5-4 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน | 
| 
	1315096 | 
	290638 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315096 | 
	กล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็ง | 
	กล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็ง (Cassegrain telescope) เป็นกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงประเภทหนึ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยโลร็อง กัสแกร็ง นักบวชชาวฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 17
ประกอบขึ้นโดยการวางกระจกเงาทุติยภูมิที่เป็นกระจกเงานูนทรงไฮเพอร์โบลาไว้ด้านหน้ากระจกเงาปฐมภูมิที่เป็นกระจกเงาเว้าทรงไฮเพอร์โบลา แล้วเปิดช่องว่างตรงกลางกระจกเงาปฐมภูมิให้ลำแสงผ่านไปยังด้านหลังซึ่งวางอุปกรณ์วัดแสงเช่น CCD เอาไว้
เนื่องจากกระจกเงาทุติยภูมิมีลักษณะนูน ความยาวโฟกัสของกล้องโทรทรรศน์จึงเป็น 3-4 เท่าของความยาวโฟกัสของกระจกเงาปฐมภูมิ เช่นเดียวกับ กล้องโทรทรรศน์แบบนิวตัน กล้องแบบนี้จะไม่เกิดความคลาดทรงกลมสำหรับภาพของจุดที่ระยะอนันต์บนแกนหลัก
กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่บางรุ่นสามารถปรับให้เป็นกล้องโทรทรรศน์แบบนิวตันได้โดยเปลี่ยนกระจกเงาทุติยภูมิเป็นกระจกเงาระนาบที่เอียง 45 องศา
รูปแบบอื่น.
กล้องโทรทรรศน์แบบอื่น ๆ หลายประเภทได้ดัดแปลงโดยมีพื้นฐานจากกล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็ง เช่น กล้องโทรทรรศน์แบบริตชี–เครเตียง, กล้องโทรทรรศน์แบบดอล–เคอร์แค็ม, กล้องโทรทรรศน์แบบชมิท–กัสแกร็ง, กล้องโทรทรรศน์แบบมัคซูตอฟ–กัสแกร็ง | 
| 
	1315109 | 
	502452 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315109 | 
	สโมสรฟุตบอลเขลางค์ ยูไนเต็ด | 
	สโมสรฟุตบอลเขลางค์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย โดยเป็นสโมสรตัวแทนจากจังหวัดลำปาง ปัจจุบันเล่นในไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ
ประวัติ.
สโมสรฟุตบอลเขลางค์ ยูไนเต็ด ก่อตั้งเมื่อปี 2564 เขลางค์ ยูไนเต็ดได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก ฤดูกาล 2565 ในโซนภาคเหนือ เป็นการแข่งขันแรก โดยได้ตำแหน่งอันดับที่ 3 ของโซน ต่อมาในปี 2566 สโมสรได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันไทยแลนด์ เซมิโปรลีก ฤดูกาล 2566 ในโซนภาคเหนือ โดยได้ตำแหน่งชนะเลิศของโซน และได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ
ในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 สโมสรได้ผ่านการพิจารณาตามข้อกำหนดของระเบียบว่าด้วยการออกใบอนุญาตสโมสรของไทยลีก 3 ฤดูกาล 2568–69
สโมสรมีแผนจะย้ายสนามเหย้าจาก สนามกีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง มาเป็น สนามกีฬากลางจังหวัดลำปาง (สนามหนองกระทิง) เพื่อใช้ในการแข่งขันฤดูกาล 2568–69 ของไทยลีก 3 จนกระทั่งในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ได้ย้ายมาใช้สนามกีฬากลางจังหวัดลำปางอย่างเป็นทางการ
 "ณ วันที่ 10 กันยายน 2568"
ผู้เล่น.
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน.
<templatestyles src="Template:Football squad player/styles.css" /> | 
| 
	1315117 | 
	396583 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315117 | 
	เรือหลวงกระบุรี | 
	เรือหลวง"กระบุรี" (FFG-457)  เป็นเรือลำที่สามในเรือฟริเกตชุด"เรือหลวงเจ้าพระยา" สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ ของกองทัพเรือไทย โดยใช้แบบของเรือฟริเกต แบบ 053 เฮชที ชั้น"เจียงหู III" ของจีน โดยเรือหลวง"กระบุรี" มีคำขวัญว่า "เราจะทำเพื่อส่วนรวม"
การออกแบบ.
เรือหลวง"กระบุรี" มีความยาว 103.2 เมตร (339 ฟุต) ความกว้าง 11.3 เมตร (37 ฟุต) กินน้ำลึก 3.1 เมตร (10 ฟุต) ระวางขับน้ำปกติ 1,840.57 ตัน ระวางขับน้ำเต็มที่ 1961 ตัน มีใบพัดสองเพลาและขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MTU 20V1163 TB83 สี่เครื่องที่มีกำลัง 29,440 แรงม้า (21,950 กิโลวัตต์) เรือมีระยะทำการ 3,500 ไมล์ทะเล (6,500 กม.) ขณะแล่นด้วยความเร็ว 18 นอต (33 กม./ชม.) และมีความเร็วสูงสุด 30 นอต (56 กม./ชม.) เรือหลวง"กระบุรี" ใช้กำลังพลทั้งหมด 168 นาย ซึ่งรวมถึงนายทหาร 22 นาย
ชั้นเรือแบบ 053 เฮชที ซึ่งเป็นแบบเรือของเรือหลวง"กระบุรี"นั้น ติดตั้งปืนใหญ่เรือขนาด 100 มม./56 แบบ 79 แท่นคู่ ที่บริเวณส่วนหน้า และปืนใหญ่กลแบบ 76 ขนาด 37 มม. แท่นคู่ จำนวนสี่กระบอก สำหรับการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ นอกจากนี้เรือได้แท่นยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ แบบ 86 จำนวนสองแท่น และจรวดปราบเรือดำน้ำ BMB น้ำลึก จำนวนสองแท่น สำหรับสงครามผิวน้ำ เรือหลวง"กระบุรี"นั้นได้ติดตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ C-801 แปดแท่นเป็นอาวุธหลักประจำเรือ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับดาดฟ้าบิน และสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้หนึ่งลำ
การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ.
เรือแบบ 053 เฮชที (เฮช) อีกสองลำ คือ เรือหลวง"กระบุรี" และเรือหลวง"สายบุรี" ได้รับการปรับปรุงระบบให้ทันสมัยขึ้นในปี พ.ศ. 2552 การปรับปรุงนี้นี้รวมถึงการเปลี่ยนระบบอาวุธและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบไปด้วยปืนใหญ่เรือแบบ 100 มม./56 แบบ 79A และเรดาร์ควบคุมการยิงแบบ TR47C และแบบ FCU17C-2, ระบบอำนวยการรบ Poseidon III แทนที่ระบบเก่าคือ ZKJ-3, ปืนใกญ่กล 37 มม. แบบ 76A แท่นคู่ ควบคุมระยะไกลด้วยเรดาร์ควบคุมการยิง TR47C พร้อมระบบควบคุมการยิง FCU17C-1, ระบบระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (ESM) ES-3601-10 แทนที่ ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ แบบ 923-1 และ แบบ 981-3, เรดาร์ตรวจการพื้นน้ำ/อากาศ SR-60 และติดตั้งขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำใหม่ คือ C-802A
การต่อเรือ.
เรือหลวง"กระบุรี" ได้รับการสั่งต่อพร้อมกันกับเรือลำอื่น ๆ ในเรือฟริเกตชุด"เรือหลวงเจ้าพระยา" รวม 4 ลำ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ณ อู่ต่อเรือหูต่ง เซี่ยงไฮ้ โดยปล่อยลงน้ำในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2533 เพื่อทดสอบและส่งมอบ 
เมื่อเรือเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อส่งมอบ ได้มีการตรวจสอบคุณภาพและพบว่าตัวเรือยังไม่เป็นที่น่าพอใจในการทำไปใช้งานและจำเป็นจะต้องแก้ไขปรับปรุงเกี่ยวกับการควบคุมความเสียหายของตัวเรือ เมื่อได้ปรับปรุงในส่วนของส่วนควบคุมความเสียหายและส่วนอื่น ๆ ที่ต่ำกว่ามาตรฐานให้ได้มาตรฐานแล้วจึงได้นำเรือเข้าประจำการในกองทัพเรือไทยเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535
ภารกิจ.
เรือหลวง"กระบุรี"มักจะได้รับภารกิจร่วมกับเรือน้องสาวในการฝึกประจำวงรอบและสับเปลี่ยนกำลังไปปฏิบัติหน้าที่ยามฝั่งเป็นประจำทุก ๆ เดือน
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2540 เรือหลวง"กระบุรี"พร้อมกับเรือหลวง"นเรศวร"ถูกส่งไปยังเมืองโรตา ประเทศสเปนเพื่อคุ้มกันเรือหลวงจักรีนฤเบศรในช่วงทดสอบการบินของอากาศยาน และเรือทั้งสอบได้คุ้มกันเรือหลวงจักรีนฤเบศรในการเดินทางกลับมายังประเทศไทย โดยเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2540
ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 เรือหลวง"กระบุรี"ได้รับความเสียหายจากการถูกคลื่นยักษ์ซัดตัวเรือเข้ามาบนฝั่ง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นเรือได้รับการซ่อมแซมและกลับมาประจำการอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เรือหลวงกระบุรีได้ร่วมทำการฝึก PASSEX ร่วมกับเรือหลวงริชมอนด์กองทัพเรือสหราชอาณาจักรบริเวณทะเลอันดามันช่วงน่านน้ำประเทศไทยด้านใต้เกาะสิมิลัน ห่างจากบ้านทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 40 ไมล์ เพื่อฝึกการแปรขบวน การชักประมวลธงสากล การส่งสัญญาณไฟ การจัดกระขบวนถ่ายรูป ประมาณเวลา 14.00 - 15.00 น. ระยะเวลา 1 ชั่วโมง
เรือหลวง"กระบุรี"และเรือการ์มุค (INS Karmuk) ได้ปฏิบัติการร่วมกันในการลาดตระเวนร่วมระหว่างอินเดียและไทย (Indo-Thai CORPAT) ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เรือหลวงสุโขทัยได้ประสบอุบัติเหตุจากพายุทำให้เกิดน้ำเข้าท่วมตัวเรือ และมีคำสั่งให้สละเรือ ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรือหลวง"กระบุรี"เป็นเพียงเรือลำเดียวที่เข้าถึงที่เกิดเหตุเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกเรือและเจ้าหน้าที่ก่อนที่ตัวเรือจะจมลงในเวลาเที่ยงคืน และเข้าร่วมภารกิจค้นหาและกู้ภัย | 
| 
	1315118 | 
	438914 | 
	https://th.wikipedia.org/wiki?curid=1315118 | 
	โลร็อง กัสแกร็ง | 
	โลร็อง กัสแกร็ง (ค.ศ. 1629 – 1 กันยายน 1693) เป็นนักบวชในนิกายคาทอลิกและนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็ง
ชีวประวัติ.
โลร็อง กัสแกร็งเกิดที่เมืองชาทร์ ใน ปี ค.ศ. 1629 เป็นบุตรชายของมาตูว์แร็ง (Mathurin) กัสแกร็ง และ เฌออาน (Jehanne) กัสแกร็ง ไม่ชัดเจนว่าเขาได้รับการศึกษาแบบใดมา แต่ตั้งแต่ในปี 1654 เขาเป็นทั้งนักบวชและศาสตราจารย์ เชื่อกันว่าเขามีความสนใจใน สวนศาสตร์ ทัศนศาสตร์ และ กลศาสตร์ เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1693 ขณะทำงานเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ที่ วิทยาลัยชาทร์ | 
			Subsets and Splits
				
	
				
			
				
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.
